Authentic Japanese Omakase Kappo Restaurant
ขอชวนคนรักอาหารญี่ปุ่นมาทำความคุ้นเคยกับร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Omakase Kappo ที่ไม่ได้มีดีแค่ซูชิพรีเมียม แต่ยังมีหลากเมนูหลายวิธีปรุงมาร่วมเสิร์ฟด้วย สำหรับ Kappo Kazunobu ร้านอาหารสไตล์โอมากาเสะคับโปแห่งนี้ ก็ได้นำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นพรีเมียมสร้างสรรค์จากวัตถุดิบชั้นดีส่งตรงจากญี่ปุ่น ก่อนที่จะถ่ายทอดผ่านความตั้งใจและฝีมือของเชฟโออิชิ คัสสึโนบุ เชฟหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เคยฝากผลงานไว้ที่โรงแรมชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 ปี แบบจานต่อจานAll about the chefเชฟ โออิชิ คัสสึโนบุ เกิดที่เมืองชิสึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และได้เริ่มต้นทำงานในร้านอาหารแบบจริงจังตอนอายุ 19 ปี ที่โรงแรมโอคุระ เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในตำแหน่งผู้ช่วยในครัว เป็นเวลา 5 ปี ก่อนจะย้ายกลับมาเป็นผู้ช่วยเชฟที่ โรงแรมโอคุระ สาขาโตเกียว 1 ปี ต่อมาได้รับโอกาสเลื่อนตำแหน่งเป็น Assistant Head Chef ที่โรงแรมโอคุระ เมืองชิบะ นานถึง 10 ปี ระหว่างนั้นยังได้รับโอกาสพิเศษเป็นตัวแทนไปรังสรรค์อาหารที่ร้าน Yamazato ที่ Shanghai Expo 1 ปี
ก่อนจะย้ายมาทำงานที่โรงแรมโอคุระ เพรสทีจ ประเทศไทย ในตำแหน่ง Head Sushi Chef ที่ร้านอาหาร Yamazato นานถึง 7 ปี และได้ออกมาเปิดร้านอาหารของตัวเองเป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศความอบอุ่นในคาเฟ่ของครอบครัว ทำให้ร้าน Kappo Kazunobu แห่งนี้ เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองระหว่างเชฟและลูกค้าที่เข้ามาทานอาหาร
Cozy Rooms
ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้น 2 ของ Nihonmachi Mall คอมมูนิตี้มอลล์สำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะ และเมื่อเดินผ่านประดูสีดำด้านหน้าร้านก็จะพบกับห้องไพรเวทต่าง ๆ ที่พร้อมต้อนรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าอยากนั่งทานไปและพูดคุยกับเชฟไปด้วย แนะนำให้นั่งที่หน้าบาร์เท่านั้น
เพดานและเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนตัดกับผนังและพื้นสีดำสร้างลุคพรีเมียมที่ดูเงียบขรึมและลงตัว เพิ่มมู้ดความอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มตามสไตล์ญี่ปุ่น ขับเน้นให้อาหารแต่ละจานออกมาดูน่าทานยิ่งขึ้น สำหรับบริเวณหน้าเคาน์เตอร์บาร์สามารถรองรับได้ทั้งหมด 10 ที่นั่ง ต่อหนึ่งรอบ
Service Hoursทางร้านจะเปิดให้บริการเป็นรอบ ๆ สำหรับวันธรรมดา จะเปิดให้บริการรอบ 18.00 น. และ 20.30 น. ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ เปิดให้บริการรอบ 12.00 น., 18.00 น. และ เวลา 20.30 น. โดยจะมีทั้งหมด 3 คอร์ส ราคา 3,500++ บาท, ราคา 5,500++ บาท และ 7,500++ บาท นอกจากนี้ ทางร้านยังแนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อจะได้จัดเตรียมวัตถุดิบที่สดใหม่ส่งตรงจากญี่ปุ่นไว้ต้อนรับ โดยสามารถแจ้งเรื่องการแพ้อาหารหรือความต้องการอื่น ๆ ได้เลย
The Taste of Original
สำหรับโอมากาเสะในสไตล์คัปโปนั้น เป็นการนำเสนออาหารญี่ปุ่นผ่านหลากหลายวิธีการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการทอด ตุ๋น นึ่ง และต้ม ซึ่งถูกปรุงโดยเชฟมากประสบการณ์ที่ได้นำทักษะและความชำนาญการมาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การแล่ปลา และการปรุงรสชาติด้วยกรรมวิธีต่างๆ ที่เน้นการดึงรสชาติของวัตถุดิบ
ในครั้งนี้ทางร้านแนะนำคอร์สดินเนอร์ในราคา 5,500++ บาท ซึ่งทุกจานถูกปรุงสดใหม่ตามใจเชฟคัสสึโนบุ โดยอาหารของทางร้านจะเน้นการนำเสนอและรสชาติกลมกล่อมตามแบบฉบับอาหารญี่ปุ่นสไตล์ต้นตำรับ
