Published on May 07, 2024

A Dining Experience that Combines Traditional Omakase with a Unique Ambiance

ชวนเหล่าฟู้ดดี้สายอาหารญี่ปุ่นมาเอ็นจอยความอร่อยฟินกับ Mizuki Omakase ร้านโอมากาเสะฟิวชันระดับพรีเมียม ที่พร้อมเสิร์ฟหลากหลายวัตถุดิบนำเข้าคุณภาพตามฤดูกาลจากประเทศญี่ปุ่น ผสมผสานเข้ากับเมนูอาหารหลากสัญชาติ เพื่อให้เกิดเมนูใหม่แต่ได้รสชาติที่ลงตัว นำเสนอออกมาในรูปแบบฟิวชันที่มีพรีเซนเทชันชวนตื่นตาตื่นใจ เอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยร้านโอมากาเสะฟิวชันแห่งนี้ เปิดตัวในฐานะร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำใจกลางเมือง ด้วยโลเคชันที่ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 31 (ซอยสวัสดี) เหมาะสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสประสบการณ์ทานอาหารญี่ปุ่นในบรรยากาศสุดประทับใจ

 

บรรยากาศการนั่งรับประทานโอมากาเสะภายในร้าน

Under the Moon's Embrace

ทันทีที่เข้ามาภายในร้าน ความประทับใจแรกพบ ทุกคนจะได้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยเวลคัมดริงก์เป็นม็อกเทลหรือค็อกเทลแก้วพิเศษที่เรียกความสดชื่นได้ดี (ระหว่างรับประทานโอมากาเสะ สามารถสั่งเครื่องดื่มจากโซนบาร์มาดื่มเพิ่มเติมได้ด้วย) ซึ่งสามารถนั่งจิบเครื่องดื่มพลาง ที่โซนบาร์ของร้าน ก่อนเริ่มต้นสัมผัสความอร่อยของคอร์สโอมากาเสะสุดพรีเมียมกันแบบยาว บริเวณโซนรับประทานโอมากาเสะด้านในซึ่งมีที่นั่ง (จำนวนรอบละ 10 ที่นั่ง โดยทางร้านได้จัดเตรียมไว้ได้อย่างเป็นสัดส่วน การเสิร์ฟให้บริการแบ่งออกเป็น 3 รอบ ได้แก่ รอบ 12.00 ., รอบ 17.30 . และรอบ 20.00 .) จัดเรียงหันหน้าเข้าสู่เคาน์เตอร์ครัวเปิดที่เผยให้เห็นเบื้องหลังการรังสรรค์ความอร่อยของทีมเชฟในทุกขั้นตอน

 

บริเวณโซนบาร์ พร้อมเสิร์ฟ Welcome Drink ทั้งเมนูค็อกเทลและม็อกเทลแก้วพิเศษให้ได้จิบเรียกความสดชื่นก่อนเข้าไปรับประทานโอมากาเสะด้านใน

ด้วยความที่ชื่อร้าน ‘Mizuki Omakase’ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น หมายถึง ความงดงามของเงาพระจันทร์เต็มดวงที่สะท้อนบนผิวน้ำ บรรยากาศภายในร้านจึงถูกออกแบบและตกแต่งให้มีความสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพเพ้นต์ที่สื่อถึงวิวพระจันทร์ โมเดลหรือพร็อพตกแต่งร้านที่สื่อถึงจักรวาลอันไกลโพ้น สร้างความแปลกใหม่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ท่องอวกาศอยู่บนดินแดนแห่งดวงจันทร์

 

บรรยากาศภายในร้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์พระจันทร์เต็มดวงสะท้อนผิวน้ำ

 

ดื่มด่ำบรรยากาศการรับประทานโอมากาเสะสุดแปลกใหม่ในธีมท่องอวกาศ

Crafting Moments, Elevating Taste

ภายใต้คอนเซ็ปต์พระจันทร์เต็มดวงสะท้อนผิวน้ำ สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล เช่นเดียวกับแนวคิดของทางร้านที่เลือกสรรวัตถุดิบนำเข้าสุดพรีเมียมตามฤดูกาล ส่วนผสมที่สดใหม่ ส่งตรงจากตลาดปลา แหล่งซีฟู้ดขึ้นชื่อของจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น เช่น เมืองชิบะ, เมืองคิวชู ฯลฯ มารวมไว้ภายในคอร์ส ผสมผสานเข้ากับเมนูหรือวัตถุดิบหลากสัญชาติ แล้วนำเสนอออกมาในรูปแบบโอมากาเสะฟิวชัน


คอร์สโอมากาเสะฟิวชันของทางร้านมีให้เลือกอิ่มอร่อย 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ New Moon Course (จำนวน 14 คอร์ส ราคา 4,499++ บาท) และ Full Moon Course (จำนวน 18 คอร์ส ราคา 7,499++ บาท) ทุกคอร์สที่ทางร้านเสิร์ฟความอร่อย ทีมเชฟจะปรุงอาหารจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด ซึ่งได้มีการจัดเตรียมอาหารทะเลสดใหม่แบบวันต่อวัน อีกทั้งปรุงรสชาติให้มีความกลมกล่อม ถูกปากคนไทย (คอร์สอาหารจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปในทุก 3-4 เดือน โดยขึ้นอยู่กับวัตถุดิบตามฤดูกาล)

 

ทีมเชฟพิถีพิถันทุกขั้นตอนในการรังสรรค์ความอร่อย

ในส่วนของคอร์ส Full Moon ประจำฤดูกาลนี้ ทางร้านจะเน้นเสิร์ฟปลาดิบเกรดพรีเมียม ตระกูลปลากะพงเป็นส่วนใหญ่ เพราะตรงกับฤดูใบไม้ผลิของทางประเทศญี่ปุ่น (เป็นช่วงซากุระบาน สำหรับฤดูกาลนี้ วัตถุดิบไฮไลต์คือ ‘Sakura Buri - ปลาซากุระบุรี’)


เริ่มต้นท่องจักรวาลแห่งความอร่อยบนดวงจันทร์ด้วย คอร์ส Appetizer หรือเซ็ตเมนูเรียกน้ำย่อย ทั้งหมด 3 เมนู มาพร้อมพรีเซนเทชันที่ดีไซน์ออกมาในลักษณะของดาวเคราะห์น้อยต่าง ในจักรวาล ได้แก่ Hotaru Ika หมึกหิ่งห้อยที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสไซเคียวมิโสะ ซึ่งมีส่วนผสมของหมึกดำรวมอยู่ด้วย, Junsai สาหร่ายเส้นผมดองสูตรโฮมเมด (ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะของชาวญี่ปุ่น) ที่เสิร์ฟคู่มากับยอดบัวญี่ปุ่น และ Kaki Oyster หอยนางรมทอดกรอบ ชุบเกล็ดขนมปัง ราดด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน ได้เท็กซ์เจอร์เนื้อกรอบนอกนุ่มฉ่ำใน ได้รสละมุนกลมกล่อม

 

คอร์ส Appetizer ประกอบด้วย Hotaru Ika, Junsai และ Kaki Oyster

ตามด้วยคอร์สที่ 2 กับเมนูที่ชื่อว่า Komochi Yari Ika ปลาหมึกกล้วยญี่ปุ่นตัวโตที่อัดแน่นไปด้วยไข่ ซึ่งทางร้านนำมาต้มกับซอสรสหวาน แล้วแช่ไว้หนึ่งคืน เพื่อให้น้ำซอสซึมเข้าเนื้อปลาหมึก เสิร์ฟมาพร้อมกับ Bafun Uni รสหวานนวล เข้มข้นกลมกล่อมที่ท็อปลงบนเนื้อปลาหมึก เพื่อเพิ่มเท็กซ์เจอร์ ความฉ่ำ และเสริมมิติรสชาติให้กับเนื้อปลาหมึกคำนี้มากขึ้น แนะนำให้รับประทานพร้อมกันในคำเดียวจะได้รสอูมามิของวัตถุดิบที่ผสานรสชาติกันได้อย่างลงตัว

 

Komochi Yari Ika

ลำดับต่อไปในคอร์สที่ 3 คือ Sawara ปลาซาวาระหรือปลาอินทรีลายจุดจากเมืองนางาซากิ (เป็นหนึ่งในวัตถุดิบเนื้อปลาที่มีเสิร์ฟเฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น) เนื้อเนียนนุ่ม มีไขมันแทรกในเนื้อปลาที่ช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์และเสริมรสกลมกล่อมให้ปลาชนิดนี้มีความอร่อยเฉพาะตัว 


