Published on October 04, 2021

MiVana Coffee First Flagship Store in Bangkok

ชวนสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ และทำความรู้จักกับแบรนด์กาแฟอินทรีย์รักป่า ‘มีวนา (MiVana Coffee)’ ให้มากขึ้น ผ่านรสชาติและบรรยากาศสุดร่มรื่นกันที่ MiVana Coffee Flagship Store ร้านกาแฟและแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกของแบรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของ Premier Corporate Park ด้วยความตั้งใจอันดีที่จะสื่อสารแนวคิดของคนและป่าที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ให้ผู้มาเยือนได้ซึมซับเรื่องราวกับการสื่อสารแนวคิดดี ๆ ที่ว่า ‘มีป่า มีกาแฟ’ เพื่อประสบการณ์การดื่มกาแฟครั้งใหม่ พร้อมร่วมส่งต่อคุณค่าด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสังคมไปในตัว

 

MiVana Coffee ยินดีต้อนรับ

Urban Green Space and The Taste of Sustainability

หากคุณเองคือคอกาแฟไทยสายออร์แกนิกเป็นทุนเดิมแล้วละก็ เชื่อเหลือเกินว่าหนึ่งในลิสต์แบรนด์เมล็ดกาแฟคุณภาพที่ต้องนึกถึงอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น ‘กาแฟมีวนา’ กาแฟอินทรีย์รักษาป่า ที่ปลูกใต้ร่มไม้ในป่าต้นน้ำของจังหวัดเชียงรายแบรนด์นี้เป็นแน่ โดยความน่าสนใจที่มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเลยก็คือเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างสรรค์ธุรกิจกาแฟที่คำนึงถึงคุณภาพของกาแฟ คุณค่าของผืนป่าและความเป็นอยู่ของผู้คน แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อมาตรฐานกระบวนการผลิตกาแฟอินทรีย์ระดับสากล ตลอดจนการสร้างผลกำไรหรือรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

 

บรรยากาศสุดร่มรื่นของ MiVana Coffee Flagship Store ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และแมกไม้นานาพรรณ

ครั้งนี้ทาง คุณมิกิ-ชัญญาพัชญ์ โยธาธรรมสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มีวนา จำกัด ได้มาร่วมบอกเล่าเรื่องราว แนวคิดการทำธุรกิจกาแฟเพื่อสังคม ไปพร้อมกับการเปิดให้บริการในรูปแบบของ Flagship Store เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้เป็นโมเดลหรือร้านกาแฟต้นแบบที่ปลูกฝังให้คนทั่วไปหันมาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดูแลรักษาธรรมชาติ มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นได้ผ่านการจิบกาแฟและทำความรู้จักกาแฟออร์แกนิกให้มากขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรื่องราวของ MiVana Coffee กาแฟอินทรีย์รักษาป่านั้น เริ่มต้นมาจาก มูลนิธิสายใยแผ่นดิน ได้ทำการลงพื้นที่ สำรวจความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ เพื่อริเริ่มโครงการพัฒนาชุมชน ส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกกาแฟควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ผืนป่าตามวิถีเกษตรอินทรีย์ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ในนาม บริษัท มีวนา จำกัด จึงวางแผนบริหารจัดการผลผลิตกาแฟอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ธุรกิจด้านนี้เติบโตไปพร้อมกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนที่ดีขึ้น

 

คุณมิกิ-ชัญญาพัชญ์ โยธาธรรมสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มีวนา จำกัด

Shade-Grown Organic Coffee

เพราะ ‘วนา’ แปลว่า ‘ป่า’ ชื่อของ ‘มีวนา’ จึงมีความหมายตรงตัวว่า ‘มีป่า’

การดำเนินงานของแบรนด์กาแฟอินทรีย์นี้จึงเพาะปลูกภายในพื้นที่ของป่าต้นน้ำจังหวัดเชียงราย ซึ่งครอบคลุมไปถึง 3 อำเภอ 7 หมู่บ้าน และ 3 ป่าต้นน้ำกันเลยทีเดียว ทั้งแม่สรวย แม่กรณ์ และแม่ลาว รวมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 6,000 ไร่ และผืนป่าทั้งหมดประมาณ 10,000 ไร่ โดยทางแบรนด์ได้ทำงานร่วมกับกลุ่มเกษตรกรกว่า 300 ครอบครัว เพื่อศึกษาพื้นที่แหล่งเพาะปลูกอย่างละเอียดจนกระทั่งได้โมเดลของการปลูกกาแฟแบบวิถีเกษตรอินทรีย์ หรือเป็นการปลูกกาแฟออร์แกนิกใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ (Organic Shade-Grown Forest Coffee) ก่อนจะต่อยอดด้วยการส่งเสริมให้ชาวบ้าน กลุ่มเกษตรกรมีจุดร่วมเดียวกันคือ ‘การรักษาป่า’ และฟื้นฟูธรรมชาติให้สมบูรณ์ที่สุด 