เริ่มจากจานแรกกับเมนู Yaki Goma Tofu เต้าหู้สดโฮมเมดที่ผสมกับงาเนื้อนุ่มย่าง ท็อปด้วยด้วย Murasaki uni, โกจิเบอร์รี, วาซาบิสด และกระเจี๊ยบฝานบาง ราดด้วยซอสยูซุรสกลมกล่อม ต่อด้วย Salmon Namban เนื้อปลาแซลมอนหั่นเต๋าคลุกเคล้ากับหอมใหญ่และแครอท เพิ่มรสเค็มนิด ๆ ด้วยไข่ปลาแซลมอนสีส้มสวย
จานที่สาม Ankimo ตับปลาเนื้อเนียนจากปลามังค์ฟิชที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฟัวกราส์แห่งท้องทะเล ทางเชฟนำตับปลาไปนึ่งและราดด้วยซอสพอนซึรสเปรี้ยว ตัดความมันจากตับปลาได้เป็นอย่างดี
ถัดมากับเมนู Tai Somen Soup ซุปเนื้อปลากระพงขาว ทานคู่กับเส้นโซเมน ตัวนำ้ซุปทางเชฟนำหัวและกระดูกปลาไปเคี่ยวเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ทำให้ได้รสชาติน้ำซุปออกมากลมกล่อม เพิ่มความหวานตามธรรมชาติด้วยซูกินีและแครอท
มาถึงเมนูซาซิมิ 3 Kinds Sashimi จานนี้ประกอบไปด้วย เนื้อปลาทูน่าครีบน้ำเงินนำเข้าจากเมืองนางาซากิ เสิร์ฟมาในส่วน Akami และ Otoro นอกจากนี้ ยังมีเนื้อปลาแซลมอนและเนื้อปลา Hakkaku ซึ่งนำเข้าจากฮอกไกโด และหอยงวงช้างญี่ปุ่น จัดวางและเสิร์ฟมาอย่างสวยงามบนชามน้ำแข็ง แนะนำให้ทานคู่กับใบโอบะและหัวไชเท้าซอย
สำหรับเมนูจานย่าง Buri Teri Yaki ทางเชฟนำเนื้อปลา Buri (ปลาหางเหลือง) ไปย่างกับซอสเทอริยากิ เสิร์ฟคู่กับขิงญี่ปุ่น, เกาลัด และรากบัวญี่ปุ่นผัดกับงา
ตามด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของทางเชฟอย่าง Uni Inaniwa Udon ตัวเส้นอุด้งนำเข้าจากเมือง Akita ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกข้าวและผลิตแป้ง ส่วนน้ำซุปจะมีส่วนผสมของไข่หอยเม่นและท็อปหน้าด้วย Murasaki Uni และวาซาบิ เพิ่มความหอมด้วยเห็ดทรัฟเฟิลที่ทางเชฟฝนลงไป เป็นเมนูที่ให้รสชาติเข้มข้นจากวัตถุดิบชั้นดี เข้ากับเส้นอุด้งเนื้อเด้งหนึบ
จานต่อมา Ayu Kabu Kika An เนื้อปลา Ayu ที่ถูกนำไป Sous Vide ถึง 12 ชั่วโมง จนได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนและยังสามารถทานได้ทั้งตัวรวมถึงส่วนก้างด้วย ราดด้วยน้ำซอสรสกลมกล่อมและทานคู่กับแครอท, ถั่วหวาน และคาบุ (หัวผักกาดสายพันธุ์ญี่ปุ่น)
ถัดมาเป็นเมนู Anago Su เนื้อปลาไหลทะเลญี่ปุ่นที่ทางเชฟนำไปนึ่งก่อนที่จะนำมาย่างเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่มและมีกลิ่นหอม ราดด้วยซอสที่เคี่ยวด้วยก้างปลา ทานคู่กับมะเขือเทศ แตงกวา และสาหร่าย ก่อนจะเพิ่มรสชาติด้วยน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น
มาถึงเมนูที่ใช้วิธีการทอดอย่าง Karuma Ebi and Wakasagi Tempura เทมปุระกุ้งลายเสือญี่ปุ่นห่อด้วยใบมิโสะ, ปลา Wakasagi, มันหวานญี่ปุ่น, พริกหวานญี่ปุ่น ทางร้านแนะนำให้ทานเมนูผักคู่กับน้ำจิ้มเทมปุระ ส่วนเมนูกุ้งและปลา แนะนำให้บีบมะนาวและจิ้มกับเกลือชาเขียว เพื่อดึงรสชาติของเนื้อปลาและกุ้งออกมาได้อย่างเต็มที่
สำหรับอาหารคาวจานสุดท้าย Tachiuo and Tsujiko Nabe Gohan ข้าวอบเนื้อปลาดาบเงินย่าง ความพิเศษอยู่ที่การนำข้าวญี่ปุ่นไปหุงกับน้ำซุปทำให้เนื้อข้าวมีรสชาติและความหอม ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน เสิร์ฟมาคู่กับ Lobster Soup ซุปที่เคี่ยวกับกุ้งล็อบสเตอร์จนได้รสเข้มข้น แนะนำให้ทานข้าวกับเครื่องเคียงที่มีทั้งรากโสม, แครอท และหัวไชเท้าคลุกปลาข้าวสาร เพื่อเพิ่มรสชาติ
ปิดท้ายคอร์สนี้ด้วยขนมหวานอย่าง Rakkasei Pudding เนื้อพุดดิ้งทำจากถั่วพันธุ์พิเศษจากญี่ปุ่น ราดด้วยน้ำเชื่อม Kuromitsu เและผลไม้ตามฤดูกาลที่ในครั้งนี้ ทางร้านเสิร์ฟองุ่นแดงและองุ่นเขียวจากเมือง Okayama ทานคู่กับเจลลีน้ำผึ้งผสมเหล้า