An Authentic Japanese Dining Experience at Lancaster Bangkok
ชวนสัมผัสประสบการณ์การทานโอมากาเสะในรูปแบบ Authentic Edomae Cuisine หรือโอมากาเสะในแบบดั้งเดิมของร้าน Kiku Sushi ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ภายใน โรงแรม แลงคาสเตอร์ กรุงเทพฯ (Lancaster Bangkok Hotel) รังสรรค์ความอร่อยโดย Nakaseko Jun (Seko-san) เชฟชาวญี่ปุ่นมากฝีมือ ผู้คร่ำหวอดในวงการซูชิมานานกว่า 40 ปี โดยเน้นเสิร์ฟคอร์สเมนูอาหารญี่ปุ่นด้วยกรรมวิธีที่หลากหลาย ทั้งการย่าง การตุ๋น การต้ม การนึ่ง ฯลฯ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแต่เฉพาะเมนูซูชิ ซาชิมิเท่านั้น และแต่ละเมนูที่เลือกนำมาเสิร์ฟ ล้วนผ่านการคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ส่งตรงความสดใหม่จากตลาดปลาของประเทศญี่ปุ่น พร้อมคงรสชาติแท้ ๆ ของวัตถุดิบแต่ละชนิดไว้ให้ได้ลิ้มลอง
Premium Seasonal Ingredients Directly from Japan
ความพรีเมียมของคอร์สโอมากาเสะที่ทาง Kiku Sushi พร้อมเสิร์ฟให้กับผู้ที่เข้ามาทาน คือการคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลที่สดใหม่ ส่งตรงจาก ตลาดปลา Toyosu ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบนำเข้าที่เดียวกับนำมาจำหน่ายที่ Nihonmura Thonglor ย่านทองหล่อ แหล่งขึ้นชื่อเรื่องความสดใหม่ สินค้าคุณภาพดีที่คนรักอาหารญี่ปุ่นทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นต่างให้การยอมรับมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการทานอาหารที่นี่จะต้องอิ่มฟินกับความสดใหม่ ประทับใจไปกับรสชาติอาหารและวัตถุดิบคุณภาพในแต่ละคอร์สแน่นอน
The Traditions of Edomae Cuisine
Kiku Sushi รังสรรค์ความอร่อยอย่างพิถีพิถันตามแบบต้นรับของญี่ปุ่นแท้ ๆ การันตีโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญในการทำซูชิมายาวนานกว่า 40 ปี ด้วยประสบการณ์ด้านการทำอาหารจากเมืองโตเกียวและเมืองโยโกฮาม่า รวมถึงการประกอบอาชีพเชฟที่สิงคโปร์ถึง 26 ปี
คอร์สโอมากาเสะ ในสไตล์ Kaiseiki Edomae ที่ทางร้านเลือกนำมาเสิร์ฟความอร่อยนั้น ได้รับความนิยมอย่างมาก นับตั้งแต่ยุคสมัย Edo ซึ่งเป็นการทำอาหารตามแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีกรรมวิธีการปรุงอาหารอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เสิร์ฟซูชิด้วยความประณีต พิถีพิถัน และนำเทคนิคการปรุงอาหารที่หลากหลายมาใช้ในการรังสรรค์ความอร่อยอย่างครบถ้วน ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเองในลักษณะของซูชิบาร์ 6 ที่นั่ง (ต่อรอบ) ที่เผยให้เห็นเบื้องหลังการทำอาหารทุกขั้นตอนแต่ละคอร์สของเชฟอย่างใกล้ชิด
Kiku Omakase Courses
สำหรับคอร์สโอมากาเสะที่ทางร้านเสิร์ฟให้บริการนั้น มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
- Hana Course (2,750 บาท) ประกอบด้วยเมนูอาหารประเภทต่าง ๆ จำนวน 7 คอร์ส ซูชิ 4 คำ ซาชิมิ 3 คำ (จำนวนคำจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีในแต่ละวัน) รวมของหวาน (หากสั่งเครื่องดื่มด้วย อย่างชาเขียว Refill (สามารถเลือกได้ระหว่างแบบร้อนและแบบเย็น) ทางร้านจะคิดค่าบริการเพิ่มเติม)
- Kiku Course (4,500 บาท) ประกอบด้วยเมนูอาหารประเภทต่าง ๆ จำนวน 9 คอร์ส ซูชิ 6 คำ ซาชิมิ 7 คำ (จำนวนคำจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีในแต่ละวัน) รวมของหวาน (หากสั่งเครื่องดื่มด้วย อย่างชาเขียว Refill (สามารถเลือกได้ระหว่างแบบร้อนและแบบเย็น) ทางร้านจะคิดค่าบริการเพิ่มเติม)
ชื่อร้าน ‘Kiku Sushi’ ได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘Kiku’ หรือ ‘ดอกเบญจมาศ’ ซึ่งเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ญี่ปุ่นที่มีมานับพันปี โดยมักใช้สื่อเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นด้วย (ไม่น้อยไปกว่าดอกซากุระ) กลีบดอกสามารถทานได้ จึงนิยมนำมาปรุงอาหาร ตกแต่งจานซูชิ (โดยเรียกการเสิร์ฟซูชินี้ว่า ‘Edomae Sushi’) ให้ดูสวยงาม น่าทาน ทางร้าน Kiku Sushi จึงนำชื่อของดอกไม้ซึ่งมีความหมายที่ดีนี้มาถ่ายทอดความอร่อยในแบบต้นตำรับสไตล์ Edomae ที่หาทานได้ที่เมืองไทย ไม่ต้องบินไกลไปทานถึงญี่ปุ่น!
