The Hidden Oasis Place in Pattanakarn
มาม่วนซื่นกับความแซ่บแบบครบเครื่องของอาหารอีสานสไตล์ 'หางเครื่อง' ร้านอาหารอีสานเปิดใหม่ที่ทำการเปิดร้านต้อนรับพ่อแม่พี่น้องคนฮักอาหารอีสาน ให้เข้ามารับประทานส้มตำรสเเซ่บในบรรยากาศแอร์เย็นสบายแล้ววันนี้ที่โครงการ The Connect ซอยพัฒนาการ 44 โดยร้านอาหารอีสานแห่งนี้ต่อยอดมาจากร้านอาหารต้นเครื่อง ร้านอาหารไทยร้านแรกในซอยทองหล่อ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยมาอย่างยาวนาน ภายใต้การดูแลของ คุณดีน-ดรัลรัตน์ เขมสมิทธ์ ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของร้านต้นเครื่องนั่นเอง
บรรยากาศภายในร้านเน้นความสนุกสนานในแบบฉบับหางเครื่อง โดยแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนส้มตำและโซนคาเฟ่ โดยตกแต่งร้านด้วยโทนสีสันสดใสและเน้นความทันสมัย แต่ยังคงกลิ่นอายของวัฒนธรรมอีสานพื้นบ้านไว้เช่นเดิม โดยเฉพาะในโซนส้มตำที่นำเครื่องจักสานมาประดับตกแต่งผนังและแปลงโฉมให้เป็นโคมไฟดีไซน์สวย เข้ากันดีกับเก้าอี้หวาย อีกทั้งยังมีไฮไลต์เป็นแสงธรรมชาติสวย ๆ ซึ่งในช่วงบ่าย ๆ จะส่องลอดผ่านมาจากด้านบนลงมายังกระจกห้องใสที่กั้นห้อง พร้อมด้วยมุมน้ำพุที่ตั้งอยู่บริเวณกลางร้าน ช่วยเสริมบรรยากาศร่มรื่น ความโปร่งโล่งสบายตาให้กับตัวร้านอย่างมาก
Tropical Vibes
เมื่ออิ่มอร่อยกับอาหารอีสานกันแล้ว ยังสามารถเดินเชื่อมต่อไปที่โซนฝั่งคาเฟ่เพื่อทานของหวานดับความเผ็ดร้อนของอาหารอีสานได้ภายในบริเวณเดียวกันอีกด้วย โดยทางร้านได้ผสมผสานความเป็นร้านอาหารอีสานและคาเฟ่เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างเก๋ไก๋ในสไตล์ทรอปิคอลสีสันสดใส ผนังด้านหนึ่งประดับด้วยวอลเปเปอร์ลวดลายดอกไม้นานาพันธุ์ ติดกันนั้นเป็นเคาน์เตอร์บาร์ดีไซน์สวยด้วยงานจักสานและการเลือกใช้โทนสีพาสเทลที่มิกซ์แอนด์แมตช์กันได้ลงตัว เหมาะเป็นมุมถ่ายรูปเช็กอินสำหรับสาว ๆ
Zaab in E-San Style
จากการที่ คุณดีน ได้ทำงานอยู่ในวงการร้านอาหารมากว่า 20 ปี และคลุกคลีกับอาหารอีสานมาตั้งแต่เด็ก ทำให้หลงใหลในความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอาหารอีสาน จึงได้สั่งสมความรู้จากครัวต้นเครื่อง ก่อนจะพัฒนามาเป็นสูตรอาหารที่ให้รสแซ่บจัดจ้านในแบบฉบับ (คณะ) หางเครื่อง โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ อย่างกะทิสด มะนาวแท้ลูกโต น้ำปลาเกรดคุณภาพจากจังหวัดใกล้เคียง และความพิเศษคือพริกแกงและเครื่องปรุงน้ำยำสูตรเฉพาะ ที่ใส่มาแบบไม่หวงเครื่องและไม่ใส่ผงชูรส พร้อมสอดแทรกกิมมิกแต่ละจานเด็ดให้ได้ลิ้มลองกันในแบบที่ไม่ซ้ำใคร
