Published on April 08, 2024

2-Star Michelin Restaurant

J’AIME by Jean-Michel Lorain (แฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองด์) ร้านอาหารฝรั่งเศส Fine Dining โดย เชฟ Jean-Michel Lorain เจ้าของโรงแรมและห้องอาหาร La Côte Saint-Jacques แคว้นเบอร์กันดี ประเทศฝรั่งเศส ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นร้านอาหารมิชลิน 2 ดาว พร้อมกันนี้ยังได้การันตีคุณภาพความอร่อยปังด้วยรางวัล MICHELIN Green Star 2024 ซึ่งทางร้านได้ให้ความสำคัญ ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ควบคู่กันอีกด้วย

 

J’AIME by Jean-Michel Lorain ยินดีต้อนรับ

From Burgundy to Bangkok

ปัจจุบันร้านอาหาร J’AIME by Jean-Michel Lorain บริหารโดยทายาทรุ่นที่สาม คุณ Marine Lorain โดยถอดแบบการบริการและอาหารมาจากห้องอาหารที่ฝรั่งเศสทั้งหมด

 

ดื่มด่ำโมเมนต์ของการนั่งรับประทาน มื้ออาหารสุดหรู

Upside-Down

J’AIME by Jean-Michel Lorain ตั้งอยู่ที่ชั้นสองของโรงแรม U Sathorn ภายในร้านตกแต่งไม่ซ้ำใครด้วยรูปแบบ Upside-Down จัดวางเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งสลับจากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่าง ไม่ว่าจะเป็นเปียโนที่ห้อยบนเพดาน หรือแชนเดอเลียร์ที่วางหงายบนพื้น ในส่วนบรรยากาศของร้านยังคงความเรียบหรูตามแบบฉบับห้องอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง

 

บรรยากาศภายในร้านที่มีหลากหลายโซนนั่งให้เลือกรับประทานอย่างเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว

Young & Talented Chef

แต่เดิมทางร้านได้เชฟ Amerigo Sesti ชาวอิตาเลียน มาเป็นเชฟใหญ่ โดยเชฟ Amerigo เคยทำงานกับเชฟ Lorain มาก่อน และได้ร่วมงานกับร้านอาหารหลายประเทศในยุโรป ทั้งอังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบัน ทางร้านได้มีการปรับทีมรังสรรค์ความอร่อยครั้งใหม่ นำทีมนำโดย เชฟ Nicolas Keller หัวหน้าเชฟคนใหม่ ผู้หลงใหลในการทำอาหารฝรั่งเศส จากแคว้นอาลซัส ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะอันเข้มงวดเป็นเวลา 4 ปี ภายใต้การดูแลของเชฟฌองมิเชล โลรองต์ ในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์อย่าง La Cote Saint Jacque การันตีได้เลยว่าการรังสรรค์อาหารแต่ละเมนูของที่นี่จะต้องได้มาตรฐานความอร่อยอย่างมีคุณภาพเช่นเดิม

 

เชฟ Nicolas Keller (Photo by J’AIME by Jean-Michel Lorain)

French Cuisine with Modern Technique

สำหรับอาหารของที่นี่ ใส่ใจทุกรายละเอียด พิถีพิถันกับขั้นตอนการปรุงอาหาร รวมถึงการใช้ศิลปะและความร่วมสมัยใส่ลงไปในอาหารแต่ละจาน ผสมผสานวัตถุดิบทั้งจากต่างประเทศและท้องถิ่นเข้าด้วยกัน แต่ยังคงใช้เทคนิคการทำอาหารแบบฝรั่งเศส เพื่อให้อาหารที่นี่ได้รสชาติต้นตำรับ ทางร้านให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ มีให้เลือกแบบอะลาคาร์ทหรือเซ็ตเมนู สำหรับครั้งนี้ทางร้านได้เลือกรังสรรค์ความอร่อยผ่านคอร์สพิเศษที่มีให้เลือกเสิร์ฟแบบ Wonders Menu 7 คอร์ส (4,300 บาท/คน) Memories Menu 5 คอร์ส (2,900 บาท/คน) และ Picnic Lunch 4 คอร์ส (1,700 บาท/คน) มาพร้อมการผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารสูตรลับและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟฌองมิเชล โลรองต์

