Thai Southern Melayu & Peranakan Family Recipe Restaurant
ชวนเปิดประสบการณ์ใหม่ ลิ้มรสอาหารใต้สไตล์ไทย-มลายู กลิ่นอายเพอรานากันที่ ‘MAMA YAYA’ ร้านอาหารใต้ไวป์สุดอบอุ่น พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยสารพัดเมนู ซึ่งถ่ายทอดสูตรอาหารแบบส่งต่อจากรุ่นยายสู่รุ่นแม่ และรุ่นลูก
BKK. ขอเปิดวาร์ปความอร่อยใจกลางย่านลาดพร้าว-นาคนิวาส ให้เหล่านักชิมสายอาหารไทยทั้งหลายได้ตามรอยไปปักหมุดร้านอาหารใต้ที่เชื่อเหลือเกินว่าน้อยคนนักจะเคยได้ลิ้มลองในสไตล์ไทย-มลายู เพอรานากัน ซึ่งรสชาติมีความกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากอาหารใต้ที่หลายคนอาจคุ้นเคยแน่นอน เพราะ 'MAMA YAYA' คือร้านอาหารใต้ที่ถ่ายทอดสูตรอาหารของครอบครัว 'คุณโอม-ณฐพล กูดุส’ เจ้าของร้าน ชาวนราธิวาสขนานแท้ โดยเขาอยากส่งต่อประสบการณ์ทานอาหารใต้รูปแบบใหม่ ๆ จากการผสมผสานวัฒนธรรมอาหารหลากหลายชาติ ทั้งไทย จีน และมลายู จากถิ่นฐานแดนใต้สุดของไทยให้คนกรุงเทพฯ ได้ลิ้มลอง
ตามอย่างที่เกริ่นไปแล้วข้างต้นว่า ร้าน MAMA YAYA นั้น เลือกนำเสนอสูตรอาหารของครอบครัวที่ส่งต่อจากรุ่นยายสู่รุ่นแม่ เมนูอาหารต่าง ๆ ของที่นี่ จึงเป็นการรังสรรค์ความอร่อยผ่านรสมือ 'คุณแม่น้อย' (คุณแม่ของคุณโอม) ซึ่งเป็นอาหารใต้แบบมลายู หรืออาหารที่พบได้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ต่างกับอาหารใต้พื้นเมืองยอดนิยม เพราะอาหารมลายูเป็นอาหารที่มีรสชาติไม่เผ็ดร้อน กลมกล่อม และเน้นไปทางรสหวาน เค็ม และความมันจากกะทิเสียส่วนใหญ่ ก่อนจะเพิ่มความพิเศษด้วยการผสมผสานกับแนวอาหารเพอรานากัน (วัฒนธรรมอาหารที่เกิดจากการผสานกันระหว่างวัฒนธรรมอาหารจีนกับอาหารมลายูเข้าด้วยกัน โดยใช้เครื่องเทศและวัตถุดิบพื้นบ้านอย่างพืชผักสมุนไพร อาหารทะเลจากชาวประมงท้องถิ่น มาประกอบอาหาร)
ด้วยความที่คุณโอมเติบโตมาภายในครอบครัวที่มีทั้งเชื้อสายไทย-จีน มุสลิมในถิ่นมลายู แนวอาหารของที่บ้านเลยออกมาในรูปแบบผสมผสาน เลยอยากถ่ายทอดความอร่อย อาหารใต้ฝีมือคุณแม่ที่ตนได้ซึมซับมาตั้งแต่เล็กจนโตให้คนอื่น ๆ ได้ลองชิมบ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเมนูกับข้าวง่าย ๆ ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น จนเกิดเป็นเมนูเฉพาะตัวหาทานที่อื่นไม่ได้ นอกจากเมนูอาหารสูตรเฉพาะของครอบครัวแล้ว MAMA YAYA ยังมีอาหารใต้หาทานยาก แบบชาวนราธิวาสให้ได้ลิ้มลองอีกหลายเมนู