เริ่มที่ ตำหลวงพระบาง (130 บาท) ส้มตำสุดแซ่บจากประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งความพิเศษของเมนูนี้ก็คือเส้นมะละกอสดกรอบที่ฝานเป็นแผ่นบางขนาดใหญ่กำลังดี และปลาร้าสุกสูตรพิเศษของทางร้าน ที่ทำให้คนไม่ทานปลาร้ากล้าที่จะเปิดใจลอง นำมาตำคลุกเคล้าเข้ากับกะปิอย่างดี และเพิ่มรสเผ็ดซี้ดด้วยพริกแห้งและพริกสด ก่อนโรยด้วยเม็ดกระถินและแคบหมูกรอบ ๆ ให้ลิ้มรสความอร่อยไปพร้อมกับน้ำส้มตำสุดแซ่บที่คลุกเคล้าจนเข้ากันกับเส้นส้มตำ
ขอเสิร์ฟความอร่อยของเมนูถัดไปด้วย แจ่วปลาร้า + ผักชุด (100 บาท) ที่เสิร์ฟผักสด ๆ มาพร้อมกับแจ่วปลาร้า พิถีพิถันด้วยการนำพริก หอมแดงและกระเทียม ไปเผาบนเตาถ่านเพื่อเพิ่มความหอม ก่อนจะโขลกกับเครื่องปรุงที่รับรองว่าใครได้ชิมเป็นต้องติดใจ ต่อด้วยรสแซ่บอีหลีที่ Combination กับรสชาติความอร่อยแบบเกาหลีในเมนู ตำซามิดา (150 บาท) ตำไทยที่ใส่กิมจิรสเข้มข้นลงไปตำคลุกเคล้าจนได้รสชาติที่แซ่บจัดจ้าน หวานอมเปรี้ยว ยิ่งทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ ที่เสิร์ฟมาในกระติ๊บ และ ไก่ย่างหนังกรอบ (ครึ่งตัว 110 / 1 ตัว 190 บาท) ไก่ย่างตัวใหญ่ที่นำไปย่างจนได้เนื้อนุ่มหนังกรอบ ก็ยิ่งเข้ากั๊นเข้ากัน
ส่วนใครที่มากับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนหากอยากลองทานแบบคอมโบ ลองสั่ง ตำถาดปูปลาร้า (210 บาท) เส้นมะละกอที่ตำเข้ากับน้ำปลาร้าสุกรสแซ่บนัว และโรยด้วยเม็ดกระถินลงไปด้วย จานนี้สามารถเลือกความเผ็ดได้ตามชอบ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงที่มาชูรสชาติความอร่อยยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแหนมย่าง หมูยอ แคบหมู ไข่เป็ดต้มยางมะตูม ขนมจีน ยอดกระถิน ยอดกระเฉด ถั่วงอกดิบ ทานคู่กับหนังไก่ทอดกรอบที่เป็นสูตรเด็ดของร้านหางเครื่อง
Classic Refreshing Drinks
สำหรับโซนฝั่งคาเฟ่ แนะนำว่าต้องลองดื่ม บ๊วยสไปรท์ (55 บาท) เครื่องดื่มสูตรเฉพาะของหางเครื่องที่เน้นความสดชื่นหอมหวานของบ๊วย พร้อมเกลือละเอียดที่ขอบปากให้จิบชิมไปพร้อมกับความซาบซ่าของสไปรท์ เหมาะสำหรับดื่มคู่กับเมนูส้มตำ หรือหากใครชอบเครื่องดื่มไทย ๆ สไตล์คาเฟ่โบราณ อย่างชาไทยเข้มข้น ชาดำเย็น โอเลี้ยง กาแฟโบราณ ให้เลือกดื่มอีกมากมาย นอกจากนี้ ร้านหางเครื่องยังพร้อมเสิร์ฟขนมหวานที่ชวนให้คิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นขนมปังสังขยาชาไทย สังขยาใบเตยหอม ๆ ราดบนขนมปังเนื้อนุ่ม แล้วยังมีเมนูไข่กระทะร้อน ๆ ให้เลือกอิ่มท้องได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย
