Garden Cafe in Bangkhuntien
ท่ามกลางความร่มรื่นของสวนลิ้นจี่อายุนับร้อยปีริมคลองบางขุนเทียน ได้กลายเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ไม้ไผ่สวยเก๋อย่าง Natura Cafe ที่พร้อมให้คุณมาผ่อนคลาย เอกเขนกไปกับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ด้วยเดิมทีพื้นที่แห่งนี้เป็นสวนมรดกจากบรรพบุรุษที่สืบทอดมาจนสู่ทายาทรุ่นที่สอง ผู้เป็นเจ้าของจึงอยากรักษาพื้นที่ธรรมชาติแห่งนี้ไว้ให้มากที่สุด รวมถึงอยากส่งต่อความร่มรื่นให้คนเมืองได้ลองมาสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้กัน จึงเกิดเป็นคาเฟ่บรรยากาศสบาย ๆ ให้คุณหลบหนีความวุ่นวายมาพักผ่อนกายใจไปกับธรรมชาติได้แบบง่าย ๆ แม้จะอยู่ในเมืองกรุง
Bamboo Architecture
บรรยากาศของทางร้านชวนให้ผ่อนคลายและกลมกลืนไปกับธรรมชาติด้วยการตกแต่งที่เลือกใช้วัสดุ ‘ไม้ไผ่’ เกือบทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาชาวบ้านแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังมีความแข็งแรง ทนทาน และมีความสวยงามอย่างเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน สอดรับไปกับบรรยากาศริมคลองบางขุนเทียนได้เป็นอย่างดี โดยมี 2 โซนหลักให้เลือกนั่งชิลล์ได้ตามความชอบ คือ โซนคาเฟ่ ศาลาริมน้ำที่ตั้งอยู่ติดริมคลองบางขุนเทียน ที่คุณจะได้สูดอากาศสดชื่นและดื่มด่ำไปกับวิวคลองได้อย่างเต็มตา ส่วนใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวทางร้านยังมี โซนร้านอาหาร มาพร้อมบรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นของแมกไม้สีเขียว ที่คุณสามารถใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ได้อย่างเต็มอิ่มตลอดวัน
Local Cuisine and Creative Drinks
นอกจากบรรยากาศที่ชวนดึงดูดใจให้กับใครหลายคนแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเน้นย้ำถึงวัฒนธรรมการกินของชาวบางขุนเทียน ด้วยวิธีการแบบภูมิปัญญาชาวสวน ซึ่งก็คือการปลูกวัตถุดิบเพื่อนำมาประกอบอาหาร เพราะฉะนั้นเมนูอาหารของที่นี่จึงโดดเด่นด้วยส่วนผสมของวัตถุดิบที่ปลูกเองภายในสวน เก็บสด ๆ นำมารังสรรค์เป็นหลากหลายเมนูให้ลิ้มลอง
เริ่มกันที่เมนูแรกอย่าง ยำผักกูด (150 บาท) ที่ทางร้านใช้ผักกูดที่ปลูกเองจากสวน นำมาคลุกเคล้าด้วยน้ำยำสูตรเฉพาะของทางร้าน ให้รสชาติจัดจ้านแต่ทว่ากลมกล่อม ทานคู่กับหมูย่าง ช่วยเสริมความอร่อยได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์ที่แนะนำว่าต้องลอง คือ มัสมั่น (240 บาท) แกงกะทิรสเข้มข้นหอมมันสูตรคุณแม่ โดดเด่นด้วยพริกแกงที่ทำสดใหม่ทุกวัน เคี่ยวเข้ากับกะทิสดจนได้รสเข้มข้นกลมกล่อม มีทั้งหมูและไก่ สามารถเลือกทานได้ตามความชอบ
ตามด้วยเมนูขนมหวาน Signature ของทางร้านอย่าง Talingping Cheese (140 บาท) ที่หลายคนอาจจะมองข้ามความอร่อยของตะลิงปิงไป ทางร้านจึงนำมาเป็นไฮไลต์ด้วยการนำตะลิงปิงไปหมักกับมิริน จนได้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และเลือกใช้ครีมชีสจากอเมริกา ผสมผสานกันออกมาเป็นรสเปรี้ยวอมหวานแบบพอดี ทานคู่กับ Talingping Sparkling (100 บาท) เครื่องดื่มที่ทางร้านใช้ตะลิงปิงสดนำไปแช่อิ่ม ก่อนจะผสานความซ่าสดชื่นด้วยโซดา เสิร์ฟมาพร้อมตะลิงปิงแช่อิ่มเนื้อนุ่มให้เคี้ยวแบบเพลิน ๆ
ส่วนใครที่อยากสัมผัสความนุ่มละมุน ต้องลอง Red Velvet Cake (130 บาท) โดดเด่นด้วยรสชาติเข้มข้นของส่วนผสมโกโก้ Warm Brown ผสานเข้ากับครีมรสนุ่มละมุน แล้วท็อปด้วยบลูเบอร์รีปิดท้าย ให้รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ไม่หวานจนเกินไป แนะนำให้ทานคู่กับ Lychee Americano (130 บาท) เมนูที่ครีเอตมาเพื่อต้องการสื่อถึงความเป็นสวนลิ้นจี่ มีส่วนผสมของอเมริกาโนรสเข้มข้นจากเมล็ดกาแฟไทย Single Origin ผสมผสานความหอมหวานด้วยน้ำลิ้นจี่ ที่ดื่มแล้วได้ความสดชื่นไปเต็ม ๆ