 

โซนนั่งภายในร้าน

สำหรับกาแฟที่ทางมีวนาเลือกปลูกคือสายพันธุ์อาราบิก้า เพราะเป็นกาแฟที่ปลูกในพื้นที่สูง อากาศเย็น และมีร่มเงาของป่าที่ช่วยควบคุมปริมาณแสงแดดไม่ให้มากจนเกินไป เมื่ออยู่ใต้ร่มเงาของป่า ผลกาแฟจึงสุกช้า ค่อย ๆ เติบโต และมีความอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญคือปลอดภัยไร้สารเคมี ตรงตามมาตรฐานของกาแฟอินทรีย์ (Certified Organic 100%) ที่ตั้งไว้  ได้รสชาติที่ดี มีกลิ่นหอม ชุมชนมีรายได้ มีความเป็นอยู่ที่เข้มแข็ง ความสมบูรณ์ของธรรมชาติก็ยั่งยืนตามไปด้วย


กาแฟอินทรีย์ของมีวนานั้นพิถีพิถันทุกขั้นตอน เรียกได้ว่าให้ความใส่ใจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเก็บเกี่ยวผลกาแฟด้วยมือ ก่อนจะนำไปแปรรูปภายใน 24 ชั่วโมง ด้วยหลากหลายวิธีตามกระบวนการธรรมชาติ จนกระทั่งได้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีพร้อมส่งคั่วโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐานในเรื่องของความสะอาดและการเบลนด์รสชาติกาแฟออกมาได้อย่างมีคาแร็กเตอร์ ทั้งโทนสดชื่นแบบฟรุ๊ตตี้ที่ให้กลิ่นหอมของผลไม้และดอกไม้ป่า, โทนนัทตี้ที่ให้กลิ่นหอมหวานของอัลมอนด์อบ, โทนช็อกโกแลต ฯลฯ แล้วออกมาเป็นเครื่องดื่ม Specialty Coffee พร้อมส่งต่อถึงมือผู้บริโภคให้ได้เลือกดื่ม จบครบทุกกระบวนการ ตั้งแต่เพาะปลูกจากป่าต้นน้ำไปจนถึงกาแฟหนึ่งแก้วที่คนดื่มจะได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกาแฟอินทรีย์ ชาวเกษตรกร และดูแลผืนป่าทางอ้อมไปในตัว

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟคั่วบด และกาแฟดริป ในรูปแบบแพ็กเกจจิ้งต่าง ๆ ซึ่งทางมีวนาได้มีการจำหน่ายให้เลือกช้อปกันภายใน Flagship Store แห่งนี้ด้วย

ทางมีวนาให้ความใส่ใจกับทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งการออกแบบแพ็คเกจจิ้งเมล็ดกาแฟคั่ว ซึ่งดีไซน์กล่องกาแฟและซองกาแฟเป็นภาพลายเงาไม้ที่สื่อถึงการปลูกกาแฟใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ อาทิ ลายเงาไม้ของต้นจามจุรี ต้นพญาเสือโคร่ง ที่มักปลูกร่วมกันในพื้นที่เพาะปลูก เพื่อให้คนที่ซื้อกาแฟคั่วบดกลับไปได้ทราบถึงที่มาของเมล็ดกาแฟคุณภาพซึ่งล้วนเติบโตมาจากใต้ร่มไม้ในป่าของไทย โดยเมล็ดกาแฟคั่วบดของทางแบรนด์นั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งเมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟคั่วบด และกาแฟดริป เพื่อการนำไปใช้ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ (สามารถซื้อเมล็ดกาแฟคั่วของมีวนาได้ที่ Flaship Store แห่งนี้ รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป และสั่งซื้อรูปแบบออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์, Facebook, Instagram, แอปพลิเคชันสั่งสินค้าอย่าง Lazada หรือ Shopee โดยคอกาแฟทั่วไป หรือกลุ่มลูกค้าร้านกาแฟหรือคาเฟ่ต่าง ๆ ที่สนใจเมล็ดกาแฟคั่วก็สามารถติดต่อได้โดยตรง)

