Classic Spanish with Modern Technique
คนรักอาหารสเปนต้องแวะมาลองทานที่ Isrelo ร้านอาหารสเปนที่มาพร้อมรสชาติต้นตำรับในบรรยากาศเรียบหรู เน้นเสิร์ฟเมนูอาหารสไตล์แบบคลาสสิก แต่เชฟได้เพิ่มลูกเล่นโดยใช้เทคนิคการทำอาหารแบบโมเดิร์นที่จะสร้างความประทับใจให้กับใครที่มาทานNamed After the Bull
ร้านแนวสแปนิชโมเดิร์นแห่งนี้ได้ชื่อ Islero มาจากวัวกระทิงที่สามารถโค่นมาทาดอร์ชื่อดังได้ในปี ค.ศ. 1947 ที่นี่ได้ทีมดีไซน์จาก Open Air Studio ที่เคยออกแบบให้ร้านอาหารชื่อดังมากมายมาออกแบบให้Wooden Installation Art
เข้ามาในร้านจะต้องสะดุดตากับ Partition มีลักษณะเป็นโครงสร้างสุดเก๋ที่ตกแต่งด้วยถาดไม้และเขียงขนาดต่าง ๆ ช่วยทำให้ร้านขนาดใหญ่มีความเป็นสัดส่วน ดีไซน์ให้ออกมาคล้าย ๆ งาน Installation ที่โดดเด่นอยู่กลางร้าน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้มทำให้บรรยากาศร้านดูหรูหรา มีสไตล์ขึงขังแบบสเปน ประดับผนังด้วยงานศิลปะสีสันที่ให้อารมณ์สนุก ๆ ช่วยเพิ่มสีสันให้กับร้านได้เป็นอย่างดีเดินเข้ามาจะพบกับเคาน์เตอร์ที่เชฟใช้เตรียมอาหารบางส่วน ใครสั่งแฮม Iberico หรือ หมูย่างสเปน ก็เดินมาชมการหั่นสด ๆ ได้ที่นี่เลย ถ้ามองเข้าไปก็จะเห็นครัวที่กั้นด้วยกระจกใสเป็นส่วนครัวขนาดใหญ่ของทางร้านอีกด้วย หรือเลือกนั่งโซนเอ้าท์ดอร์รับลม สั่งเครื่องดื่มที่คัดเลือกโดย Sommelier ชาวสเปนมาจิบเก๋ ๆ คู่กับ Tapas ก็ดี นอกจากส่วนของร้านอาหารแล้ว ทางร้านยังมีส่วนบาร์ที่ชื่อว่า CAVA by Isrelo ที่แปลว่าถ้ำ สำหรับมานั่งชิลล์กันหลังเลิกงาน มีโต๊ะยาวเหมาะสำหรับปาร์ตี้กันหลายคนMichelin Chef
อาหารของที่นี่สร้างสรรค์โดยเชฟ Emiliano Vignoni ซึ่งเคยทำงานที่ elBulli ร้านอาหารระดับมิชลิน 3 ดาวที่สเปน สำหรับเมนูของที่นี่ยังคงรสชาติอาหารสเปนแบบคลาสสิก แต่ก็มอบประสบการณ์ใหม่ให้นักชิมผ่านเทคนิคการทำอาหารแบบโมเดิร์น วัตถุดิบที่ใช้ถูกคัดสรรมาอย่างดี ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากแหล่งกำเนิดในยุโรป นอกจากนี้ เคล็ดลับความอร่อยของที่นี่ยังอยู่ที่เตา Josper ที่นำมาใช้ย่างเนื้อให้ได้รสชาติและสัมผัสที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยเมนูที่ Islero มีทั้งแบบอะลาคาร์ทและทาปาส ที่เหมาะสำหรับสั่งมาแบ่งกันทาน เริ่มต้นด้วย Amuse-bouche