 

โซนนั่งรับประทานบริเวณครัวเปิดที่ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับภาพเบื้องหลังการรังสรรค์เมนูอาหารจานพิเศษ

Fresh Start

สำหรับคอร์ส Memories Menu 5 คอร์ส (2,900 บาท/คน) เริ่มต้นเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Char-grilled bamboo clams aged vinegar หอยไม้ไผ่ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไส้กรอกหมู องุ่น ซึ่งเป็นการผสมผสานรสชาติระหว่างวัตถุดิบอาหารคาวและผลไม้ได้อย่างลงตัว ก่อนจะท็อปด้านบนด้วย Mango Gel ที่มาเสริมรสชาติเปรี้ยวอมหวานสุดสดชื่น เป็นการเปิดต่อมรับรสชาติก่อนเริ่มต้นมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี

 

Char-grilled bamboo clams aged vinegar

ต่อด้วย Wild caught Ronin Jack tartar, suaeda maritima chlorophyls จานปลา ที่ทางร้านเลือกใช้ปลาจากจังหวัดพังงา นำไปหมักกับน้ำปลาและซอสมะเขือเทศ จนได้รสชาติเข้มข้นเข้าเนื้อ เสิร์ฟคู่มากับ Sorbet ที่ทำจากใบชะคราม พืชผักสมุนไพรท้องถิ่นที่ทางร้านสนับสนุนนำมาเป็นวัตถุดิบในประกอบอาหาร และ Chips ที่มีให้เลือกรับประทาน 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ Chips สีเขียวที่ทำมาจากใบชะคราม, Chips สีขาวที่ทำมาจากเกล็ดปลา, Chips สีน้ำตาลที่ทำมาจากก้างปลา ผสมกับขนมปัง เป็นการนำเสนอความอร่อยภายใต้คอนเซ็ปต์การเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และวัตถุดิบ Zero Waste ที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง

 

Wild caught Ronin Jack tartar, suaeda maritima chlorophyls

หรือลองสั่ง Tiger Prawns and heart of palm rosace, sweet potato and coconut rouille กุ้งลายเสือจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ทีมเชฟนำไป Slow Cooked ในน้ำมัน เสิร์ฟคู่มากับยอดมะพร้าวอ่อนที่นำมารองเป็นฐานด้านล่าง ส่วนด้านบนนั้นวัตถุดิบที่นำมาผสมผสานรสชาติจะเป็นเผือกสีน้ำตาลและสีขาว โดยเผือกสีน้ำตาลจะนำไปอินฟิวส์ในซอสกุ้ง และเผือกสีขาวจะนำไปอินฟิวส์ในซอสมะพร้าว ตามด้วยการโรยต้นหอม พร้อมเสิร์ฟเคียงมากับซอสจากมันหวานและครีมมะพร้าวให้ได้รับประทานเสริมรสชาติที่เข้ากัน
 

Tiger Prawns and heart of palm rosace, sweet potato and coconut rouille

From Locals To Table

หลังจากเรียกน้ำย่อยกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาจัดเต็มความอร่อยกับสารพัดเมนูภายในคอร์สที่ล้วนผ่านการคัดสรรและเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพในไทยจากแหล่งวัตถุดิบต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารจานพิเศษ อาทิ Sauteed Pen shells, caviar, finger lime, spring onion virgin sauce หอยเชลล์จากสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ที่เชฟนำมาผัดเข้ากับซอสต้นหอม ส่วนด้านในจะเป็นคาเวียร์จากหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมท็อปด้วยต้นหอมซอยและพริกซอย สำหรับเมนูนี้จะได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบของหอยเชลล์และซอสสูตรเฉพาะที่ผัดเคลือบเข้ากับเนื้อหอยได้แบบเข้มข้นถึงรส!

