Published on November 17, 2020

From Indus River

สำหรับใครที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารอินเดียในรูปแบบที่หลากหลายและยังทานได้ไม่ยาก ลองแวะมาที่ Indus ร้านอาหารอินเดียชื่อดังในซอยสุขุมวิท 26 ซึ่งได้ชื่อร้านมาจากชื่อของลุ่มน้ำสินธุ โดยได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2005 ได้รับการการันตีทั้งรสชาติและคุณภาพอาหารด้วยรางวัลระดับประเทศจากหลายเวที และรางวัล Michelin Plate ถึง 3  ปีซ้อน (2018 - 2020)
 

บริเวณด้านหน้าร้าน

Mughal Style Ambient

ตัวร้านมีบริเวณกว้างขวาง พร้อมที่จอดรถด้านหน้าร้าน เมื่อเข้ามาที่ร้านแห่งนี้ จะสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสไตล์อินเดียตั้งแต่ประตูหน้าร้าน และเมื่อเข้าไปด้านใน จะพบกับห้องทานอาหารบรรยากาศหรูหราแต่แฝงด้วยความอบอุ่นและร่มรื่นจากหน้าต่างกระจกใสที่เปิดให้เห็นพื้นที่สีเขียว สอดแทรกสไตล์อินเดียที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านการตกแต่งด้วยคอลเล็กชันผลงานศิลปะยุคราชวงศ์โมกุล

ส่วนพื้นที่ด้านหลังเป็นโซนบาร์ที่สามารถดื่มด่ำกับดริงก์ดี ๆ ในยามค่ำคืนกันได้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เอาต์ดอร์พร้อมสวนร่มรื่น เหมาะสำหรับจัดงานเลี้ยงหรือปาร์ตี้ส่วนตัวอีกด้วย
 

โซนที่นั่งภายในร้าน

 

มุมที่นั่งภายในร้าน

 

บริเวณโซนเอาท์ดอร์ สามารถจัดงานได้

ร้าน Indus เกิดจาก คุณสิธ เซกาล - นักธุรกิจเชื้อสายอินเดียที่เกิดและเติบโตในไทย และได้ไปศึกษาต่อที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นการจุดประกายให้คุณสิทธิ์หันมาสนใจธุรกิจร้านอาหาร นำเสนอร้านอาหารอินเดียรสชาติอินเดียอย่างถูกต้อง และหลังจากกลับมาไทยคุณสิทธิ์จึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารอินเดียร่วมสมัย Indus ในที่สุด

Authentic Indian Cuisine

สำหรับเอกลักษณ์อาหารของ Indus  นั้น เริ่มต้นตั้งแต่ที่มาของอาหารแต่ละจาน ซึ่งล้วนมาจากเมนูอาหารอินเดียจานเด่น ๆ ตามภูมิภาคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปัญจาบ แคชเมียร์ ราชสถาน หรือโกว่า เกาะทางตอนใต้ ทางร้านตั้งใจนำมาประยุกต์และนำเสนอให้คนไทยได้รู้จัก โดยทุกเมนูปรุงโดยเชฟฮาลาลที่ได้รับมาตรฐาน ทั้งเมนูจากเนื้อสัตว์และมังสวิรัติ

ในปี 2016 ทางร้านยังได้ร่วมมือกับ Dr. Pushpesh Pant ศาสตราจารย์ นักเขียน และพิธีกรที่มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมอาหารอินเดีย มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราววัฒนธรรมอาหารอินเดีย รวมถึงสูตรอาหารอินเดียโบราณที่หาได้ยากให้กับทางร้าน และออกมาเป็นเมนู a la carte ที่มีเรื่องราวและแหล่งที่มาบอกเอาไว้ในแต่ละเมนู 

เริ่มจากเมนูที่มีที่มาจาก Delhi อย่าง Papdi Chaat (190 บาท) ข้าวเกรียบชิ้นพอดีคำ ทำจากแป้งถั่วและนำไปทอดจนกรอบ โรยหน้าด้วยถั่วชิคพี มันฝรั่ง โยเกิร์ต ราดด้วยซอสมินต์และมะขาม

 

Papdi Chaat (190 บาท)