จากเชฟ Emiliano เป็น Tomatina Salad ซอร์เบทรสมะเขือเทศกับแตงกวา รสชาติคล้าย Gazpacho ซุปเย็นแบบสเปน ท็อปด้วยมะเขือเทศลูกเล็ก จานนี้ให้รสเปรี้ยวเย็น เรียกความสดชื่นได้ดีต่อด้วย Beetroot Salad (280 บาท) สลัดรสเปรี้ยวที่ใส่ทั้งบีทรูท เบบี้บีทรูทสีเหลือง สตรอเบอร์รี่ และแองโชวี่หมัก เพิ่มรสชาติด้วย Jerez vinaigrette และโยเกิร์ต เวลาทานให้ทานพร้อมกันทั้งสี่อย่าง ได้รสชาติครบเครื่องทั้งเปรี้ยว หวาน มัน และเค็มMarmitako de Atun Rojo (250 บาท) สเต๊กปลาทูน่า จานนี้เป็นอาหารดั้งเดิมของพื้นที่ทางตอนเหนือของสเปน บริเวณ Bilbao และ San Sebastian โดยนำเอาทูน่าเนื้อแน่นไปย่างในเตาถ่านพร้อมไม้ เสิร์ฟแบบมีเดียมแรร์ในซุปที่มีส่วนผสมของหอมใหญ่ พริกไทย กระเทียม ก้างปลาทูน่า ให้รสหวานเล็กน้อยจากธรรมชาติ รองฐานของปลาด้วยพริกหวานหมัก และท็อปด้วย Brava sauce มะเขือเทศ และมันฝรั่ง
เมนูปลาอีกจานหนึ่ง คือ Lubina Asada (720 บาท) ปลากระพงขาวจากสเปนย่างร้อน ๆ บนเตา ด้านบนของปลาจะทา Lardo หรือมันหมูที่หมักเกลือและเครื่องเทศเพื่อให้มีความมันเล็กน้อย ราดซอสปูและไก่รสเข้มข้น รองฐานด้วยถั่วลันเตา ตกแต่งจานด้วยไข่ปลาแซลมอน ทานคู่กับ Broccoli purée จะช่วยเพิ่มรสชาติPollo Amarillo (790 บาท) อกไก่เหลืองจากฝรั่งเศสที่ทำให้สุกอย่างช้า ๆ ด้วยอุณหภูมิคงที่ 61 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นนำไปทำให้ร้อนอีกครั้งด้วยการย่างบนกระทะ เสิร์ฟร้อน ๆ บนชั้นผักโขม พร้อมราดซอสเดมิกลาซน้ำผึ้งกับเลมอน ท้อปด้วยเมล็ดมัสตาร์ดและเกล็ดข้าวโพด ทานคู่กับ Mushroom purée
Carrilleras Guisadas (390 บาท) แก้มวัวออสเตรเลียตุ๋นจนให้สัมผัสเปื่อยนุ่มด้วยวิธีการ Slow-cooked ในน้ำผักหลายชนิดที่ความร้อน 100 องศาเซลเซียส จากนั้นเสิร์ฟพร้อมโฟมนุ่มเบาที่ทำจากมันฝรั่งผสมเห็ดทรัฟเฟิลดำ ท็อปด้วยหอมดองเพื่อตัดรสชาติของเนื้อ
ปิดท้ายมื้อค่ำด้วยเมนูไอศกรีมที่เสิร์ฟบนภาพวาดกับ Selection of Homemade Ice Cream 4 Flavors (280 บาท) ครีเอทโดยเพสทรี้เชฟ Iliana โดยโฮมเมดไอศกรีมนี้ประกอบด้วย ไอศกรีมและซอร์เบทรสชาติต้นตำรับแบบสเปนที่ล้วนแต่ใช้วัตถุดิบจากสเปน มีซอร์เบท 3 ลูก (Spanish Saffron; Blood Orange with Olive Oil; Green Apple, Celery & Mint) และไอศกรีม 1 ลูก (Valrhona Chocolate 66%)