 

Sauteed Pen shells, caviar, finger lime, spring onion virgin sauce

ต่อเนื่องเมนูหอยอีกสักจานกับ Warm sea snails persillade, aioli sabayon ซึ่งเชฟได้เลือกใช้หอยหวานเป็นวัตถุดิบหลัก ตัดรสเลี่ยนด้วยซอสพาสลีย์ พูเรกระเทียม ใบขึ้นฉ่าย และต้นหอม พร้อมราดซอส sabayon (ซอสที่มีส่วนผสมของครีมและไข่) ที่มาช่วยเสริมความกลมกล่อม ได้ความอร่อยที่ลงตัว
 

Warm sea snails persillade, aioli sabayon

จากนั้นเปลี่ยนบรรยากาศจากการรับประทานหอยมาเป็นวัตถุดิบซีฟู้ดอย่างอื่นกันบ้างกับเมนูจานหลัก Wild spotted grouper, prawn’s coral and safflower bouille ปลาทะเลจากน่านน้ำอันดามัน ซึ่งวิธีการทำเมนูนี้นั้น เชฟจะนำส่วนของหนังปลาไปต้มก่อน แล้วตามด้วยการ Pan-sear ในกระทะร้อน เสิร์ฟคู่มากับมะเขือเทศกงฟีต์ มะเขือเทศราชินีหรือมะเขือเทศเชอร์รี และปลาหมึก แล้วราดตามด้วยซอสจากเปลือกกุ้ง ได้ความนุ่มแน่นของเนื้อปลาที่เข้ากันดีกับความชุ่มฉ่ำของซอสเปลือกกุ้งรสเข้มข้นกลมกล่อม

 

Wild spotted grouper, prawn’s coral and safflower bouille

ท้าชิงความอร่อยด้วยเมนู Confit baby lamb shoulder, macadamia, peas & garden’s herbs สเต๊กเนื้อแกะจากปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ที่นำมากงฟีต์ 1 คืน จนได้ความกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสแกะเข้มข้น ซอสแมคคาเดเมียผสมกับพูเรถั่วลันเตา และโฟมถั่วลันเตา

 

Confit baby lamb shoulder, macadamia, peas & garden’s herbs

Signature Desserts

ปิดท้ายมื้ออร่อยด้วยขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสอย่าง Kad Kokoa Chiang Mai chocolate and lemon-basil ช็อกโกแลตมูสเข้มข้น ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอร์เบท์เลมอนผสมใบแมงลัก ได้รสชาติแปลกใหม่แต่อร่อยลงตัว ถูกใจเหล่า Chocolate Lovers แน่นอน หรือจะเป็น Michel Lorain’s signature Mille-feuille with vanilla ขนมมิลล์เฟยสไตล์ฝรั่งเศส สูตรดั้งเดิมที่เป็นแป้ง Pastry Puff วางซ้อนเป็นชั้นสลับกับ Pastry Cream 3 ชนิด และสตรอเบอร์รีสดจากหัวหิน เป็นการเสิร์ฟความอร่อยฟินส่งท้ายมื้อนี้ได้อย่างน่าประทับใจ

 

Michel Lorain’s signature Mille-feuille with vanilla และ Kad Kokoa Chiang Mai chocolate and lemon-basil

Info
Hours
Open : 12PM - 2:30PM
6PM - 8:30PM
Mon : 12PM - 2:30PM
6PM - 8:30PM
Tue : Closed
Wed : Closed
Thu : 12PM - 2:30PM
6PM - 8:30PM
Fri : 12PM - 2:30PM
6PM - 8:30PM
Sat : 12PM - 2:30PM
6PM - 8:30PM
Sun : 12PM - 2:30PM
6PM - 8:30PM
Price

฿฿฿฿฿฿ มากกว่า 2,000 บาทต่อคน

Address
U Sathorn Bangkok ซอยปรีดี สาทรซอย 1 เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

MRT ลุมพินี

Facilities
Suggest an Edit