Ideal Daily Meal
Meat Bar 31 เป็นร้านสเต็กที่เพิ่งเปิดบ้านได้ไม่นานในซอยสุขุมวิท 31 โดยเจ้าของร้าน เชฟนิกุ อิทธิ วรเนตร หนึ่งในทีมงานของร้าน Barka Bar ที่มาพร้อมกับประสบการณ์หลายปีที่ร้าน Umenohana, bitterman, Chivasom และโรงแรม Alila ที่ชะอำ หลังจากเรียนการทำอาหารจบจาก Le Cordon Bleu ประเทศอังกฤษ คุณนิกุอยากให้ที่นี่เป็นร้านสเต็กดี ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องแพงเหมือนร้านในโรงแรมและสามารถทานได้บ่อยทุก ๆ วัน
ด้วยความตั้งใจของคุณนิกุที่อยากให้ที่นี่เป็นร้านสเต็กที่มาทานได้โดยไม่ต้องเกร็ง พี่ชายของคุณนิกุเองผู้เป็นสถาปนิกจึงออกแบบโดยเลือกใช้สีขาวกับกระจกให้ร้านโปร่งสบาย ดูน่านั่งด้วยรูปวัวตัวใหญ่ที่เพ้นท์อยู่บนผนังและการตกแต่งที่ใช้ต้นไม้ประดับประดาห้อยตามเพดานและรอบ ๆ ร้าน อบอุ่นแต่แฝงความ Classy นิด ๆ ด้วยการใช้ไม้สีเข้มและเหล็กสีดำมาช่วยเติมบรรยากาศที่หลายคนนั่งจิบไวน์ท่ามกลางเพลงแนว Classic Jazz ยุค 1920s-1930sCrusty Juicy
นอกเหนือจากความหลากหลายของเนื้อคุณภาพที่มีให้เลือกกันแล้ว จุดเด่นของที่นี่คือการย่างเนื้อสเต็กแบบ Lava Grill คือ การใช้หินลาวาซึ่งเป็นหินที่สามารถจุความร้อนได้สูงกว่าถ่านหรือเตาแก๊สทั่ว ๆ ไป จึงทำให้เนื้อมีความฉ่ำและมี Crust อยู่ภายนอก สำหรับคนที่ชอบเนื้อแบบนุ่ม ๆ ทางร้านแนะนำสายพันธุ์ญี่ปุ่นอย่าง Miyasaki Wagyu Rib Cap (2,200 บาทสำหรับ 180 กรัม) กับมาร์เบิลสกอร์เกรด A5 แต่ถ้าชอบแบบเนื้อฉ่ำเคี้ยวมันส์ ลองเนื้อสันในจากอเมริกาอย่าง USDA Prime Beef Tenderloin (1,350 บาทสำหรับ 200 กรัม)
ส่วนเนื้อไทยก็ดูเข้าท่าไม่แพ้กัน ลอง Pure Breed Thai Wagyu, Tenderloin (650 บาทสำหรับ 200 กรัม) ซึ่งเป็นเนื้อที่ได้จากวัวดำสายพันธุ์ญี่ปุ่นจากอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ส่วนโต๊ะไหนมากันหลายคน ทางร้านแนะนำ Australian Grain-Fed Bone-in Tomahawk Cut (2,800 บาทสำหรับ 1 กิโลกรัม) ที่มาพร้อมกับมันบดและน้ำเกรวี่ เหมาะสำหรับทาน 3-4 คน
สำหรับเมนูของหวาน ทางร้านได้คุณเพญณี จิรายุวัฒนา ที่จบจาก The Culinary Institute of America มาเป็น Pastry Chef ให้ โดยขนมที่นี่จะเน้นใช้ผลไม้สดตามฤดูกาลที่ทานแล้วสดชื่นกับอากาศร้อน ๆ ของบ้านเรา ลองสั่งจานโปรดของเราอย่าง Elderflower Jelly (250 บาท) ที่ใส่บลูเบอรี่ รสชาติออกเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ เสิร์ฟกับไอศกรีมวานิลลาและอัลมอนด์สไลด์ หรือลอง Double Chocolate Brownie (250 บาท) บราวนี่รสเข้มข้นท็อปด้วยครีมมาร์ชเมลโล่ ซอสวานิลลาและเฮเซลนัท
หลังเสร็จจากมื้อหนัก ๆ สามารถสั่งวิสกี้อย่าง Talisker 10 Years, Single Malt (280 บาท) หรือ Suntory, Hibiki 17 years, Single Malt (380 บาท) มานั่งจิบชิล ๆ ที่โต๊ะเอ้าท์ดอร์กันได้ ส่วนใครที่กำลังมองหาไวน์มาดื่มแพร์เข้ากันกับสเต็ก ที่นี่เน้นไวน์สัญชาติฝรั่งเศสเกือบทั้งหมดซึ่งราคาเริ่มต้นที่ 200 บาทต่อแก้ว ส่วนเบียร์มี Mikkeller, Lervig และ Modern Times เริ่มต้นที่ขวดละ 250 บาท