Feel Like in The Forest

ด้วยปัจจุบัน Specialty Coffee กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก คนทั่วไปเริ่มให้ความสนใจและเรียนรู้ศาสตร์ของกาแฟกันมากขึ้น ลงลึกรายละเอียดถึงเรื่องของกลิ่นและรสชาติ เพื่อให้ได้กาแฟที่ตอบโจทย์คอกาแฟแต่ละแบบมากที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของกาแฟอินทรีย์ที่ทางมีวนาต้องการสื่อสารให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงส่งต่อแนวความคิดในการปกป้องผืนป่าผ่านการปลูกกาแฟอินทรีย์ให้คนทั่วไปได้ทราบ ให้การอนุรักษ์ผืนป่านั้นดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน ทางแบรนด์จึงตัดสินใจเลือกมาเปิดให้บริการในรูปแบบของ Flagship Store เป็นสาขาแรก เพื่อสร้างประสบการณ์การดื่มกาแฟครั้งใหม่ผ่านรสชาติและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของผืนป่าให้กับเหล่าคนเมือง

 

ไม่ว่าจะเลือกนั่งมุมไหนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความร่มรื่น

Flagship Store แห่งนี้ได้มีการจำลองพื้นที่ให้ผู้คนทั่วไปได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักมีวนามากขึ้นผ่านสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ก่อนจะนำไปสู่เรื่องของรสชาติ การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่าน Exhibition ขนาดย่อม ๆ ที่จัดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของทางร้าน รวมถึงรอบ ๆ ร้านที่มีการออกแบบและตกแต่งมุมต่าง ๆ ให้สื่อถึงเรื่องราวและแนวคิดของแบรนด์

 

ทุกพื้นที่ภายในร้านถูกสอดแทรกไปด้วยเรื่องราวและข้อความฉุกคิดต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาเยือนได้ตระหนักถึงปัญหาและคุณค่าของธรรมชาติ

ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของบรรยากาศร้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ตามมาด้วยการจัดวางแนวกระเบื้องสีขาวบริเวณสวนหย่อมด้านนอกร้านซึ่งบนกระเบื้องแต่ละแผ่นล้วนมีการสลักข้อความฉุกคิดให้คนอ่านได้รับรู้ถึงปัญหาของการทำลายป่าไม้ เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ลักลอบเผาป่า ธรรมชาติเสียสมดุล เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนเมืองเองก็ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ในแง่ของสภาพอากาศ มลพิษที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวด้วยเช่นกัน รวมถึงการปลุกจิตสำนึกแนวการอนุรักษ์ผืนป่าไปในตัว เพราะเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มีผลกระทบต่อพวกเราทุกคน 

 

โซนนั่งด้านนอกที่เปิดโอกาสให้คอกาแฟทั้งหลายได้นั่งจิบกาแฟผ่อนคลายสบาย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ

มาที่นี่จะได้ซึมซับความเป็นมีวนาผ่านข้อความต่าง ๆ ที่ทางแบรนด์เลือกนำมาตกแต่งร้าน อย่างมุมโถงบันไดทางขึ้นไปยังชั้น 2 ทางร้านก็ได้มีการนำข้อความกระบวนการผลิตกาแฟของมีวนาไปติดเรียงไว้บนผนังร้าน เพื่อให้คนทั่วไปได้ทราบว่า กว่าจะได้เมล็ดกาแฟคุณภาพและออกมาเป็นเครื่องดื่มกาแฟอินทรีย์ที่มีรสชาติดีแต่ละแก้วนั้นต้องผ่านกระบวนการคัดสรร-แปรรูปต่าง ๆ อย่างไรบ้าง ก่อนจะถึงมือนักคั่ว ตามด้วยขั้นตอนการเบลนด์รสชาติให้คอกาแฟได้ดื่มกัน

 

บรรยากาศโปร่งโล่งสบายภายในร้าน ซึ่งถูกออกแบบมาในลักษณะของคาเฟ่เรือนกระจก เปิดรับแสงธรรมชาติทุกทิศทาง

ด้านการตกแต่งร้าน ทางมีวนาได้รับความร่วมมือจากหลายธุรกิจภายใต้เครือของบริษัทพรีเมียร์ซึ่งต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยทีมออกแบบจาก โรงแรม Raya Heritage จังหวัดเชียงใหม่ ได้เลือกนำไอเดียวัฒนธรรมท้องถิ่นทางภาคเหนืออย่างโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ไม้ หวาย และแนวจักสาน มาผสมผสานเข้ากับแนวการตกแต่งสไตล์ Contemporary ได้มู้ดโทนสีน้ำตาล-ครีม ที่ตัดกับความเขียวขจีของต้นไม้อย่างลงตัว 

ทางร้านมีหลากหลายโซนนั่งให้เลือกชิลล์เอาต์และดื่มด่ำกับธรรมชาติทั้งภายในด้วยบรรยากาศของเรือนกระจกรับแสงธรรมชาติและภายนอกที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ราวกับได้นั่งจิบกาแฟใต้ร่มเงาไม้ในป่าใหญ่

 

หนึ่งในมุมชิลล์เอาต์สุดส่วนตัว

รวมถึงมุมไฮไลต์บริเวณเคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่มีป้ายข้อความสีขาวนับสิบเรียงรายอยู่บนกำแพงด้านหลัง ซึ่งแต่ละคำที่นำมาติดไว้ เช่น เติบโต พัฒนา สามัคคี ช่วยเหลือ ภูมิใจ สุขภาพดี เย็นสบาย ต้นน้ำ ความเป็นอยู่ อายุยืน ชีวิต และอื่น ๆ อีกมากมายนั้น ล้วนมาจากคำพูดของชาวบ้านในพื้นที่เพาะปลูกซึ่งต้องการสื่อถึงมีวนาตามความคิดของพวกเขาทั้งสิ้น เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่ทางแบรนด์สร้างกาแฟอินทรีย์ขึ้นมาร่วมกับทุก ๆ ฝ่ายนั้นทำเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

 

ที่ MiVana Coffee Flagship Store มีป้ายคำสีขาวหลายสิบคำเรียงรายอยู่บนกำแพง ซึ่งข้อความต่าง ๆ เหล่านี้เป็นตัวอย่างคำที่ชาวบ้านนึกถึงเมื่อถามว่า พูดถึง ‘มีวนา’ นึกถึงคำว่าอะไร

Coffee Time, Sweet Treats

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์กาแฟอินทรีย์สัญชาติไทย Flagship Store ของมีวนาจึงเน้นเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มกาแฟเป็นหลัก โดยคอกาแฟทั้งหลายจะได้ลิ้มรสชาติเครื่องดื่มกาแฟสุดคลาสสิก (Organic Classic Blend) และ Organic Signature Blend รวมถึงการครีเอตเครื่องดื่ม Specialty Coffee ในรูปแบบของ Coffee Mocktail ที่ทำจากเมล็ดกาแฟออร์แกนิกสายพันธุ์อาราบิก้าที่ปลูกใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำของจังหวัดเชียงราย (Organic Shade Grown Forest Coffee) ผ่านกรรมวิธีคั่วบดจนได้กาแฟคั่วกลาง-คั่วเข้ม ที่ได้รสกลมกล่อม ผสานเข้ากับน้ำผลไม้หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว

หากเป็นเมนูคลาสสิก แนะนำให้ลองดื่ม Latte (Hot 100 บาท) ลาเต้ร้อนรสกลมกล่อมหอมละมุน ที่สามารถเลือกระดับความเข้มของเมล็ดกาแฟคั่วได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้กาแฟนมรสชาติที่ใช่ในแบบที่ชอบ

 

Latte (Hot 100 บาท)

ส่วนเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ทางแบรนด์เลือกนำเสนอเป็นพิเศษ เพื่อชูคาแร็กเตอร์หรือนำเสนอความเป็นไทยให้ได้ลิ้มรสชาติกันก็คือ Lychee Mojito Coffee (145 บาท) หนึ่งในลิสต์เมนู Coffee Mocktail หรือช็อตกาแฟผสมน้ำผลไม้ ซึ่งแก้วนี้เป็นการนำเอาน้ำผลไม้สไตล์ไทย ๆ อย่างลิ้นจี่ที่ให้รสหวานอมเปรี้ยวมาผสานรสชาติเข้ากับความเข้มขมของกาแฟอย่างลงตัว พร้อมท็อปด้วยเนื้อลิ้นจี่สด ให้กลิ่นหอมหวานของลิ้นจี่ ดื่มแล้วเรียกคืนความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าระหว่างวันได้เป็นอย่างดี

 

Lychee Mojito Coffee (145 บาท)

สำหรับใครที่ไม่ถนัดดื่มกาแฟแล้วละก็ ทางร้านยังมีเมนู Non-Coffee ให้ได้เลือกดื่มเพิ่มเติมอีกด้วย อย่างเมนู Matcha Latte Frappe (135 บาท) มัทฉะลาเต้ปั่นเนื้อนวลเนียนละเอียดที่ให้รสนุ่มหวานละมุนกำลังดี ก็สามารถเติมเต็มความสดชื่นให้คุณได้ไม่แพ้กัน

 

Matcha Latte Frappe (135 บาท)

นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ทางมีวนายังได้รับการซัพพอร์ตโดยทีมเชฟจาก The Botanical House Bangkok ผู้ให้บริการรับจัดงานอีเวนต์แบบครบวงจรมาร่วมครีเอตเมนูเบเกอรีโฮมเมดสุดพิเศษสไตล์ฟิวชันให้ได้ทานคู่กันกับกาแฟและเครื่องดื่ม Non-Coffee อีกด้วย โดยแต่ละเมนูเน้นชูความเป็น Local Wisdom หรือเติมความเป็นไทยลงไป เพื่อให้คนทานได้สัมผัสถึงความเป็นท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายผ่านหลากหลายวัตถุดิบหรือการดัดแปลงส่วนผสมหลักจากเมนูอาหารเหนือยอดนิยมมานำเสนอในรูปแบบของเบเกอรีฝั่งตะวันตก ซึ่งมีทั้งเมนูคาวและเมนูหวานให้ได้เลือกสั่งมาทานกัน อย่างเมนู Kaow Soi Tartlet (95 บาท) ทาร์ตข้าวซอย ที่มีการนำเอาวัตถุดิบและส่วนผสมของข้าวซอย อาหารเหนือขึ้นชื่อที่หลายคนคุ้นเคยมานำเสนอในรูปแบบของทาร์ต ให้ได้อิ่มอร่อยแบบชิ้นพอดีคำ

 

Kaow Soi Tartlet (95 บาท)

หรือจะเป็น Hung Le Pulled Pork Croissant (165 บาท) แซนด์วิชครัวซองต์แกงฮังเลหมูฉีกที่เลือกใช้ขนมปังโฮมเมด สอดไส้ด้วยเนื้อหมูฉีกนุ่ม ๆ ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเครื่องแกงฮังเลรสเข้มข้นถึงเครื่อง พร้อมโรยหน้าด้วยขิงซอยและเมล็ดแฟลกซ์ เป็นการทานแกงฮังเลมิติใหม่ที่ทั้งทานง่าย ได้ความอิ่มท้อง แถมยังเข้ากันดีกับรสชาติของกาแฟคลาสสิกหรือ Coffee Mocktail อีกด้วย

 

Hung Le Pulled Pork Croissant (165 บาท)

ปิดท้ายมื้อนี้กันด้วยเบเกอรีที่เอาใจสาย (ขนม) หวานกันบ้าง กับเมนู Orange Cake Choco Royaltine (125 บาท) เค้กส้มเนื้อนิ่มที่ท็อปด้วยโดมช็อกโกแลต เป็นอีกหนึ่งเมนูที่นำส่วนผสมของส้มสายพันธุ์ไทยมาผสานรสชาติเข้ากับช็อกโกแลต ก่อนจะดีไซน์หน้าตาขนมออกมาในสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งน่าทานและอร่อยลงตัวสุด ๆ 

 

Orange Cake Choco Royaltine (125 บาท)

Think for Better Living

เรียกได้ว่า MiVana Coffee Flagship Store แห่งนี้ คือต้นแบบของร้านกาแฟที่มาพร้อมความตั้งใจในการต่อยอดและขยับขยายแนวคิดการปลูกป่าต้นน้ำให้เกิดขึ้นในไทยอีกหลากหลายแห่ง เพราะทุก ๆ องค์ประกอบภายในร้านเป็นการสร้างรากฐานวัฒนธรรมการดื่ม Specialty Coffee ที่ตระหนักถึงรสชาติที่คุณรักษ์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ป่าเท่านั้นที่เติบโต หากแต่เป็นการปลูกฝังค่านิยมสังคมคนรักษ์กาแฟใต้ร่มเงาป่าและการรักษาธรรมชาติให้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของทุกคนอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน 

 

มุมเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่คุณสามารถสั่งกาแฟแก้วโปรด ขนมเบเกอรีโฮมเมด และสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลเมล็ดกาแฟคั่วของทางร้านควบคู่กันไปด้วย

Info
Hours
Everyday : 7:30AM - 5:30PM
Price

฿฿ 101-300 บาทต่อคน
(Cash Only)

Address
One Premier Corporate Park, ซอยพรีเมียร์ 2 (ศรีนครินทร์ 57) ถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
Map
Getting There

หากเดินทางด้วย Airport Link แนะนำให้นั่งรถแท็กซี่หรือรถประจำทางไปยัง Paradise Park โดยพิกัดร้าน MiVana Coffee Flagship Store จะตั้งอยู่ด้านข้างของศูนย์การค้าฯ ทางเข้าซ.ศรีนครินทร์ 57

Mass Transit

Airport Link หัวหมาก

Facilities
Suggest an Edit