The Luxury Japanese Restaurant in Thonglor
เชื่อว่าหลายคนที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นอาจคุ้นหูกับชื่อร้าน Kitaohji (คิตะโอจิ) กันมาบ้างแล้ว ด้วยร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านอาหารสไตล์ไคเซกิที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น โดยเปิดให้บริการมากถึง 11 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเปิดให้บริการเป็นสาขาที่ 12 ซ่อนตัวอยู่ภายในซอยทองหล่อ 8 เป็นสาขาในไทยเพียงแห่งเดียว จากความร่วมมือกันระหว่างบริษัท Food Factors หนึ่งในบริษัทเครือสิงห์ คอร์ปอเรชั่น โดยทางทีมงานยังคงยึดถือนำเอกลักษณ์ของ Kitaohji มาเสิร์ฟความอร่อยที่ไทย ตามแบบต้นตำรับจากญี่ปุ่นไว้เช่นเดิม ภายใต้ชื่อ 'Kitaohji Ginza Thailand'
สำหรับการออกแบบบรรยากาศร้านนั้น เป็นผลงานของบริษัท โนมูระ ของทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นหนึ่งในบริษัทด้านการออกแบบที่มีชื่อเสียงที่สุด และ Landmark สำคัญ ๆ สำหรับร้านนี้ ทีมงานได้มีการดึงเอาคาแร็กเตอร์ของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นออกมาได้อย่างชัดเจน สมกับเป็นร้านอาหารสไตล์ไคเซกิ สร้างความตื่นตาตื่นใจนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาบริเวณประตูใหญ่ ซึ่งถูกจัดออกมาในแบบสวนไผ่สไตล์ญี่ปุ่นสุดร่มรื่น ทางเดินเข้าร้านถูกปูด้วยหินกรวดสีขาวทอดยาวไปสู่ประตูบ้านที่คั่นด้วยผ้าม่านสีขาวประทับตราโลโก้ของร้าน ได้ฟีลบรรยากาศเหมือนอยู่ประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในร้านก็จะพบกับ Open Kitchen ในส่วนของ Grilled Station และ Sushi Bar ที่ทางร้านเลือกใช้ไม้สีอ่อนตามแบบฉบับของร้านอาหารญี่ปุ่น โดยมีการประดับตกแต่งด้วยของใช้อย่างพัดและไหสาเกที่นำมาเรียงกันเป็นชั้นกำแพงระหว่างทางเดินสู่ที่นั่งด้านใน แบ่งออกเป็น 2 ชั้นอย่างเป็นสัดส่วน
Traditional Delicacy
ทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารไคเซกิแบบดั้งเดิม ซึ่งถือเป็นอาหารชั้นสูงที่ต้องใช้ความสามารถและความประณีตบรรจงในการปรุงอาหารแต่ละจานออกมาให้สวยงามราวกับเป็นงานศิลปะ อีกทั้งยังต้องใส่ใจในการดึงรสชาติของวัตถุดิบตามฤดูกาลออกมาเป็นจานต่าง ๆ ภายในเซ็ตอาหารไคเซกิอีกด้วย ดังนั้นทุก ๆ จาน จะถูกผลัดเปลี่ยนเป็นเมนูใหม่ ๆ ให้ได้ลิ้มลองอยู่เสมอ โดยที่นี่มีเชฟ Junji Maeno เชฟจากประเทศญี่ปุ่นที่คอยดูแลคุณภาพและรสชาติอาหาร โดยเลือกปรุงอาหารจากวัตถุดิบเกรดพรีเมียมทั้งสิ้น อย่างเนื้อคุโระเกะวากิว ปูขน และปูทาราบะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของเซ็ตอาหาร
ครั้งนี้ขอแนะนำ Kitaohji Omakase Kaiseki (8,000 บาท) คอร์สที่ผสมผสานระหว่างโอมากาเสะและไคเซกิได้อย่างลงตัว พร้อมเสิร์ฟความพรีเมียมมาให้คุณได้ลิ้มลองกันอย่างจุใจ เริ่มกันที่ Seasonal Appetizer ซีซั่นนี้ทางร้านได้เสิร์ฟปูขน หรือ Kegani โดยเชฟจะแกะเนื้อปูมาให้ทานกันอย่างสะดวกสบาย เพียงใช้ตะเกียบคีบ โดยด้านในจะเป็นหัวไชเท้าที่ห่อเข้ากับเนื้อปูขน ทานคู่กับ Tosatsu Sauce