ตามด้วยเมนูสำหรับคนทานมังสวิรัติอย่าง Tandoori Creamy Broccoli (370 บาท) จานนี้มาจาก Punjab ทางร้านใช้บร็อกโคลีจากโครงการหลวง นำมาหมักกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์บด ครีมชีส ก่อนจะนำไปปรุงรสด้วยผงกระวาน และย่างในเตาทันดูร์ เนื้อบร็อกโคลีนุ่ม อย่าลืมเพิ่มรสด้วยการบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย

สำหรับเมนูยอดนิยมของทางร้าน Kebab - E - Malai (390 บาท) จาก Lucknow เนื้อไก่หมักด้วยโยเกิร์ต ครีม ชีสกระวาน เม็ดมะม่วงหิมพานต์บด และเครื่องเทศต่าง ๆ จนได้เนื้อไก่ที่นุ่มและหอมกลิ่นเครื่องเทศ ย่างมาร้อน ๆ ในเตาทันดูร์

ส่วนใครที่ชอบทานเนื้อแกะ ทางร้านยังมี Raan (ขนาด 150g ราคา 500 บาท) เมนูจาก Western Frontier ขาแกะสูตรพิเศษของทางร้าน ที่นำไป Slow Cooked ถึง 7 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปย่างในไฟอ่อน ๆ จนได้เนื้อแกะที่ออกมานุ่มและชุ่มฉ่ำ

 

Tandoori Creamy Broccoli (370 บาท)

 

Kebab - E - Malai (390 บาท)

 

Raan (500 บาท)

อีกหนึ่งเมนูยอดนิยมจาก Delhi กับเมนู Butter Chicken (390 บาท) เนื้อไก่รมควันย่าง ก่อนนำไปเคี่ยวในน้ำเกรวี่ มะเขือเทศ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ราดด้วยเนยและครีม รสกลมกล่อม เหมาะทานคู่กับ Garlic Naan (120 บาท) ขาดไม่ได้กับแป้งนานที่ทำจากแป้งสาลี เพิ่มรสชาติด้วยกระเทียม และนำไปอบในเตาถ่าน เสิร์ฟร้อน ๆ ยิ่งทานกับเมนูประเภทแกง ยิ่งเข้ากัน

 

Butter Chicken (390 บาท)

 

Garlic Nan (120 บาท)

อีกหนึ่งเมนูที่เหมาะสำหรับคนทานมังสวิรัติ Palak Paneer (380 บาท) ผักโขมสับผัดกับครีมและคอตเทจชีส ตามด้วยเมนูข้าวหมกไก่สไตล์อินเดีย Lucknowi Chicken Dum Biryani (490 บาท) เมนูเด่นจาก Lucknow ใช้ข้าวหอมบาสมาติที่มีลักษณะเรียวยาว อบกับเนื้อไก่หมักเครื่องเทศ โรยหน้าด้วยหอมเจียวและหญ้าฝรั่น อบมาในหม้อทองเหลือง ปิดหน้าด้วยแผ่นแป้ง ทำให้เนื้อข้าวหอมและระอุทั่วทั้งหม้อ เสิร์ฟมาคู่กับซอสครีมเปรี้ยว
 

Palak Paneer (380 บาท)

 

Lucknowi Chicken Dum Biryani (490 บาท)

Indian Sweets

ปิดท้ายด้วยของหวาน Gulab Jamun Flambe (240 บาท) แป้งปั้นก้อนไส้นมข้นแช่ในไซรัปดอกกุหลาบและกระวาน เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมหวานด้วยเปลวไฟจากไอริชวิสกี้ 

ส่วนใครที่มองหาค็อกเทลดื่มคู่อาหาร ทางร้านยังมีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Earl Loves yuzu (300 บาท) เบสด้วยรัม เพิ่มรสด้วยไซรัปชาเอิร์ลเกรย์ผสมส้มยูซุสูตรของทางร้าน

 

Gulab Jamun Flambe (240 บาท)

 

Gulab Jamun Flambe (240 บาท)

 

Earl loves yuzu

Info
Hours
Everyday : 11:30AM - 2:30PM
6PM - 12AM
Price

฿฿฿฿ 501-1,000 บาทต่อคน

Address
71 ซอยสุขุมวิท 26 เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS พร้อมพงษ์

Facilities
Suggest an Edit