เนื้อปลาซาวาระทางร้านจะนำไปดรายเอจก่อน เพื่อดับกลิ่นคาวของปลาและให้ไขมันในเนื้อปลานั้นแตกตัว ให้รสเข้มข้นกลมกล่อมมากขึ้น ตัวซอสที่รับประทานคู่กับเนื้อปลาชนิดนี้คือ Jelly Ponzu Sauce หรือซอสพอนสึที่มีส่วนผสมของส้มยูซุด้วย จากนั้นนำไปรมควันกับไม้โอ๊คจากประเทศฮอลแลนด์อีกหนึ่งรอบเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และด้านบนเนื้อปลาจะตัดรสชาติด้วยดอกขิงญี่ปุ่น

 

Sawara

จากนั้นต่อเนื่องความอร่อยด้วยการเสิร์ฟสารพัดเมนูซูชิ ที่มีไฮไลต์เป็นวัตถุดิบหาทานยากตามฤดูกาลทั้งสิ้น โดยหมวดนี้เชฟจะไล่เรียงรสชาติตามลำดับจากเข้มข้นน้อยสุดไปยังซูชิคำที่ให้รสชาติเข้มข้นมากที่สุด เริ่มจากคอร์สที่ 4 กับเมนู Shima Aji Sushi ปลาชิมาอาจิหรือปลาเนื้อขาวที่จัดอยู่ในกลุ่มของปลากะมงญี่ปุ่น (ปลาทูยักษ์หางแข็ง น้ำหนัก 2 กิโลกรัม นำเข้าจากเมืองนางาซากิ) หนึ่งในปลาญี่ปุ่นหาทานยาก ให้รสสัมผัสที่กรอบเด้ง เนื้อหวานแน่นและนุ่ม แทรกด้วยไขมันเพียงเล็กน้อย โดยเชฟจะเพิ่มความหอมหวานให้กับเนื้อปลาด้วยการปาดซอสสาหร่ายด้านบน เป็นหนึ่งในซูชิที่ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจ

 

Shima Aji Sushi

ซูชิคำต่อมาในคอร์สที่ 5 คือ Kinmedai Sushi ที่ทางร้านเลือกใช้เกรดปลาคินเมไดหรือปลากะพงแดงน้ำลึกจากเมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีไขมันแทรกมากกว่าปลาคินเมไดทั่วไป พร้อมท็อปด้วยสาหร่ายคอมบุ

 

Kinmedai Sushi

มาถึงคอร์สที่ 6 กับเมนู Sakura Buri Sushi ซูชิคำนี้ท็อปด้วยเนื้อปลาซากุระบุรีเกรดพรีเมียม (หาทานได้เฉพาะช่วงที่ซากุระบานเท่านั้น) ที่ได้ใบรับรองการันตีว่าเป็นปลาธรรมชาติ ความพิเศษของซูชิคำนี้คือเชฟจะนำเนื้อปลาไปแช่ในน้ำซอสญี่ปุ่นสูตรเฉพาะก่อน เพื่อให้น้ำซอสซึมเข้าสู่เนื้อปลา ได้รสเข้มข้นกลมกล่อมเข้าเนื้อ

 

เนื้อปลาซากุระบุรีเกรดพรีเมียม ที่ได้ใบรับรองการันตีว่าเป็นปลาธรรมชาติ

 

Sakura Buri Sushi

ส่วนคอร์สที่ 7 ทางร้านเลือกเสิร์ฟ Nodoguro Sushi ซูชิที่ใช้วัตถุดิบเป็นปลาโนโดกุโระ ปลากะพงแดงคอดำหรือปลากะพงสีชมพู ซึ่งได้ฉายาว่าเป็นราชาแห่งปลากะพง เพราะมีส่วนไขมันแทรกในเนื้อค่อนข้างเยอะ ท็อปด้วยคาเวียร์นำเข้าจากประเทศอิหร่าน คำนี้ให้รสหวานนุ่มของเนื้อปลาที่ผสานกับความมันนิด และตัดด้วยรสเค็มหน่อย จากคาเวียร์ได้อย่างกลมกล่อม

 

ใช้ไฟเบิร์นหนังปลาโนโดกุโระเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความหอมชวนรับประทาน

 

