Gastronomy Lanna
“เพราะอาหารเหนือรสชาติแบบดั้งเดิมค่อนข้างหาทานยาก” เราจึงอยากชวนคุณมาสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารเหนือรสชาติแบบเหนือแท้ ๆ ในรูปแบบใหม่ที่ North Restaurant
ภายในบ้านหลังน้อยแสนคลาสสิกในซอยสุขุมวิท 33 นั้นมีอาหารเหนือรสชาติแบบดั้งเดิมที่เสิร์ฟมาในรูปแบบ Fine Dining ให้แวะมาลิ้มลองกัน ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ของบ้านไม้โบราณสองชั้นสุดคลาสสิก ด้วยความตั้งใจที่อยากจะยกระดับอาหารเหนือให้โดดเด่นและพิเศษมากขึ้น จึงพร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูซึ่งทำจากวัตถุดิบสุดพรีเมียมทั่วประเทศไทยที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ผ่านการครีเอตร่วมกับเชฟชุมพล พร้อมให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษแบบ Gastronomy Lanna กันได้ทุกวัน
Classic Vibes
นอกจากเรื่องของอาหารที่ไม่เหมือนใครแล้ว ทางด้านการตกแต่งก็เต็มไปด้วยรายละเอียดที่สวยงาม ประกอบกันเป็นบรรยากาศเรียบหรู แต่ก็ไม่ได้จริงจังจนเกินไป เรียกได้ว่าเป็น Fine Dining ในบรรยากาศแสน Casual ท่ามกลางแสงธรรมชาติจากกระจกบานใหญ่ โชว์บรรยากาศสุดร่มรื่นด้านนอก แถมยังมีมู้ดแอนด์โทนที่อบอุ่นจากไฟสีส้มในยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังมีโคมยี่เป็งมาเสริมบรรยากาศความเป็นเมืองเหนือให้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย
Traditional Taste
ทางด้านเมนูเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ครั้งนี้ทางร้านภูมิใจนำเสนอ “ข้าวแลง” (2,488++ บาท) คอร์สเมนูสุดพิเศษ พร้อมเสิร์ฟรสชาติแบบเหนือแท้ ๆ ให้คุณได้สัมผัสกัน เริ่มต้นที่ Amuse Bouche คำแรกเป็น โครเกต์ตำขนุนสอดไส้โฮมเมดชีสจากเชียงใหม่ ชุบกับข้าวก่ำจากเชียงราย ก่อนจะนำไปทอดให้กรอบและเสิร์ฟมากับสไปซี่มายองเนส ต่อด้วย แกงกระด้างเห็ดรวม แกงพื้นเมืองดั้งเดิมของภาคเหนือนิยมทานในหน้าหนาว โดดเด่นด้วยการใช้เจลลาตินจากหมูให้ขึ้นรูปได้นั่นเอง ตัวฐานเป็นผักกาดหิ่นให้รสสัมผัสซ่าลิ้น และคำสุดท้ายคือ ไส้อั่วนอร์ธ-หมูนุ่มคุโรบุตะ ท็อปด้วยน้ำพริกหนุ่มและแคบหมู ให้รสชาติของออร์เดิร์ฟเหนือในคำเดียว
ต่อมาที่ ยำส้มโอพิจิตรคาร์เวียร์น้ำปู๋ ที่เลือกใช้ส้มโอพันธุ์ขาวพิจิตร เคียงมากับไฮไลต์อย่างคาร์เวียร์น้ำปู๋จากการเคี่ยวปูนาจนกลายเป็นเนื้อครีมนั่นเอง ให้รสชาติชัดเจนแบบดั้งเดิม
อีกเมนูที่น่าสนใจต้องยกให้ ทอร์เทลลินีข้าวซอยเชียงรายยัดไส้ไก่บ้านออร์แกนิก ข้าวซอยรสชาติดั้งเดิมหรือข้าวซอยฮ่อจากแม่สายที่ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบเส้นให้กลายเป็นเกี๊ยวแบบฝรั่งเศสหรือทอร์เทลลินี ส่วนเนื้อไก่ถูกนำไปบดให้กลายเป็นมูสและใส่เป็นส่วนไส้เกี๊ยว ท็อปด้วยโฟมกะทิสดที่มีส่วนผสมของผงกระวานดำ ให้กลิ่นและสัมผัสที่ชัดเจนแบบดั้งเดิม ด้านบนเป็นแป้งพายทำหน้าที่แทนหมี่กรอบ มีกิมมิกที่จุดสีม่วงจากผักกาดดองและบีทรูท หนึ่งในเครื่องเคียงของข้าวซอยปกตินั่นเอง
ต่อมาที่ แกงฟักทองปลากะพงแม่น้ำน่านไข่ปลาริวกิว ที่เลือกใช้เนื้อแน่น ๆ ของปลากะพงจากแม่น้ำน่าน เคียงมากับแกงฟักทองแบบทางภาคเหนือที่โดดเด่นด้วยกลิ่นของตะไคร้และใบแมงลัก เพิ่มกิมมิกด้วยไข่ปลาริวกิวดองในน้ำอาจาดและเหล้าหมาใจดำเป็นเวลา 2 วัน ให้ทานปิดท้าย เพื่อรับรสสัมผัสให้ครบทุกมิติ
สุดท้ายคือ ขันโตกนอร์ธ จากความตั้งใจอยากรักษาภูมิปัญาของภาคเหนือที่รับประทานอาหารกันเป็นขันโตก โดยในเซ็ตประกอบไปด้วย น้ำพริกมะแขว่น จากส่วนผสมของเนื้อหมู มะเขือเทศ และมะแขว่น ทานคู่กับผักผลไม้ตามฤดูกาลที่ครั้งนี้มาพร้อมแก่นตะวันและยอดมะตูม ต่อมาเป็น ลาบคั่ว ที่ชาวเหนือนิยมทานในงานสำคัญ เคียงมากับ จิ้นส้มหมกไข่ หรือแหนมกับไข่ที่ถูกย่างจนสุกหอม และไฮไลต์ของภาคเหนืออย่าง แกงฮังเล แกงที่ได้อิทธิพลมาจากพม่า โดดเด่นด้วยรสเค็ม เปรี้ยว และหวาน นั่นเอง โดยเมนูนี้เลือกใช้ส่วนของเนื้อน่องลายออสเตรเลียที่มีชั้นไขมันที่พอดี ให้ได้สัมผัสที่พิเศษยิ่งขึ้น
ส่วนของหวานเป็น สายน้ำผึ้งแห่งล้านนา ส้มสายน้ำผึ้งจากอำเภอฝาง ด้านในเป็นส้มเข้มข้นตามด้วยชั้นของมาสคาโปนและเคลือบด้วยไวท์ช็อกโกแลต ออกมาในรูปทรงผลส้มสุดคิวต์ มาพร้อมชาร้อนเบลนด์พิเศษ ปิดท้ายมื้ออาหารนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