ต่อมาเป็น Sashimi 4 Kinds เซ็ตของซาชิมิที่โดดเด่นในเรื่องของคุณภาพปลา โดยเฉพาะมากุโระคุณภาพบลูฟินจากญี่ปุ่นที่คัดมาเฉพาะส่วนคามาชิตะโทโร่ หรือส่วนใต้คางปลาที่จะมีเพียง 5% เท่านั้น ให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มละมุนละลายในปากต่อมาเป็น Small Meal ข้าวซูชิท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอนเน้น ๆ และอูนิสายพันธุ์บาฟุน อีกหนึ่งไฮไลต์อยู่ที่ Snow Crab Shabu Shabu ชาบูปูหิมะหรือปูชูไว แต่ความอร่อยเด็ดที่สุดต้องยกให้กับน้ำซุปสูตรเฉพาะของ Kitaohji ที่เชฟเคี่ยวดาชินานถึง 6 ชั่วโมง จนได้น้ำซุปใส ๆ รสชาติกลมกล่อมที่ใครได้ชิมก็ต้องติดใจ
จานต่อมาเป็นเมนูย่างโดยกรรมวิธีพิเศษของทางร้าน เป็นการเสิร์ฟ Grilled Taraba King Crab Nodoguko ปูทาราบะไซส์ใหญ่ เนื้อหวานสดใหม่ ที่เคียงคู่มากับเนื้อปลากะพงคอดำ ที่ถือเป็นราชาของปลาเนื้อขาวที่มีไขมันแทรกพอดี ทำให้ได้เนื้อนุ่มพิเศษ เคียงด้วยยูซุโคโชะและมิโสะซอสสูตรของทางร้าน ที่มีส่วนผสมของไวน์แดง ช่วยดึงรสชาติของอาหารออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ต่อมาที่ Roasted Dish เสิร์ฟมาเป็นฟักทองสายพันธุ์จากญี่ปุ่นที่คัดไซส์มาอย่างดี ดูกะทัดรัดสามารถทานได้ทั้งลูก ด้านในเป็นเนื้อวากิว A4 จากคาโกชิม่า ที่คลุกเคล้าเข้ากับซอสสุกี้ยากี้และไข่แดงให้ทานคู่กัน
ส่วน Chef’s Recommendation Dish ครั้งนี้เป็นเนื้อปลาแซลมอน มากุโระ และอาวาบิ หรือเป๋าฮื้อที่ผ่านขั้นตอนการอาบุริ หรือการเบิร์นด้วยเทคนิคพิเศษของเชฟ เสิร์ฟมากับพอนสึเจลลี่ซอส ท็อปด้วยคาเวียร์
ส่วน Dessert หรือเมนูของหวานในครั้งนี้ ทางร้านแนะนำเป็นเจลลี่จากไวน์ขาว เสิร์ฟมากับผลไม้ตามฤดูกาลอย่างส้มสดคุณภาพดีและองุ่นเกรดพรีเมียมลูกโต รสหวานฉ่ำ เป็นการล้างปากปิดท้ายมื้อพิเศษได้เป็นอย่างดี
นอกจากเมนู Kaiseki Course แล้ว Kitaohji ยังมี Seasonal Menu ที่พร้อมนำเสนอความอร่อยในทุก 3 เดือน ซึ่งเดือนมิถุนายน - สิงหาคมนี้ ตรงกับช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฤดูที่ดีที่สุดของการทานเนื้อ ทางร้านแนะนำเมนู A La Cart ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เหมาะสำหรับใครที่รักการทานเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ ต้องไม่พลาดชิม Kobe Beef Chateaubriand ( 8,000 บาท) เนื้อโกเบที่ทางร้านเลือกเฉพาะวัวตัวเมียอายุไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่มละลายในปาก มีมันแทรกพอดี โดยทางร้านจัดมาให้ชิมกันถึง 2 ส่วน คือส่วนของ Kobe Beef Sirloin และ Kobe Beef Chateaubriand Fillet ที่ให้เนื้อนุ่มเนียนละเอียด เสิร์ฟมากับเกลือและซอสของทางร้านให้ได้ลองทานกันถึง 3 แบบ
และไฮไลต์สุดท้ายต้องยกให้กับ Taraba King Crab (5,000 บาท) ราชาปูยักษ์ส่งตรงจากเกาะฮอกไกโด ผ่านการคัดสรรคุณภาพจากความพิถีพิถันและความสัมพันธ์อันดีของร้านและสมาคมเรือประมงที่เป็นแหล่งวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้น่านน้ำพิเศษที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงสุด ซึ่งเรือประมงสามารถหาวัตถุดิบพิเศษนี้ได้เพียง 2 ลำเท่านั้น ทำให้ปูทาราบะของ Kitaohji มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยเชฟจะย่างบนเตาถ่านแบบดั้งเดิมให้มีกลิ่นหอมอบอวล ให้รสหอมหวานที่มาพร้อมเนื้อสัมผัสนุ่มของเนื้อปูยักษ์ได้อย่างครบถ้วน เมนูนี้สามารถเลือกได้ว่าจะทานแบบนึ่งหรือย่าง ให้คุณได้สัมผัสเนื้อปูที่สดใหม่ เท็กซ์เจอร์นุ่ม ๆ เนื้อแน่น ๆ และได้รสหวานธรรมชาติแบบเต็มคำ