ครั้งนี้ทางร้านเลือกเสิร์ฟความอร่อยสุดพรีเมียมด้วย Kiku Course (4,500 บาท) โอมากาเสะ 9 คอร์ส ซึ่งเรียงลำดับตามเนื้อสัมผัสและรสชาติอาหารตามอย่างต้นตำรับ โดยเชฟจะเป็นผู้คัดสรร ส่งมอบความอร่อยผ่านวัตถุดิบที่ดีที่สุด พร้อมด้วยกรรมวิธีการปรุงอาหารหลากหลายแบบให้ได้ทานกัน
เริ่มต้นคอร์สด้วยเมนู Appetizer เรียกน้ำย่อยอย่าง Ankimo Ponzu ตับปลาอังโกะ สุดยอดวัตถุดิบประจำฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น ที่เชฟนำมาต้มในน้ำซีอิ๊วสูตรเฉพาะ ได้รสหวานนิด ๆ กลิ่นหอมเครื่องสมุนไพรที่เข้ากันดีกับรสละมุนของตับปลาอังโกะ พร้อมตัดรสด้วยความเปรี้ยวของพอนสึ เสิร์ฟมาพร้อมกับ Shirataki Aka Miso เส้นบุกที่เชฟนำไปคลุกเคล้าเข้ากับซอสหมักและใบมิโสะแดง ให้รสเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วสดชื่น อีกทั้งยังมี Shirako Tempura ถุงหุ้มสเปิร์มปลาทอดเทมปุระ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับผงมัทฉะผสมเกลือช่วยตัดรสเลี่ยน (สำหรับใครที่ไม่ทาน ทางร้านจะเสิร์ฟแทนด้วยปลาหมึกกล้วยเทมปุระที่เชฟนำไปปั่น นึ่ง แล้วนำไปทอดตามลำดับ)
ตามมาด้วยคอร์ส Sashimi เนื้อปลาและวัตถุดิบสดใหม่ประจำฤดูกาล โดยภายในเซ็ตเสิร์ฟจะประกอบด้วย Kinmedai ปลากระพงแดงรสเข้มข้นหวานมัน, Aji ปลาอาจิเนื้อแน่นที่มีไขมันแทรกเนื้อเล็กน้อย, Hirame ปลาตาเดียวเนื้อสดหวาน, Shima Aji ปลาเนื้อขาว, Otoro เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่าที่มีไขมันแทรก ให้เนื้อสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น, Kuromutsu ปลาน้ำลึกเนื้อหวานมัน และ Botan Ebi กุ้งโบตันเนื้อกรอบ สดหวาน
ต่อเนื่องความอร่อยกันที่คอร์ส Grilled ที่เชฟเลือกเสิร์ฟเมนู Roast Beef Wagyu A5+ เนื้อวากิว A5 นุ่ม ๆ ที่ย่างมาแบบกำลังดี ราดด้วยซอสกระเทียมที่มาตัดรสชาติของเนื้อได้แบบลงตัว ทานคู่กับ Taraba Salad สลัดปูทาราบะหรือปูหิมะเนื้อหวานนุ่มละลายในปาก
ส่วนคอร์ส Deep Fried คือเมนูปลา Kinmedai ทอดแดดเดียว รสเค็มนิด ๆ ที่เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับหัวไชเท้าซอยและเลมอนฝาน ซึ่งมาช่วยตัดรสชาติของเนื้อปลาให้กลมกล่อมมากขึ้น ก่อนจะเสริมทัพความอร่อยด้วยเต้าหู้สดเย็นที่ท็อปด้วย Uni หรือไข่หอยเม่น เป็นการผสานรสชาติที่ลงตัวสุด ๆ
จากนั้นไปต่อกันที่คอร์ส Stream กับเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้านอย่าง ‘ไข่ตุ๋นหูฉลาม’ ที่ท็อปด้วย Uni หรือไข่หอยเม่น และ Ikura ไข่ปลาแซลมอน และจัดเต็มความอร่อยด้วยหลากหลายวัตถุดิบซีฟู้ดที่เชฟตักใส่ลงไปยังด้านล่างของถ้วยไข่ตุ๋น เวลาทานให้ตักทานพร้อม ๆ กัน ก็จะได้สัมผัสรสชาติของหลากหลายวัตถุดิบที่อัดแน่นลงในถ้วยเดียวกัน
