MiVana Coffee First Flagship Store in Bangkok
ชวนสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ และทำความรู้จักกับแบรนด์กาแฟอินทรีย์รักป่า ‘มีวนา (MiVana Coffee)’ ให้มากขึ้น ผ่านรสชาติและบรรยากาศสุดร่มรื่นกันที่ MiVana Coffee Flagship Store ร้านกาแฟและแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกของแบรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของ Premier Corporate Park ด้วยความตั้งใจอันดีที่จะสื่อสารแนวคิดของคนและป่าที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ให้ผู้มาเยือนได้ซึมซับเรื่องราวกับการสื่อสารแนวคิดดี ๆ ที่ว่า ‘มีป่า มีกาแฟ’ เพื่อประสบการณ์การดื่มกาแฟครั้งใหม่ พร้อมร่วมส่งต่อคุณค่าด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสังคมไปในตัว
Urban Green Space and The Taste of Sustainability
หากคุณเองคือคอกาแฟไทยสายออร์แกนิกเป็นทุนเดิมแล้วละก็ เชื่อเหลือเกินว่าหนึ่งในลิสต์แบรนด์เมล็ดกาแฟคุณภาพที่ต้องนึกถึงอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น ‘กาแฟมีวนา’ กาแฟอินทรีย์รักษาป่า ที่ปลูกใต้ร่มไม้ในป่าต้นน้ำของจังหวัดเชียงรายแบรนด์นี้เป็นแน่ โดยความน่าสนใจที่มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเลยก็คือเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างสรรค์ธุรกิจกาแฟที่คำนึงถึงคุณภาพของกาแฟ คุณค่าของผืนป่าและความเป็นอยู่ของผู้คน แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อมาตรฐานกระบวนการผลิตกาแฟอินทรีย์ระดับสากล ตลอดจนการสร้างผลกำไรหรือรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
ครั้งนี้ทาง คุณมิกิ-ชัญญาพัชญ์ โยธาธรรมสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มีวนา จำกัด ได้มาร่วมบอกเล่าเรื่องราว แนวคิดการทำธุรกิจกาแฟเพื่อสังคม ไปพร้อมกับการเปิดให้บริการในรูปแบบของ Flagship Store เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้เป็นโมเดลหรือร้านกาแฟต้นแบบที่ปลูกฝังให้คนทั่วไปหันมาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดูแลรักษาธรรมชาติ มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นได้ผ่านการจิบกาแฟและทำความรู้จักกาแฟออร์แกนิกให้มากขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรื่องราวของ MiVana Coffee กาแฟอินทรีย์รักษาป่านั้น เริ่มต้นมาจาก มูลนิธิสายใยแผ่นดิน ได้ทำการลงพื้นที่ สำรวจความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ เพื่อริเริ่มโครงการพัฒนาชุมชน ส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกกาแฟควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ผืนป่าตามวิถีเกษตรอินทรีย์ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ในนาม บริษัท มีวนา จำกัด จึงวางแผนบริหารจัดการผลผลิตกาแฟอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ธุรกิจด้านนี้เติบโตไปพร้อมกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนที่ดีขึ้น
