Thai Tea Cafe in Bangkok’s Old Town
ใครที่เป็นสาวกชาไทย ต้องห้ามพลาดมาลิ้มลองความอร่อยของหลากหลายเมนูชาไทยที่ถูกนำมาเสนอในรูปแบบใหม่กับ Khiri Thai Tea คาเฟ่ชาไทยในย่านหัวลำโพงที่ตั้งใจนำเสนอชาท้องถิ่นให้ทุกคนเข้าถึงได้ โดยเกิดขึ้นจากความชอบความหลงใหลในกลิ่นและรสชาติ ‘ชาไทย’ ของ ‘คุณแพร-มิญชยา บูรณะเศรษฐกุล’ เจ้าของร้าน จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะเปิดคาเฟ่ชาไทยโดยเฉพาะ ในชื่อ “Khiri” ที่หมายถึง “ภูเขา” สื่อถึงแหล่งปลูกของชาบนเขาที่คุณแพรได้ไปศึกษาชาท้องถิ่นกับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ตามจังหวัดต่าง ๆ
Classic and Cozy Vibes
ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาตรงบริเวณหัวมุมวงเวียนโอเดียน จะต้องสะดุดตากับตึกสูง 7 ชั้น ที่โดดเด่นด้วยกระเบื้องลายคลาสสิกสีน้ำตาลอันเป็นไฮไลต์ของทางร้าน พร้อมเปิดต้อนรับด้วยประตูกระจกใส ที่คอยทำหน้าที่รับแสงธรรมชาติให้เข้ามาสร้างความอบอุ่นภายใน ทันทีที่เข้าไปก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศสบาย ๆ ด้วยสีขาวสะอาดตาที่มาพร้อมการดีไซน์เรียบง่าย โดยยังคงโครงสร้างและกระเบื้องลายสีน้ำตาลของตึกเดิมเอาไว้ ก่อนจะประดับตกแต่งด้วยภาพถ่ายใบชา เพื่อเสริมมู้ดการเป็นร้านชาไทยได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนใครอยากจิบชาพักผ่อนสบาย ๆ ในบรรยากาศเงียบสงบผ่อนคลาย ทางร้านยังมีที่นั่งบริเวณชั้นลอยที่สามารถมองลงไปเห็นขั้นตอนการทำชาต่าง ๆ ได้ หรือจะเป็นชั้นสองที่มาพร้อมพื้นที่กว้างขวาง ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นจากการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ มีหลากหลายมุมให้เลือกนั่งได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังเปิดรับแสงด้วยหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้สามารถมองออกไปดื่มด่ำวิวทิวทัศน์ของต้นไม้ด้านนอกได้อย่างเพลินตาเพลินใจ
Thai Tea Time
สำหรับเมนูของทางร้าน แน่นอนว่าสิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คือการมีใบชาและเมนูชาไทยหลากหลาย ที่ทุกคนสามารถเลือกสรรความอร่อยตามความต้องการได้ โดยหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 2 หมวดด้วยกัน ได้แก่ ‘Signature’ เมนูชาไทยซิกเนเจอร์ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ และ ‘Single Origin Tea’ ชาที่ปลูกตามจังหวัดต่าง ๆ ทำให้มีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป
สัมผัสความหอมกรุ่นของชาไทยแบบเต็มคำกับเมนูในหมวด Single Origin Tea (12 oz. 110 บาท / 20 oz. 130 บาท) แนะนำตัวแรกคือ ‘พะเยา’ จะเป็นตัวที่อ่อนสุด จึงครีเอตออกมาให้เป็นเมนูชาดำ เพื่อคงกลิ่นและรสชาติของชาเอาไว้ให้ชัดเจน ตามด้วย ‘แม่ฮ่องสอน’ ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่จะเคยปลูกผลไม้ตระกูลเบอร์รีมาก่อน รสชาติจึงออกไปในโทนฟรุตตี้ มาถึงอีกหนึ่งตัวที่ขายดีจะเป็น ‘เชียงราย’ คั่วแบบ Medium รสชาติเข้มแต่ดื่มง่าย มีรสขมปลาย ๆ และตัวสุดท้าย คือ ‘ปัตตานี’ ที่ทางร้านต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสความแตกต่างระหว่างชาของภาคเหนือและภาคใต้ เสิร์ฟออกมาในรูปแบบ Dark คั่วเข้ม เพราะด้วยพื้นที่ที่เคยปลูกกาแฟและยางพารามาก่อน จึงทำให้ได้รสชาติเข้มของตัวชา เมื่อนำมาผสมกับนมก็เข้ากันได้อย่างลงตัวพอดี
มาถึงเมนูในหมวด Signature ที่ห้ามพลาด ต้องลอง On Cloud (130 บาท) ชาไทยเกร็ดน้ำแข็งสุดเข้มข้นของทางร้าน ท็อปด้วยครีมเนียนนุ่มและทองม้วนกรุบกรอบจากจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ยังมีบุกด้านล่างให้เคี้ยวเพลิน ๆ พร้อมกัน
ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ชาไทยสามารถเข้าถึงคนทุกวัย ทางร้านยังมี Black Sesame (130 บาท) ชาไทยที่ผสานความกลมกล่อมด้วยนม ท็อปด้วยครีมงาดำหอม ๆ ใครได้ลองก็ต้องติดใจ หรือจะเป็น PB & Tea (130 บาท) เครื่องดื่มชาไทยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากถั่วตัด แก้วนี้จึงให้รสชาติหอมหวาน ผสานความเข้มข้นแบบกำลังดี
อีกหนึ่งตัวขายดี ยกให้กับเมนู Thai Tea Dirty (140 บาท) กาแฟผสมชาไทยที่เสิร์ฟมาในนมเย็นจัด เหมาะสำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มกาแฟเข้มมาก เพราะแก้วนี้จะได้ทั้งรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟที่ผสมเข้ากับชาไทยให้ดื่มง่ายมากขึ้น
ส่วนใครชอบดื่มชาใส แนะนำ Wild Honey (120 บาท) ชาอู่หลงเก๊กฮวยน้ำผึ้ง ที่ให้สัมผัสสดชื่นตั้งแต่คำแรกที่ดื่ม อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ พร้อมรสชาติหวานกำลังดี
จากนั้นมาลิ้มลองความอร่อยของเมนูขนมหวานที่น่าสนใจอย่าง Thai Tea Bun (189 บาท) บันซาลาเปาเนื้อนุ่มอบเนยจนได้ความกรอบด้านนอกแต่มีความนุ่มชุ่มฉ่ำด้านใน เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมชาไทยรสชาติเข้มข้น ผสมกับทองม้วนกรอบ ๆ ด้านล่างให้ทานเพลิน ๆ
นอกจากเครื่องดื่มและขนมหวานที่มีชาไทยเป็นไฮไลต์ในทุก ๆ เมนูแล้ว ทางร้านยังมีเมนูในหมวด Pastries อีกด้วย แนะนำ Blueberry Cheese Cake (200 บาท) ชีสเค้กเนียนนุ่มราดด้วยซอสบลูเบอร์รีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับไอศกรีมโฮมเมด ที่มีทั้งชาไทย แมคคาเดเมีย และช็อกโกแลต ให้เลือกได้ตามใจชอบ