Feel Like Home
ไม่เพียงแต่เรื่องของอาหารที่ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของ MAMA YAYA เท่านั้น บรรยากาศโดยรวมภายในร้านแห่งนี้ยังดึงมู้ดของความเป็น 'บ้าน' มาให้ชาวกรุงได้สัมผัสถึงความอบอุ่นในทุกอณูอีกด้วย ไม่ว่าจะบานประตู หน้าต่าง ผ้าม่าน โคมไฟ การเลือกใช้วัสดุ-เฟอร์นิเจอร์ไม้ หวาย อิฐ เรื่อยไปจนถึงการประดับตกแต่งผนังร้านด้วยกรอบรูปภาพสเก็ตช์หรืองานจักสานต่าง ๆ ที่สื่อถึงความเป็นวัฒนธรรมแดนใต้ ผสมผสานกลิ่นอายเพอรานากัน ได้อย่างครบสมบูรณ์
ไม่ว่ามื้อไหน ๆ ก็สามารถแวะมาเอ็นจอยความอร่อยกันได้กับทั้งครอบครัวและกลุ่มเพื่อน โดยที่ร้านมีหลากหลายโซนนั่งรับประทานให้เลือกสรร ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ เหมือนได้มานั่งรับประทานที่บ้าน
From Yaya To Mama To You
ส่งต่อรสชาติของครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ 'ยาย่า' คำที่หลาน ๆ มักใช้เรียกคุณย่า คุณยาย สู่ 'มาม่า' คำเรียกคุณแม่ สองคนสำคัญผู้มักทำอาหารให้กับครอบครัวได้รับประทานเสมอมา ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นลูก สมกับชื่อร้านที่ถ่ายทอดสูตรอาหารถึงกันภายในครอบครัว ก่อนนำมาเสิร์ฟถึงโต๊ะอาหารให้ได้สัมผัสประสบการณ์ความอร่อย ตรงตามสโลแกนร้านที่ว่า 'from Yaya to Mama to You'
หลากหลายเมนูอาหารของ MAMA YAYA เป็นรสอาหารที่ไม่ซับซ้อน กลมกล่อม ไม่เผ็ดจัด เหมาะกับทุกเพศทุกวัย รวมถึงทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง โดยใช้ชื่อเมนูที่เข้าใจง่าย มีการเขียนอธิบายเอาไว้อย่างชัดเจน บางเมนูหลายคนอาจคุ้นเคย แต่บางเมนูหาทานยาก มีความพิเศษด้วยวัตถุดิบและกรรมวิธีเฉพาะที่แม่น้อยปรุงอย่างพิถีพิถัน
สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยลิ้มลองอาหารมลายูเพอรานากัน ทางร้านได้เลือกเมนูแนะนำน่าลองที่ทานง่าย รับรองว่าอร่อยถูกปากแน่นอน ได้แก่ ข้าวเหนียวแดงปลาทอด (185 บาท) เมนูอาหารเช้าสุดคลาสสิกของชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือที่ชาวมุสลิมเรียกกันว่า 'ปูโล๊ะปาฆี' มีรสชาติหวาน เค็ม ครบรส ด้วยการผสานความลงตัวระหว่างข้าวเหนียวแดงหอมหวานจากน้ำตาลโตนดแท้ ๆ คู่กับมะพร้าวขูดฝอยรสเค็มนิด ๆ แกล้มด้วยปลาทูแขกทอดกรอบนอกนุ่มใน บอกเลยว่าใครได้ชิมเป็นต้องติดใจ !