Shade-Grown Organic Coffee
เพราะ ‘วนา’ แปลว่า ‘ป่า’ ชื่อของ ‘มีวนา’ จึงมีความหมายตรงตัวว่า ‘มีป่า’
การดำเนินงานของแบรนด์กาแฟอินทรีย์นี้จึงเพาะปลูกภายในพื้นที่ของป่าต้นน้ำจังหวัดเชียงราย ซึ่งครอบคลุมไปถึง 3 อำเภอ 7 หมู่บ้าน และ 3 ป่าต้นน้ำกันเลยทีเดียว ทั้งแม่สรวย แม่กรณ์ และแม่ลาว รวมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 6,000 ไร่ และผืนป่าทั้งหมดประมาณ 10,000 ไร่ โดยทางแบรนด์ได้ทำงานร่วมกับกลุ่มเกษตรกรกว่า 300 ครอบครัว เพื่อศึกษาพื้นที่แหล่งเพาะปลูกอย่างละเอียดจนกระทั่งได้โมเดลของการปลูกกาแฟแบบวิถีเกษตรอินทรีย์ หรือเป็นการปลูกกาแฟออร์แกนิกใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ (Organic Shade-Grown Forest Coffee) ก่อนจะต่อยอดด้วยการส่งเสริมให้ชาวบ้าน กลุ่มเกษตรกรมีจุดร่วมเดียวกันคือ ‘การรักษาป่า’ และฟื้นฟูธรรมชาติให้สมบูรณ์ที่สุด
สำหรับกาแฟที่ทางมีวนาเลือกปลูกคือสายพันธุ์อาราบิก้า เพราะเป็นกาแฟที่ปลูกในพื้นที่สูง อากาศเย็น และมีร่มเงาของป่าที่ช่วยควบคุมปริมาณแสงแดดไม่ให้มากจนเกินไป เมื่ออยู่ใต้ร่มเงาของป่า ผลกาแฟจึงสุกช้า ค่อย ๆ เติบโต และมีความอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญคือปลอดภัยไร้สารเคมี ตรงตามมาตรฐานของกาแฟอินทรีย์ (Certified Organic 100%) ที่ตั้งไว้ ได้รสชาติที่ดี มีกลิ่นหอม ชุมชนมีรายได้ มีความเป็นอยู่ที่เข้มแข็ง ความสมบูรณ์ของธรรมชาติก็ยั่งยืนตามไปด้วย
กาแฟอินทรีย์ของมีวนานั้นพิถีพิถันทุกขั้นตอน เรียกได้ว่าให้ความใส่ใจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเก็บเกี่ยวผลกาแฟด้วยมือ ก่อนจะนำไปแปรรูปภายใน 24 ชั่วโมง ด้วยหลากหลายวิธีตามกระบวนการธรรมชาติ จนกระทั่งได้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีพร้อมส่งคั่วโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐานในเรื่องของความสะอาดและการเบลนด์รสชาติกาแฟออกมาได้อย่างมีคาแร็กเตอร์ ทั้งโทนสดชื่นแบบฟรุ๊ตตี้ที่ให้กลิ่นหอมของผลไม้และดอกไม้ป่า, โทนนัทตี้ที่ให้กลิ่นหอมหวานของอัลมอนด์อบ, โทนช็อกโกแลต ฯลฯ แล้วออกมาเป็นเครื่องดื่ม Specialty Coffee พร้อมส่งต่อถึงมือผู้บริโภคให้ได้เลือกดื่ม จบครบทุกกระบวนการ ตั้งแต่เพาะปลูกจากป่าต้นน้ำไปจนถึงกาแฟหนึ่งแก้วที่คนดื่มจะได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกาแฟอินทรีย์ ชาวเกษตรกร และดูแลผืนป่าทางอ้อมไปในตัว
ทางมีวนาให้ความใส่ใจกับทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งการออกแบบแพ็คเกจจิ้งเมล็ดกาแฟคั่ว ซึ่งดีไซน์กล่องกาแฟและซองกาแฟเป็นภาพลายเงาไม้ที่สื่อถึงการปลูกกาแฟใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ อาทิ ลายเงาไม้ของต้นจามจุรี ต้นพญาเสือโคร่ง ที่มักปลูกร่วมกันในพื้นที่เพาะปลูก เพื่อให้คนที่ซื้อกาแฟคั่วบดกลับไปได้ทราบถึงที่มาของเมล็ดกาแฟคุณภาพซึ่งล้วนเติบโตมาจากใต้ร่มไม้ในป่าของไทย โดยเมล็ดกาแฟคั่วบดของทางแบรนด์นั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งเมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟคั่วบด