Nodoguro Sushi

ก่อนจะเปลี่ยนบรรยากาศไปทานซีฟู้ดกันบ้างในคอร์สที่ 8 กับเมนู Kuruma Ebi Sushi กุ้งลายเสือญี่ปุ่นเสียบไม้จากฮอกไกโดที่ทางร้านนำไปสะดุ้งน้ำร้อนเพื่อระดับความสุกที่ทำให้ได้เนื้อสัมผัสของกุ้งลายเสือที่หวานกรอบเด้งเป็นพิเศษ

 

กุ้งลายเสือญี่ปุ่นเสียบไม้จากฮอกไกโดที่ทางร้านนำไปสะดุ้งน้ำร้อนก่อนนำไปครีเอตความอร่อย

 

Kuruma Ebi Sushi

ท้าชิงความอร่อยด้วยคอร์สที่ 9 กับเมนู Tako Manma ไข่ปลาหมึกยักษ์ อีกหนึ่งวัตถุดิบที่หาทานได้เฉพาะฤดูกาลนี้อีกเช่นกัน โดยเชฟจะนำไข่ปลาหมึกยักษ์นี้ไปสะดุ้งในน้ำร้อน ไข่ปลาหมึกที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกับไข่มดแดง ให้รสมัน ตัดรสชาติด้วยซอสญี่ปุ่นที่ให้ความเปรี้ยวตัดเลี่ยนความมันของไข่ปลาหมึกได้ดี

 

ไข่ปลาหมึกยักษ์ อีกหนึ่งวัตถุดิบที่หาทานได้เฉพาะฤดูใบไม้ผลิ

 

Tako Manma

ระหว่างมื้ออาหาร มีการเคลียร์รสชาติในปากกันเล็กน้อยด้วยคอร์สที่ 10 กับเมนู Bijin Tomato Jelly เยลลี่มะเขือเทศสายพันธุ์เบจินจากประเทศญี่ปุ่นที่นำไปแช่ในน้ำองุ่นให้ได้ความหอมหวานสดชื่น ซึ่งด้านในเยลลี่จะสอดไส้เนื้อมะเขือเทศเบจินเข้าไปด้วย รับประทานคำนี้แล้วช่วยเพิ่มความสดชื่นระหว่างมื้อได้เป็นอย่างดี

 

Bijin Tomato Jelly

ก่อนจะเพิ่มดีกรีความอร่อยอีกครั้งไปกับคอร์สที่ 11 ด้วยเมนู Kuro Awabi เส้นอุด้งที่เสิร์ฟมาให้รับประทานคู่กับหอยเป๋าฮื้อ สำหรับเมนูนี้จะเพิ่มความฟิวชันเข้าไปด้วยส่วนผสมและวัตถุดิบสไตล์ตะวันตกอย่างชีสพาเมซาน เป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่อยากให้ลิ้มลอง

 

Kuro Awabi

และแล้วก็มาถึงคอร์สที่ 12 กับเมนูไฮไลต์ที่หลายคนรอคอยอย่าง Long Uni ที่เอาใจคนชอบรับประทานอูนิโดยเฉพาะ โดยอูนิหรือไข่หอยเม่นที่ทางร้านเลือกใช้นั้นจะคัดสรรเฉพาะสายพันธุ์บาฟุนที่ให้รสหวานละมุนลิ้น สำหรับคำนี้เชฟจะเสิร์ฟมาแบบห่อด้วยสาหร่ายญี่ปุ่นอบกรอบ ส่งให้กับมือผู้รับประทานแบบเต็มคำ

 

ทางร้านเลือกสรร 'อูนิ' เฉพาะสายพันธุ์บาฟุนที่ให้รสหวานละมุนลิ้นเป็นพิเศษมาใช้ในการครีเอตเมนูแสนอร่อย

 

Long Uni

ความเข้มข้นของรสชาติวัตถุพรีเมียม ยังคงทยอยเสิร์ฟอย่างต่อเนื่องในคอร์สที่ 13 กับเมนู Tuna Sushi เนื้อส่วนอากามิ (บริเวณกลางลำตัว ซึ่งมีไขมันน้อย) ของปลาทูน่าที่ให้เนื้อสัมผัสที่แน่นนุ่มเป็นพิเศษ โดยเชฟจะนำเนื้อส่วนนี้ไปแช่ลงในซอสสึเกะหรือซองดองสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อให้เนื้อปลาทูน่านั้นได้รสชาติที่เข้มข้นมากขึ้น

 

