From Generation to Generation
ท่ามกลางบรรยากาศแสนคลาสสิก ที่สามารถพาคุณย้อนเวลากลับไปเมื่อสามสิบปีก่อน ให้ผู้ที่มาเยือนได้ซึมซับความเป็นศูนย์การค้า เดอะ เพนนินซูล่า พลาซ่า ที่คงความคลาสสิกไม่เสื่อมคลาย รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของ Maimai Eatery (ใหม่ใหม่ อีทเทอร์รี่) ร้านอาหารที่ส่งต่อความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 30 ปี ซึ่งปรับเปลี่ยนจากร้าน Le Jadin ของคุณยายและคุณแม่ให้กลายมาเป็น Maimai Eatery ในปัจจุบัน โดยที่มาของชื่อร้าน มาจากการเล่นคำ โดยใช้คำว่า Mai ซ้ำกันสองครั้ง คำแรกสื่อถึงการนำร้านอาหารและสูตรอาหารของคุณยายกลับมาทำใหม่ ส่วนคำที่สองเป็นชื่อเล่นของคุณแม่นั่นเอง
บรรยากาศของร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความคลาสสิกของอดีตที่ผสานเข้ากับความโมเดิร์นทันสมัยได้อย่างลงตัว โดดเด่นไปด้วยโทนสีน้ำเงิน สีโปรดของคุณแม่ ตัดกันกับสีชมพูสดใส รวมไปถึงลายเส้นไฟนีออนที่ออกแบบมาเป็นรูปของคุณแม่ ด้านบนเป็นหลังคาโปร่งแสง ทำให้บริเวณของร้านได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ คลอด้วยเสียงเปียโนเพราะ ๆ ที่บรรเลงสดให้ฟังทุกวัน เป็นกิมมิกน่ารัก ๆ ของร้าน
Comfort Food
ในเรื่องของเมนูอาหาร ที่นี่นำเสนออาหารภายใต้คอนเซ็ปต์ของ Comfort Food นำเมนูยอดนิยมที่ขึ้นชื่อในอดีตผสานกับเมนูจานโปรดประจำบ้านของคุณแม่ละคุณยายมาหยอดใส่ความทันสมัยสู่เจนเนอเรชั่นใหม่โดยรุ่นหลานกลายเป็นเมนูทานง่ายรสชาติถูกปากคนไทย
เมนูซิกเนเจอร์ของ Maimai Eatery ที่ใครมาก็ต้องสั่งมาชิมต้องยกให้เมนู ก๋วยเตี๋ยวเรือ เพราะ Maimai Eatery ถือเป็นเจ้าแรกที่ยกระดับอาหารทานง่ายอย่างก๋วยเตี๋ยวเรือมาขึ้นห้างจนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ลองชิม ก๋วยเตี๋ยวเรือเพนนินหมูคุโรบูตะ (280 บาท) ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรดั้งเดิมที่ทางร้านเลือกใช้หมูคุโรบูตะเป็นท็อปปิ้ง เพิ่มคุณภาพให้คับชามยิ่งขึ้น หรือสายเนื้อกับเนื้อริบอาย (320 บาท) ที่สไลด์บางนุ่ม น้ำซุปรสชาติเข้มข้นแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ถูกเคี่ยวมานานจนได้รสกลมกล่อมโรยด้านบนด้วยกากหมูและน้ำมันกระเทียมเจียวที่ทอดเองใหม่ ๆ ทุกวัน ครบเครื่องครบเสน่ห์ของก๋วยเตี๋ยวเรือ
ส่วนเมนูทานเล่นที่ขายดีต้องยกให้ โครเกต์เนื้อปูก้อนกับซอสทาร์ทาร์ (250 บาท) จานนี้เป็นเมนูโปรดของครอบครัว ก่อนที่จะถูกยกมาให้เป็นหนึ่งจานไฮไลต์ของร้าน ตัวโครเกต์อัดแน่นไปด้วยเนื้อปูสด ๆ ให้ความหวานแบบธรรมชาติ ทานคู่กับซอสทาร์ทาร์ ได้สัมผัสที่ลงตัวอย่างน่าประทับใจ
ต่อมาเป็นเมนูที่รวมเอาความเป็นไทยเข้ากับตะวันตกได้เป็นอย่างดีกับ สปาเก็ตตี้ปูผัดพริกกระเทียม (320 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่ม ผัดหอม ๆ กับพริกแห้งและกระเทียมแบบไทย ๆ เคล้าด้วยเนื้อปูก้อนโตเต็มคำ เพิ่มความหอมเย้ายวนใจด้วยกลิ่นของใบโหระพา สำหรับใครที่ชอบเมนูข้าว ลองชิม ข้าวผัดสมุนไพรยำปลาทู (220 บาท) ข้าวผัดแบบไทย ๆ ที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นหอม ๆ ของสมุนไพรไทยทั้งตะไคร้ ผักชี หอมแดง พริกขี้หนูสวน และเนื้อปลาทูชิ้นพอดีคำ ให้รสชาติเข้มข้น
ต่อมาที่เมนูบ้าน ๆ แต่รสชาติควรค่าแก่การลองรับประทานอย่าง ชุดข้าวเหนียวส้มตำ จิ้มแจ่ว ไก่ย่าง (380 บาท) ส้มตำรสจัดจ้านจัดครบสามรส จัดชุดมากับข้าวเหนียวและไก่ย่างหอมกรุ่นที่ผ่านการหมักกับเครื่องเทศกว่า 20 ชนิด นำไปอบให้สุกก่อนจะนำไปย่างจนหอมนุ่ม เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ
Sweet After Meal
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มและของหวานที่โดดเด่นไม่แพ้ใครด้วย กล้วยไข่เชื่อม (80 บาท) เมนูชูโรงของร้าน เพราะเป็นเมนูขนมโบราณแสนคลาสสิกที่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกกล้วยไข่คัดพิเศษจากจังหวัดเพชรบุรี ทำให้เมื่อผ่านการเชื่อมแล้วจะได้สัมผัสที่ชุ่มฉ่ำเข้าเนื้อ ทานคู่กับน้ำกะทิเข้มข้นรสเค็ม ตัดรสหวานเป็นอย่างดี หรือจะเป็น เครมบรูเล่มะพร้าวอ่อน (180 บาท) เมนูที่ดัดแปลงมาจาก คัสตาร์ด โคโคนัท เมนูโปรดคุณยาย เมนูนี้เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าว ด้านบนเป็นน้ำตาลที่ถูกพ่นด้วยไฟจนกลายเป็นคาราเมลสีน้ำตาลสวย ให้สัมผัสเนียนนุ่มละมุนลิ้น ทานได้เพลิน ๆ
สุดท้ายลองชิมเมนูเครื่องดื่ม เพิ่มความสดชื่นปิดท้ายมื้ออาหารแสนอร่อยอย่าง พีชแอนด์โรส (180 บาท) รสชาติที่หอมหวานของลูกพีช ที่เข้ากันดีกับความซาบซ่าของโซดา เสิร์ฟมาในรูปแบบไอศกรีมสีสันน่ารักในแก้วใส สร้างความประทับใจปิดท้ายมื้ออร่อยให้คุณได้เป็นอย่างดี