และกาแฟดริป เพื่อการนำไปใช้ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ (สามารถซื้อเมล็ดกาแฟคั่วของมีวนาได้ที่ Flaship Store แห่งนี้ รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป และสั่งซื้อรูปแบบออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์, Facebook, Instagram, แอปพลิเคชันสั่งสินค้าอย่าง Lazada หรือ Shopee โดยคอกาแฟทั่วไป หรือกลุ่มลูกค้าร้านกาแฟหรือคาเฟ่ต่าง ๆ ที่สนใจเมล็ดกาแฟคั่วก็สามารถติดต่อได้โดยตรง)
Feel Like in The Forest
ด้วยปัจจุบัน Specialty Coffee กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก คนทั่วไปเริ่มให้ความสนใจและเรียนรู้ศาสตร์ของกาแฟกันมากขึ้น ลงลึกรายละเอียดถึงเรื่องของกลิ่นและรสชาติ เพื่อให้ได้กาแฟที่ตอบโจทย์คอกาแฟแต่ละแบบมากที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของกาแฟอินทรีย์ที่ทางมีวนาต้องการสื่อสารให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงส่งต่อแนวความคิดในการปกป้องผืนป่าผ่านการปลูกกาแฟอินทรีย์ให้คนทั่วไปได้ทราบ ให้การอนุรักษ์ผืนป่านั้นดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน ทางแบรนด์จึงตัดสินใจเลือกมาเปิดให้บริการในรูปแบบของ Flagship Store เป็นสาขาแรก เพื่อสร้างประสบการณ์การดื่มกาแฟครั้งใหม่ผ่านรสชาติและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของผืนป่าให้กับเหล่าคนเมือง
Flagship Store แห่งนี้ได้มีการจำลองพื้นที่ให้ผู้คนทั่วไปได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักมีวนามากขึ้นผ่านสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ก่อนจะนำไปสู่เรื่องของรสชาติ การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่าน Exhibition ขนาดย่อม ๆ ที่จัดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของทางร้าน รวมถึงรอบ ๆ ร้านที่มีการออกแบบและตกแต่งมุมต่าง ๆ ให้สื่อถึงเรื่องราวและแนวคิดของแบรนด์
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของบรรยากาศร้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ตามมาด้วยการจัดวางแนวกระเบื้องสีขาวบริเวณสวนหย่อมด้านนอกร้านซึ่งบนกระเบื้องแต่ละแผ่นล้วนมีการสลักข้อความฉุกคิดให้คนอ่านได้รับรู้ถึงปัญหาของการทำลายป่าไม้ เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ลักลอบเผาป่า ธรรมชาติเสียสมดุล เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คนเมืองเองก็ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ในแง่ของสภาพอากาศ มลพิษที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวด้วยเช่นกัน รวมถึงการปลุกจิตสำนึกแนวการอนุรักษ์ผืนป่าไปในตัว เพราะเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มีผลกระทบต่อพวกเราทุกคน