มาถึงคอร์สเมนู Soup กันบ้าง สำหรับคอร์สนี้ เชฟภูมิใจนำเสนอ ‘Dobin Mushi’ ซุปกาสูตรโบราณที่เคี่ยวน้ำซุปจากวัตถุดิบซีฟู้ด แล้วเสิร์ฟลงในกา Dobin ภายในกาอัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบซีฟู้ดแบบเน้น ๆ ทั้งเนื้อกุ้ง หอย ปู ปลา สารพัดชนิด น้ำซุปมีรสหวานกลมกล่อม ซดทานตอนร้อน ๆ ช่วยให้คล่องคอ อิ่มท้องกำลังดี (วิธีทานน้ำซุป ถ้วยแรกแนะนำให้ซดทานแบบไม่ผสมอะไรเลย จากนั้นจึงตามด้วยถ้วยที่ 2 ซึ่งให้ลองบีบมะนาวตามลงไป จะได้รสชาติกลมกล่อมในแบบที่แตกต่างกัน)
ไฮไลต์อีกหนึ่งคอร์สที่หลายคนรอคอยหนีไม่พ้นเมนูยอดนิยมอย่าง Sushi ซึ่งภายในเซ็ตนี้ประกอบไปด้วยเนื้อปลาชนิดต่าง ๆ ซึ่งผ่านการคัดสรรและส่งตรงวัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลมาจากญี่ปุ่น โดยคำแรกที่เสิร์ฟคือ Hirame ปลาตาเดียวเนื้อสดหวานที่ท็อปด้วย Engawa หรือครีบส่วนบนของปลา Hirame รสสัมผัสที่ได้ของซูชิคำนี้คือความหนึบของเนื้อปลาที่ผสานเข้ากับความกรุบของ Engawa อย่างลงตัว
สัมผัสรสชาติที่เข้มข้นมากขึ้นกับซูชิคำที่ 2 Tai-Madai ปลาไทที่นำไปเบิร์นไฟหอม ๆ ได้รสสัมผัสของเนื้อปลาที่ทั้งนุ่มและหวาน
ซูชิคำที่ 3 ตามมาติด ๆ ด้วย Shima Aji ปลาชิมะอาจิรสเข้มข้นที่ทานตัดรสชาติด้วยขิงดอง
ปิดท้ายคอร์สอาหารคาวด้วยซูชิเนื้อปลาทูน่าที่เสิร์ฟมาให้ลิ้มลองถึง 3 คำ 3 แบบด้วยกัน เรียงลำดับรสชาติ ส่วนที่มันน้อยที่สุดไปยังส่วนที่มันมากที่สุดของปลาทูน่า ได้แก่ Akami ปลาทูน่าส่วนเนื้อแดงที่เชฟนำไปหมักด้วยซอสสูตรเฉพาะแบบเข้าเนื้อ ให้สัมผัสนุ่มละมุนและชุ่มฉ่ำ, Chutoro เนื้อปลาทูน่าส่วนท้อง ที่ให้เนื้อสัมผัสแน่นและนุ่มละมุนในคราวเดียวกัน และ Otoro เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า ที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด เพราะมีไขมันแทรกในทุกอณูของเนื้อปลา จึงมีความนุ่มละมุนกว่าทุกส่วน
เพิ่มดีกรีความอร่อยขึ้นอีกขั้นด้วย Bafun Uni พรีเมียมอูนิที่ทางร้านคัดสรรมาเป็นอย่างดี ท็อปลงบนข้าวญี่ปุ่นแบบเน้น ๆ ให้สัมผัสของความครีมมี่แบบเข้มข้น เนียนนุ่มละลายในปาก รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายท้องทะเลแบบเต็มคำ
เต็มอิ่มกับมื้ออาหารคาวกันไปเรียบร้อยแล้ว ทาง Kiku Sushi เลือกส่งท้ายความประทับใจ Kiku Course นี้ ด้วย Dessert เซ็ตเมนูขนมหวานที่จัดเต็มความอร่อยมาให้หลากหลายแบบทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมเชอร์เบท สับปะรดยูซุ, เค้กมันม่วงเนื้อเนียนนุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของแป้ง ให้รสหวานของมันม่วงอย่างเป็นธรรมชาติ, เค้กถั่วแดงนมสดที่ให้รสหวานละมุนอร่อยไม่แพ้กัน และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่างมัทฉะร้อน ที่เชฟชงจากผงมัทฉะแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ให้รสหวานนิด ๆ ขมหน่อย ๆ ผสานเข้ากับกลิ่นหอม ๆ ของมัทฉะเข้มข้น ทำให้คอร์สโอมากาเสะสุดพิเศษนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