Traditional Italian Recipes
ชวนคุณมาลิ้มรสอาหารอิตาเลียนแท้ ฝีมือคุณยายในสไตล์ Aburzzo กันที่ร้าน L’Oliva Ristorante Italiano & Wine Bar ร้านอาหารอิตาเลียนที่ทาง คุณแนน และ คุณนีน่า เจ้าของร้านอาหารบัว ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 30 ปี และคุณ Nicolino Pauquini ได้ร่วมกันนำเสน่ห์ของอาหารอิตาเลียนกลิ่นอายสไตล์ Abruzzo ในหลากหลายแง่มุม ทั้งบรรยากาศ เมนูอาหาร เครื่องดื่ม และไวน์ชั้นดีที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ มานำเสนอให้คนไทยได้ลิ้มลองให้สมกับกิตติศัพท์ของเขตผลิตไวน์ชื่อดังซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากกรุงโรม
The Touch of Abruzzo
ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยนภาศัพท์ 2 โดยดัดแปลงมาจากบ้านหลังเก่า 2 ชั้นขนาดใหญ่ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และหน้าต่างบานใหญ่ ได้ความโปร่งโล่งและบรรยากาศร่มรื่น ซึ่งทางร้านยังคงโครงสร้างเดิมเอาไว้ แล้วเพิ่มการตกแต่ง เสริมกิมมิกน่ารัก ๆ ด้วยงานศิลปะที่เน้นการใช้สีสันเรียบง่าย ดูสบายตา ให้กลิ่นอายของบ้านชนบทในประเทศอิตาลี มอบความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองให้กับทุกคนที่แวะเวียนเข้ามา
ทางร้านมีพื้นที่รองรับไว้คอยให้บริการหลากหลายโซน ไม่ว่าจะเป็น โซนคาเฟ่ อย่าง Caffe Olive โซนทานอาหาร โซนห้องจัดเลี้ยงแบบ Private และ โซน Outdoor ที่สามารถจัดกิจกรรมหรือใช้เป็นที่นั่งทานอาหารรับลมเย็น ๆ ได้ในคราวเดียว อีกทั้งด้านหน้าร้านนั้นยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยต้นมะกอกที่คุณ Nicolino หอบหิ้วมาประดับร้าน จนกลายเป็นที่มาของชื่อร้าน L’Oliva นั่นเอง
The Original Taste from Abruzzo
เพราะ Abruzzo มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ที่ติดกับภูเขาและชายทะเล ทำให้ชาวเมืองนี้ได้คิดค้นวิธีการถนอมอาหารและการปรุงอาหารเอาไว้มากมาย ประกอบกับคุณ Nicolino ได้เคยเข้าครัวกับคุณยายมาตั้งแต่เล็ก ๆ จึงอยากนำเสนอรสชาติ ความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านเกิดให้คนไทยได้รู้จักกับหลากหลายเมนูที่เรียบง่ายแต่คัดสรรและผ่านกรรมวิธีการทำ การปรุงอย่างใส่ใจในทุก ๆ จาน
เริ่มต้นที่ Polpo Grigriato E Crema Allo Zafferano (680 บาท) เมนูหนวดปลาหมึกยักษ์ย่างเนื้อหนึบหนับ คลุกเคล้ากับ Saffron Cream เสิร์ฟมากับมะเขือเทศเชอร์รี เห็ด และหน่อไม้ฝรั่งย่าง
หรือจะลองเป็นจานเพื่อสุขภาพสำหรับสายคลีนอย่าง Insalata Di Frutta Rucola E Burrata (450 บาท) สลัดผักสด กรอบ ที่คลุกเคล้ามากับผลไม้สุดเฟรช ถั่ว บูราต้าชีส ราดด้วยซอสบัลซามิกเกรดพรีเมียมจาก Modena
ถัดมาเป็นจานที่หนักท้องขึ้นมาสักหน่อยอย่าง Risotto Capesante E Tartufo (790 บาท) รีซอตโต้สไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับ Porch Cream ท็อปด้านบนด้วยหอยเชลล์ตัวโตและเห็ดทรัฟเฟิล ได้รสชาติเข้มข้นแบบครีมมี่ ๆ
จากนั้นไปลิ้มรสความหวานของ Gamberi Rossi Ed Asparagi Bianchi (890 บาท) กุ้ง Carabineros ที่ย่างเสิร์ฟมากับหน่อไม้ฝรั่งย่าง ราดด้วยซอส Shellfish ให้รสกลมกล่อมเข้ากันดีกับเนื้อกุ้งแน่น ๆ
มาถึงเมนูจานหลักอย่าง Crema Di Noci E Speck (450 บาท) พิซซ่าซิกเนเจอร์ แป้งบางกรอบอบในเตาถ่าน กลิ่นหอมกรุ่น ให้เนื้อสัมผัสแบบกรอบนอกนุ่มใน พร้อมท็อปบนมาด้วยชีสชั้นดี, Agerola Fiordilatte และเห็ด
ก่อนจะปิดท้ายด้วย Cannoli (220 บาท) หนึ่งในเมนูขนมยอดฮิตช่วงเทศกาลพิเศษของทางอิตาลี โดยเป็นขนมรูปทรงท่อ ทำจากแป้งที่นำมาม้วนพันเป็นทรงกรวย สอดไส้ริคอตต้าชีส โรยด้วยครัมเบิ้ลชาเขียว และตกแต่งด้วยผลไม้สดที่ทานคู่กันแล้วช่วยตัดรสชาติของครีมได้เป็นอย่างดี