Tuna Sushi

ตามด้วยคอร์สที่ 14 กับเมนู Tuna Truffle Sushi คอร์สเมนูข้าวอบแบล็กทรัฟเฟิล ที่ทางร้านเลือกใช้เนื้อปลาทูน่าส่วนโอโทโร่ (บริเวณเนื้อปลาที่มีไขมันแทรก) เป็นวัตถุดิบหลักพร้อมโรยหน้าด้วยแบล็กทรัฟเฟิลสไลซ์เพื่อเพิ่มความหอมและความครีมมี่ในแบบที่ไม่เหมือนใคร

 

เนื้อปลาทูน่าส่วนโอโทโร่ที่โรยหน้าด้วยแบล็กทรัฟเฟิลสไลซ์แบบเน้น ๆ

 

Tuna Truffle Sushi

เติมความอิ่มท้องกันต่อด้วยคอร์สที่ 15 กับเมนู Kinki เนื้อปลาคิงกิหรือที่ได้ฉายาว่าเป็นปลาจักรพรรดิ์จากทะเลน้ำลึกของประเทศญี่ปุ่น หาทานยาก เสิร์ฟมาพร้อมกับส่วนผสมของธัญพืชหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นถั่วแระญี่ปุ่น ข้าวโพดจากฮอกไกโด ที่มาเสริมรสชาติให้ได้ความหวานมันมากขึ้น

 

Kinki

ส่วนใครที่กำลังมองหาซุปสักถ้วยไว้ซดให้คล่องคอระหว่างมื้ออาหาร ในคอร์สที่ 16 ทางร้านพร้อมเสิร์ฟ Shiro Amadai Soup เมนูซุปปลาไท้ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเกล็ดปลาทอดกรอบและเนื้อปลาให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแน่น เข้ากันกับน้ำซุปจากก้างปลาที่เคี่ยวนานจนได้รสหวานกลมกล่อม เป็นการปิดท้ายคอร์สเมนูอาหารคาวได้อย่างฟินาเล่

 

Shiro Amadai Soup

หลังจากอิ่มอร่อยกับคอร์สอาหารคาวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาละเลียดความอร่อยกันต่อกับคอร์สที่ 17 ซึ่งเป็นเมนู Mochi ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น โดยเมนูนี้จะเป็นขนมโมจิหยดน้ำที่มีส่วนผสมของหญ้าฝรั่น ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันที่สวยงาม น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ผ่านการดีไซน์รูปทรงขนมด้วยแรงบันดาลใจที่ได้มาจากชื่อร้าน ‘Mizuki’ หรือภาพพระจันทร์สะท้อนผิวน้ำนั่นเอง ด้านล่างของขนมโมจิจะเป็นผงคินาโกะหรือผงถั่วและซอสคาราเมลมาเสริมรสชาติหวานมันเค็ม เสิร์ฟคู่มากับชาร้อนชิสึโอกะ ซึ่งได้รสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว

 

Mochi

ส่งท้ายมื้อโอมากาเสะฟิวชันสุดพรีเมียมครั้งนี้กันด้วยคอร์สที่ 18 กับเมนู Choux Cream คอร์สขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชูครีมหอมนุ่ม เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรูปโลกที่สื่อถึงการเดินทางกลับมายังโลก ถือเป็นอันสิ้นสุดการท่องอวกาศผ่านคอร์สอาหารคาว-หวานบนดินแดนแห่งโลกพระจันทร์ได้อย่างน่าประทับใจ

 

Choux Cream

Info
Hours
Open : 12PM - 3PM
5:30PM - 10PM
Fri : 12PM - 3PM
5:30PM - 10PM
Sat : 12PM - 3PM
5:30PM - 10PM
Sun : 12PM - 3PM
5:30PM - 10PM
Mon : Closed
Tue : 12PM - 3PM
5:30PM - 10PM
Wed : 12PM - 3PM
5:30PM - 10PM
Thu : 12PM - 3PM
5:30PM - 10PM
Price

฿฿฿฿฿฿ มากกว่า 2,000 บาทต่อคน

Address
ชั้น 4, อาคาร SAM-ED ซอยสุขุมวิท 31 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Getting There

สามารถเดินทางต่อไปยังซอยสุขุมวิท 31 ได้ด้วยบริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

Mass Transit

MRT สุขุมวิท ทางออก 2

BTS พร้อมพงษ์ ทางออก 5

Facilities
Suggest an Edit