มาที่นี่จะได้ซึมซับความเป็นมีวนาผ่านข้อความต่าง ๆ ที่ทางแบรนด์เลือกนำมาตกแต่งร้าน อย่างมุมโถงบันไดทางขึ้นไปยังชั้น 2 ทางร้านก็ได้มีการนำข้อความกระบวนการผลิตกาแฟของมีวนาไปติดเรียงไว้บนผนังร้าน เพื่อให้คนทั่วไปได้ทราบว่า กว่าจะได้เมล็ดกาแฟคุณภาพและออกมาเป็นเครื่องดื่มกาแฟอินทรีย์ที่มีรสชาติดีแต่ละแก้วนั้นต้องผ่านกระบวนการคัดสรร-แปรรูปต่าง ๆ อย่างไรบ้าง ก่อนจะถึงมือนักคั่ว ตามด้วยขั้นตอนการเบลนด์รสชาติให้คอกาแฟได้ดื่มกัน
ด้านการตกแต่งร้าน ทางมีวนาได้รับความร่วมมือจากหลายธุรกิจภายใต้เครือของบริษัทพรีเมียร์ซึ่งต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยทีมออกแบบจาก โรงแรม Raya Heritage จังหวัดเชียงใหม่ ได้เลือกนำไอเดียวัฒนธรรมท้องถิ่นทางภาคเหนืออย่างโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ไม้ หวาย และแนวจักสาน มาผสมผสานเข้ากับแนวการตกแต่งสไตล์ Contemporary ได้มู้ดโทนสีน้ำตาล-ครีม ที่ตัดกับความเขียวขจีของต้นไม้อย่างลงตัว
ทางร้านมีหลากหลายโซนนั่งให้เลือกชิลล์เอาต์และดื่มด่ำกับธรรมชาติทั้งภายในด้วยบรรยากาศของเรือนกระจกรับแสงธรรมชาติและภายนอกที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ราวกับได้นั่งจิบกาแฟใต้ร่มเงาไม้ในป่าใหญ่
รวมถึงมุมไฮไลต์บริเวณเคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่มีป้ายข้อความสีขาวนับสิบเรียงรายอยู่บนกำแพงด้านหลัง ซึ่งแต่ละคำที่นำมาติดไว้ เช่น เติบโต พัฒนา สามัคคี ช่วยเหลือ ภูมิใจ สุขภาพดี เย็นสบาย ต้นน้ำ ความเป็นอยู่ อายุยืน ชีวิต และอื่น ๆ อีกมากมายนั้น ล้วนมาจากคำพูดของชาวบ้านในพื้นที่เพาะปลูกซึ่งต้องการสื่อถึงมีวนาตามความคิดของพวกเขาทั้งสิ้น เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่ทางแบรนด์สร้างกาแฟอินทรีย์ขึ้นมาร่วมกับทุก ๆ ฝ่ายนั้นทำเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
Coffee Time, Sweet Treats
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์กาแฟอินทรีย์สัญชาติไทย Flagship Store ของมีวนาจึงเน้นเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มกาแฟเป็นหลัก โดยคอกาแฟทั้งหลายจะได้ลิ้มรสชาติเครื่องดื่มกาแฟสุดคลาสสิก (Organic Classic Blend) และ Organic Signature Blend รวมถึงการครีเอตเครื่องดื่ม Specialty Coffee ในรูปแบบของ Coffee Mocktail ที่ทำจากเมล็ดกาแฟออร์แกนิกสายพันธุ์อาราบิก้าที่ปลูกใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำของจังหวัดเชียงราย (Organic Shade Grown Forest Coffee) ผ่านกรรมวิธีคั่วบดจนได้กาแฟคั่วกลาง-คั่วเข้ม ที่ได้รสกลมกล่อม ผสานเข้ากับน้ำผลไม้หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว
หากเป็นเมนูคลาสสิก แนะนำให้ลองดื่ม Latte (Hot 100 บาท) ลาเต้ร้อนรสกลมกล่อมหอมละมุน ที่สามารถเลือกระดับความเข้มของเมล็ดกาแฟคั่วได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้กาแฟนมรสชาติที่ใช่ในแบบที่ชอบ