ตามมาด้วยหนึ่งในสัญลักษณ์ของอาหารใต้ที่หลายคนคุ้นชื่อเป็นอย่างดีกับเมนู ข้าวยำ (260 บาท) หรือข้าวยำน้ำบูดู ที่เรียกกันในภาษามาลายูว่า 'นาซิเกอราบู' อาหารเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดแดนใต้ที่นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารกลางวัน เพิ่มความอร่อยด้วยการรับประทานคู่กับข้าวเกรียบปลาหรือไข่ต้ม
'นาซิกาบู' มีความหมายตรงตัว (นาซิ = ข้าว และ กาบู = ยำ) แม้จะดูไม่ซับซ้อนแต่วัตถุดิบและส่วนผสมที่รวมกันในจานนี้ มีมากกว่า 10 ชนิด ทั้งถั่วฝักยาว หอมแดง แตงกวา ถั่วงอก ส้มโอ ตะไคร้ ผักแพว มะนาว มะพร้าวคั่ว ปลาป่น พริกไทย พริกป่น และน้ำบูดูอย่างดี (จากตากใบ จังหวัดนราธิวาส) ที่ผ่านการเคี่ยวถึง 2 ชั่วโมงกับสมุนไพรและน้ำตาลจากสายบุรี เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิหุงใหม่ ๆ ส่วนวิธีรับประทานให้ถูกต้อง ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ คลุกข้าวกับผักให้เข้ากัน ราดน้ำบูดูและบีบมะนาว แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เรียกว่าเป็นเมนูที่รับประทานแล้วอิ่มท้อง แถมยังดีต่อสุขภาพด้วย ถูกใจสายเฮลท์ตี้แน่นอน
ส่วนใครที่กำลังมองหาเมนูแกงไว้ซดให้คล่องคอระหว่างมื้อ ต้องลอง ไก่ต้มเครื่องคุณยาย (250 บาท) เมนูสูตรครอบครัว ที่หาทานที่ไหนไม่ได้ เพราะเมนูนี้เกิดมาจากคุณยายของคุณโอมที่คิดเมนูนี้ขึ้นมาเวลาคนในบ้านไม่สบาย อบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากรุ่นสู่รุ่น ความเด็ดอยู่ที่น้ำซุปใสรสกลมกล่อม ให้ความเผ็ดร้อนจากพริกไทยดำและพริกกะเหรี่ยง ผสานกับความหอมของข่า ขิง ตะไคร้ และผักแพว พร้อมเนื้อไก่นุ่ม ๆ ที่ต้มจนรสน้ำแกงเข้าเนื้อ ใครได้ลองรับประทานแล้วจะรู้สึกสดชื่น (ใครป่วยอยู่ก็อาจหายเป็นปลิดทิ้ง) ใครอยากซดน้ำซุปร้อน ๆ ที่หอมสมุนไพรแบบถึงเครื่อง ต้องลอง !
ถัดมาที่อีกหนึ่งเมนูอิ่มท้องอย่าง เนื้อฮ้อง (360 บาท) ซึ่งเป็นเมนูเพอรานากัน เนื่องจากใช้กรรมวิธีตุ๋นและเครื่องเทศจีนในการปรุงอาหาร ความพิเศษคือทางร้านจะคัดเฉพาะเนื้อวัวติดมัน ชิ้นใหญ่ เคี่ยวกับเครื่องเทศเกือบ 4 ชั่วโมง จนได้เนื้อเปื่อยนุ่ม ละลายในปาก ได้รสชาติที่เข้มข้นเข้าเนื้อ หวานและเค็มแบบลงตัว เสิร์ฟให้รับประทานพร้อมน้ำจิ้มน้ำส้มที่ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี
หรือจะเป็นจานปลาน่าอีสสุด ๆ กับเมนู ปลากะพงเจี้ยนเครื่อง (580 บาท) ปลากะพงตัวโตที่ผ่านการบั้ง หั่นชิ้นพอดีคำมาแบบทั้งตัว ทอดในกระทะร้อนจนได้เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่นใน ราดด้วยพริกแกงสูตรเฉพาะที่ให้ทั้งความหอมและรสเผ็ดกำลังดี รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร !
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานสไตล์โลคอลอย่าง ขนมใบคนที (139 บาท) ขนมหวานที่ใช้แป้งข้าวเหนียวผสมด้วยใบคนที ซึ่งเป็นใบไม้สมุนไพรที่หาได้ตามแถบชายทะเลภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยจะนำไปนึ่งแล้วคลุกกับมะพร้าว ก่อนรับประทานราดด้วยน้ำตาลโตนดเคี่ยว ให้รสชาติที่หวานหอม ล้างปากหลังอาหารคาวได้ดีทีเดียว
หลังรับประทานอาหารมื้อนี้กันอย่างเต็มอิ่มไปเป็นที่เรียบร้อย อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้าน เพื่อดับความเผ็ดร้อนของอาหารและเติมความสดชื่นกันด้วย โอเลี้ยง (80 บาท) และ ชาไทย (80 บาท) สองเครื่องดื่มยอดนิยมจากแดนใต้ ชงด้วยสูตรเฉพาะของครอบครัว ให้รสเข้ม กลมกล่อม หอมหวานกำลังดี เป็นการส่งท้ายมื้อแสนอบอุ่นเหมือนได้ทานข้าวบ้านได้อย่างน่าประทับใจ