Take Your Time and Let’s Hey!
หลังจากที่ Hey! Coffee ได้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟและครองใจคอกาแฟมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี พร้อมขยายความอร่อยไปแล้วถึง 11 สาขา ผ่านการให้บริการหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Toll-Way Coffee Express, ร้านกาแฟ, คาเฟ่ และร้านอาหาร ล่าสุด Hey! 53 Coffee & Kitchen (สาขาที่ 3) ที่ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ได้มีการรีโนเวทพื้นที่ภายในร้านขึ้นใหม่ โดยเฉพาะโซนสวนสวยสุดร่มรื่นที่เหมาะสำหรับนั่งสังสรรค์หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แบบสบาย ๆ ให้ทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาได้ใช้ช่วงเวลาดี ๆ เหมือนการได้ Let’s Hey! ทักทาย เติมเต็มความสุขความผ่อนคลายในระหว่างวัน
Cafe in the Garden
ด้วยความตั้งใจอันดีที่จะสร้างสรรค์พื้นที่สำหรับคนรักกาแฟและผู้ที่มองหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในวันสบาย ๆ Hey! 53 Coffee & Kitchen แห่งนี้จึงโดดเด่นด้วยโซน Outdoor สวนสวยสุดผ่อนคลาย ร่มรื่นสบายตาด้วยแมกไม้นานาชนิดที่รับกับแสงธรรมชาติสวย ๆ ตัดกับโทนสีขาวสะอาดตาและโทนสีไม้อ่อน ๆ ของเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ต่าง ๆ ที่ทางร้านเลือกนำมาตกแต่ง มาพร้อมโซนนั่งสุดชิลล์ให้ผู้ที่มาเยือนได้เลือกนั่งชิลล์เอาต์ตามชอบ รวมไปถึงมุมไฮไลต์อย่างโต๊ะยาวที่มีการเซ็ตอัพพร็อพ Dining เก๋ ๆ อาทิ แจกันดอกไม้ เชิงเทียน แก้วน้ำ จาน-ชาม ฯลฯ ให้ได้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
รวมถึงมีโซนเบเกอรีหรือห้องทำขนมแบบเปิดที่เผยให้เห็นเบื้องหลังการครีเอตความอร่อยของหลากหลายเมนูเบเกอรีโฮมเมดของทีมเชฟของทางร้านได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
อีกหนึ่งความน่ารักที่ทาง Hey! 53 Coffee & Kitchen มอบให้เป็นพิเศษนั้น คือการเปิดโอกาสให้เหล่าคนรักสัตว์เลี้ยงได้นำน้องสุนัขและน้องแมวตัวโปรดมาเที่ยวเล่นภายในร้านได้อีกด้วย
ถัดมาที่โซน Indoor ทางร้านเลือกตกแต่งในสไตล์ Industrial สะดุดตาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มและของตกแต่งแนววินเทจที่มาช่วยเพิ่มมู้ดโทนอบอุ่น เสริมบรรยากาศให้เหมือนได้เข้ามานั่งจิบกาแฟ ทานอาหาร ทานขนมภายในบ้าน โดยจัดสรรพื้นที่ภายในร้านได้อย่างเป็นสัดส่วน ทำให้สามารถนั่งชิลล์เอาต์หรือนั่งทำงานได้แบบเพลิน ๆ ตลอดทั้งวัน
Crafty Specialty Coffee
อย่างที่ทราบกันดีว่า Hey! Coffee นั้นเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เติบโตมาบนเส้นทางสายกาแฟ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มกาแฟของที่นี่ล้วนพิถีพิถันในทุก ๆ กระบวนการ นับตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟคุณภาพจากหลากหลายแหล่งปลูกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้คอกาแฟได้สนุกกับกาแฟเหมือนท่องโลกกว้าง พร้อมมีโรงคั่ว Hey! Coffee Roaster ภายในร้าน สำหรับคัดเลือกกาแฟและควบคุมคุณภาพโดย Q-Grader ผู้เชี่ยวชาญการให้คะแนนและคัดเลือกกาแฟ ก่อนจะนำมาผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องคั่วกาแฟระดับโลก แบรนด์ Diedrich Roster ซึ่งมีถึง 3 เครื่อง 3 ขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณการคั่ว ก่อนส่งมอบเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทำให้เกิดเอกลักษณ์กาแฟเฉพาะตัวในแบบของ Hey Coffee อย่างแท้จริง
Hey! Coffee Roaster ทำงานร่วมกับเกษตรกรนำกาแฟไทย จากแหล่งต้นน้ำมาสู่ทุกแก้วกาแฟ พร้อมดูแลโปรไฟล์การคั่ว ทั้งคั่วอ่อน กลาง เข้ม ให้เหมาะกับลูกค้าที่ชอบดื่มกาแฟหลากหลายแบบ เพียงมาที่ Hey! Coffee ที่เดียว ก็สามารถเลือกเมล็ดได้ตามชอบ
เมล็ดกาแฟของ Hey! Coffee เป็น Specialty Beans ที่ผ่านการคัดสรรเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่ดีที่สุด พร้อมนำไปคั่วจนได้คาแร็กเตอร์ที่แปลกใหม่และให้รสกลมกล่อมตามแบบฉบับของ Hey! เพื่อให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำความเป็น Specialty Coffee ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว ตามสโลแกน ‘From Farm To Sip’ ของทางร้านที่เน้นความใส่ใจในเรื่องของกาแฟเป็นพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ความเป็น ‘Everyday Coffee’ ที่ทุกคนสามารถเลือกดื่มกาแฟคุณภาพดีได้ในทุก ๆ วันนั่นเอง
ปัจจุบันทางร้านได้มีการคิดค้นและต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกาแฟหลายรูปแบบ ทั้งเมล็ดกาแฟคั่วพิเศษ House Blend แบบคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้มจากหลากสายพันธุ์และแหล่งผลิตต่าง ๆ เช่น เคนย่า, เอธิโอเปีย, กัวเตมาลา โคลอมเบีย และประเทศไทย เป็นต้น (เริ่มต้นการจำหน่ายที่ขนาด 200 g. ราคา 250-650 บาท) เรื่อยไปจนถึงการครีเอตออกมาเป็นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ทั้งแบบ Classic Coffee, Specialty Coffee และ Cold Brew Coffee โดยเฉพาะ Cold Brew Coffee ที่ทางร้านได้ครีเอตกาแฟสกัดเย็นด้วยระยะเวลาถึง 8 ชั่วโมง เพื่อให้ได้กาแฟสกัดเย็นรสชาติใหม่ทุกเดือน เพราะ Hey! Coffee นั้นรู้ดีว่า กาแฟรสชาติใหม่ ๆ เพิ่มความสุขให้กับเหล่าคอกาแฟได้เป็นอย่างดี
Fulfill the Taste of Italian Fusion
นอกจากกาแฟที่ดีมีคุณภาพแล้ว ทางร้านยังพร้อมเสิร์ฟความอร่อยสารพัดเมนูอาหารแนวตะวันตกแบบ Italian Fusion ที่มีให้เลือกทานทั้งแบบอิ่มท้องเบา ๆ ไปจนถึงจัดเต็มความอิ่มคุ้มแบบครบเซ็ต สำหรับเมนูแนะนำที่เมื่อมาถึงที่ร้านแล้วต้องลองสั่งมาทาน ได้แก่ Wagyu Beef Burger (229 บาท) เบอร์เกอร์เนื้อวากิวเกรดพรีเมียม ที่ให้เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ เรียงสลับชั้นมากับเชดด้าชีสและหัวหอมผัดซอสบาซัลมิกจนได้ความหอมและรสหวาน เสิร์ฟพร้อมผักสลัดและเฟรนช์ฟรายส์ให้ทานคู่กัน
ตามมาด้วย Super Pork Chop (450 บาท) สเต๊กหมูชิ้นโต ที่ทางร้านคัดไซส์มาเป็นพิเศษ พร้อมซอส Honey Mustard รสเข้มข้นในตัว เสิร์ฟมากับผักย่างหอม ๆ หลากหลายชนิดให้ทานคู่กัน
Sweets Therapy
ไม่เพียงแต่อาหารคาวเท่านั้นที่ทางร้านมีให้เลือกอิ่มอร่อยแบบจุใจ ด้านอาหารหวานก็มีหลากหลายเมนูเบเกอรีโฮมเมดน่าทานให้เลือกลิ้มลองด้วยเช่นกัน แนะนำให้ลองทาน Moon Galaxy (ราคา 250 บาท ลดพิเศษ! เหลือเพียง 209 บาท) ขนมหวานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเลมอนทาร์ต โดยจะเสิร์ฟมาแบบแยกองค์ประกอบวัตถุดิบ เริ่มจากชั้นล่างเป็นแป้งทาร์ตที่ราดด้วยซอสเลมอนเคิร์ด, เจลเลมอน และคาเวียร์ราสพ์เบอร์รีที่มาช่วยเสริมเนื้อสัมผัสและทำให้ตัวขนมมีรสเปรี้ยวอมหวานลงตัว แล้วเพิ่มความกรุบกรอบด้วยเมอแรงก์และครัมเบิลวานิลลา เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมมิกซ์เบอร์รีที่มาช่วยเติมเต็มความความสดชื่นหอมหวานให้กับเมนูนี้ได้เป็นอย่างดี
หรือจะเป็น Monkey Space (ราคา 190 บาท ลดพิเศษ! เหลือเพียง 149 บาท) อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบานอฟฟี่ โดยเมนูนี้ทางร้านได้เลือกเสิร์ฟแบบแยกองค์ประกอบของวัตถุดิบอีกเช่นกัน ประกอบด้วย กล้วยหอมคารามาไรซ์, สปันจ์เค้กช็อกโกแลต, ครัมเบิลวานิลลา และ 2 ซอสสูตรพิเศษที่ผสานรสชาติกันระหว่างซอสช็อกโกแลตและซอส Salted Caramel หวานมันกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาหอม ๆ ที่มาช่วยเสริมรสชาติของขนมบานอฟฟี่ให้อร่อยลงตัวมากขึ้น
เรียกได้ว่ามาที่ Hey! 53 Coffee & Kitchen ที่เดียว ครบเครื่องทุกความอร่อย อีกทั้งยังได้รีชาร์จความสุขภายใต้บรรยากาศสบาย ๆ ชวนผ่อนคลาย เติมพลังให้พร้อมก่อนออกไปใช้ชีวิตแบบ Let’s Go Hey! อย่างเต็มที่อีกครั้ง