ส่วนเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ทางแบรนด์เลือกนำเสนอเป็นพิเศษ เพื่อชูคาแร็กเตอร์หรือนำเสนอความเป็นไทยให้ได้ลิ้มรสชาติกันก็คือ Lychee Mojito Coffee (145 บาท) หนึ่งในลิสต์เมนู Coffee Mocktail หรือช็อตกาแฟผสมน้ำผลไม้ ซึ่งแก้วนี้เป็นการนำเอาน้ำผลไม้สไตล์ไทย ๆ อย่างลิ้นจี่ที่ให้รสหวานอมเปรี้ยวมาผสานรสชาติเข้ากับความเข้มขมของกาแฟอย่างลงตัว พร้อมท็อปด้วยเนื้อลิ้นจี่สด ให้กลิ่นหอมหวานของลิ้นจี่ ดื่มแล้วเรียกคืนความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าระหว่างวันได้เป็นอย่างดี
สำหรับใครที่ไม่ถนัดดื่มกาแฟแล้วละก็ ทางร้านยังมีเมนู Non-Coffee ให้ได้เลือกดื่มเพิ่มเติมอีกด้วย อย่างเมนู Matcha Latte Frappe (135 บาท) มัทฉะลาเต้ปั่นเนื้อนวลเนียนละเอียดที่ให้รสนุ่มหวานละมุนกำลังดี ก็สามารถเติมเต็มความสดชื่นให้คุณได้ไม่แพ้กัน
นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ทางมีวนายังได้รับการซัพพอร์ตโดยทีมเชฟจาก The Botanical House Bangkok ผู้ให้บริการรับจัดงานอีเวนต์แบบครบวงจรมาร่วมครีเอตเมนูเบเกอรีโฮมเมดสุดพิเศษสไตล์ฟิวชันให้ได้ทานคู่กันกับกาแฟและเครื่องดื่ม Non-Coffee อีกด้วย โดยแต่ละเมนูเน้นชูความเป็น Local Wisdom หรือเติมความเป็นไทยลงไป เพื่อให้คนทานได้สัมผัสถึงความเป็นท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายผ่านหลากหลายวัตถุดิบหรือการดัดแปลงส่วนผสมหลักจากเมนูอาหารเหนือยอดนิยมมานำเสนอในรูปแบบของเบเกอรีฝั่งตะวันตก ซึ่งมีทั้งเมนูคาวและเมนูหวานให้ได้เลือกสั่งมาทานกัน อย่างเมนู Kaow Soi Tartlet (95 บาท) ทาร์ตข้าวซอย ที่มีการนำเอาวัตถุดิบและส่วนผสมของข้าวซอย อาหารเหนือขึ้นชื่อที่หลายคนคุ้นเคยมานำเสนอในรูปแบบของทาร์ต ให้ได้อิ่มอร่อยแบบชิ้นพอดีคำ
หรือจะเป็น Hung Le Pulled Pork Croissant (165 บาท) แซนด์วิชครัวซองต์แกงฮังเลหมูฉีกที่เลือกใช้ขนมปังโฮมเมด สอดไส้ด้วยเนื้อหมูฉีกนุ่ม ๆ ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเครื่องแกงฮังเลรสเข้มข้นถึงเครื่อง พร้อมโรยหน้าด้วยขิงซอยและเมล็ดแฟลกซ์ เป็นการทานแกงฮังเลมิติใหม่ที่ทั้งทานง่าย ได้ความอิ่มท้อง แถมยังเข้ากันดีกับรสชาติของกาแฟคลาสสิกหรือ Coffee Mocktail อีกด้วย
ปิดท้ายมื้อนี้กันด้วยเบเกอรีที่เอาใจสาย (ขนม) หวานกันบ้าง กับเมนู Orange Cake Choco Royaltine (125 บาท) เค้กส้มเนื้อนิ่มที่ท็อปด้วยโดมช็อกโกแลต เป็นอีกหนึ่งเมนูที่นำส่วนผสมของส้มสายพันธุ์ไทยมาผสานรสชาติเข้ากับช็อกโกแลต ก่อนจะดีไซน์หน้าตาขนมออกมาในสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งน่าทานและอร่อยลงตัวสุด ๆ
Think for Better Living
เรียกได้ว่า MiVana Coffee Flagship Store แห่งนี้ คือต้นแบบของร้านกาแฟที่มาพร้อมความตั้งใจในการต่อยอดและขยับขยายแนวคิดการปลูกป่าต้นน้ำให้เกิดขึ้นในไทยอีกหลากหลายแห่ง เพราะทุก ๆ องค์ประกอบภายในร้านเป็นการสร้างรากฐานวัฒนธรรมการดื่ม Specialty Coffee ที่ตระหนักถึงรสชาติที่คุณรักษ์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ป่าเท่านั้นที่เติบโต หากแต่เป็นการปลูกฝังค่านิยมสังคมคนรักษ์กาแฟใต้ร่มเงาป่าและการรักษาธรรมชาติให้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของทุกคนอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน