Authentic Italian Restaurant, Since 1983
ชวนปักหมุด Opera Italian Restaurant ร้านอาหารอิตาเลียนใจกลางซอยสุขุมวิท 39 ที่ยกระดับตำนานความคลาสสิกของ L’Opera ซึ่งเคยเปิดให้บริการเมื่อปี 1983 ให้กลับมามีชีวิตชีวาด้วยรูปโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม เพิ่มเติมหลากหลายโซนให้บริการแบบครบวงจรในบรรยากาศย้อนยุค พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยสารพัดเมนูขึ้นชื่อประจำภูมิภาคของอิตาลี ตามแบบต้นตำรับอาหารอิตาเลียนในสไตล์โมเดิร์น ให้คนไทยได้สัมผัสถึงเสน่ห์วัฒนธรรมการกินดื่มและไลฟ์สไตล์ของชาวอิตาเลียนแท้ ๆ มากกว่าที่เคย
Italian Dining Experience
ภายในร้านอาหารแห่งนี้ มีหลากหลายบรรยากาศให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงความเป็นไลฟ์สไตล์ของชาวอิตาเลียนโดยแท้ ภายใต้การดูแลของ ‘คุณ Chin Cecchini’ ชายหนุ่มชาวอิตาลี ผู้จัดการทั่วไปของทางร้าน ซึ่งเขาได้นำเอาประสบการณ์การทำงานร้านอาหารที่มีชื่อเสียงยังที่ต่าง ๆ มาพัฒนาการด้านการให้บริการอย่างครอบคลุม
ที่นี่ได้รับการออกแบบและตกแต่งร้านราวกับผลงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นมุมผนังไม้ที่ประดับประดาด้วยภาพถ่ายย้อนยุคน่าหลงใหล สร้างบรรยากาศชวนให้นึกถึงห้องแสดงงานศิลป์
ตามมาด้วยอีกมุมหนึ่งเป็นห้องครัวเปิดที่เผยให้เห็นเชฟและทีมครัวกำลังปรุงอาหารอย่างพิถีพิถัน
ส่วนบริเวณใจกลางร้านอาหารนั้นถูกดีไซน์ให้เป็นบาร์ขนาดใหญ่ มาพร้อมโซนที่นั่งกำมะหยี่สุดหรู ซึ่งมีโคมไฟประดับตกแต่งอย่างสุดอลังการ เรียกว่าทุกรายละเอียดได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศของการรับประทานอาหารอิตาเลียนมื้อสุดหรูได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถัดมาที่บริเวณชั้น 2 ของร้าน ก็ชวนว้าวไม่แพ้กัน โดดเด่นด้วยแนวการตกแต่งสไตล์ทัสคานี ฝาผนังห้องยังคงเรียงรายด้วยงานศิลปะเช่นเคย สลับกับขวดไวน์อีกนับร้อยที่ถูกนำมาบนวางตกแต่งบนชั้น สร้าง Vibes การสังสรรค์ของชาวอิตาเลียนได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
สอดรับกับโซนที่นั่งชิลล์ด้านนอกที่มีแสงธรรมชาติลอดบานหน้าต่างเข้ามา เสริมความอบอุ่นได้ดี ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในช่วงฤดูร้อนของทางอิตาลีเลยทีเดียว
Savoring delicious Italian Cuisine
ทางร้านพร้อมเปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ โดยการรังสรรค์อาหารอิตาเลียนของที่นี่จะมีความร่วมสมัยและมีความหลากหลาย เพื่อให้เหล่าฟู้ดดี้ที่เข้ามารับประทานอาหารได้ลิ้มลองความอร่อยที่เป็นมากกว่าอาหารอิตาเลียนทั่วไป ทุกจานถูกปรุงด้วยวัตถุดิบคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ผ่านการครีเอตโดย ‘เชฟ Kevin Montorfano’ พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารอิตาเลียนคลาสสิกจากหลากหลายแคว้น ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทั่วทั้งประเทศอิตาลี รวมเรียกได้ว่าเป็น ‘Italian Culture’ ซึ่งผู้ที่มารับประทานจะได้ซึมซับวัฒนธรรมการกินอาหารของชาวอิตาเลียนไปในตัว
ครั้งนี้ประเดิมความอร่อยจานแรกด้วยเมนู Polpo E Patate (550 บาท) สลัดปลาหมึกย่าง ที่นิยมเสิร์ฟเป็นอาหารทานเล่นเรียกน้ำย่อย โดยจะเป็นการนำปลาหมึกไปย่างไฟจนได้เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งต้ม มะเขือเทศ Hairloom ของทางอิตาลี, ขึ้นฉ่ายฝรั่ง และเดรสซิ่งรสเลมอน
ตามมาด้วย Melanzane Alla Parmigiana (V) (450 บาท) อีกหนึ่งเมนูทานเล่นยอดนิยมของทางร้าน โดยเป็นเมนูพาสต้าสไตล์นโปเลียน สอดไส้มากับหลากหลายวัตถุดิบเครื่องเคียงอย่างมะเขือยาวทอด คลุกเคล้าด้วยซอสมะเขือเทศ ชีสมอสซาเรลลา และชีสพาร์เมซาน ที่ให้รสกลมกล่อมหอมชีสในแบบตำรับอาหารอิตาเลียนแท้
ท้าชิงความอร่อยด้วยหนึ่งในเมนูพาสต้าน่าลองกับ Penne Alla Nduja (490 บาท) สำหรับพาสต้าจานนี้เป็นพาสต้าเส้นเพนเน่ที่อบในเตาร้อน ๆ คลุกเคล้ามากับซอสพริกรสเผ็ดร้อนนิด ๆ และไส้กรอกเอ็นดูย่า (ไส้กรอกรสเผ็ดของอิตาลี) พร้อมท็อปด้วยชีสบูราต้า เพื่อเพิ่มความครีมมี่ตัดรสเผ็ดร้อนของตัวซอสได้อย่างลงตัว
ก่อนจะจัดเต็มความอร่อยแบบชุดใหญ่ไฟกะพริบด้วย Braciola Di Maiale Con Verdure (1,350 บาท) เซ็ตพอร์คช็อปขนาด 500 g ที่ทางร้านนำเนื้อสันนอกไปเซียร์จนได้เนื้อสัมผัสนุ่มกำลังดี โรยด้วยเกลือที่มาเพิ่มรสชาติ เสิร์ฟเคียงมากับผักย่างหลากหลายชนิดให้รับประทานควบคู่กัน
อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารคาวกันไปแล้วก็ถึงคิวอาหารหวานกันบ้าง แนะนำให้ลองสั่ง Traditional Dessert : Traditional Baba (280 บาท) ขนมปังแช่เหล้ารัม (Rum) และเหล้ามะนาว (Limoncello) แบบชุ่มฉ่ำ ให้กลิ่นหอมหวาน เสิร์ฟให้รับประทานคู่กับวิปครีมวานิลลาและผิวเลมอน เป็นเมนูขนมหวานตามตำรับของอิตาเลียนที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นปิดท้ายมื้ออาหารนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
นอกจากเมนูอาหารคาว-หวาน สไตล์อิตาเลียน ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้แก่เหล่าผู้มาเยือนแล้ว ระหว่างมื้ออาหารยังสามารถสั่งเครื่องดื่ม (ค็อกเทลและม็อกเทล) จากบริเวณโซนบาร์มาจิบควบคู่กับอาหารจานโปรดได้อีกด้วย สำหรับเครื่องดื่มม็อกเทลที่แนะนำให้ลองสั่ง อาทิ Peachy (150 บาท) ม็อกเทลพีช, Italian Passion (150 บาท) ม็อกเทลเสาวรส และ Bubble Gum (150 บาท) ม็อกเทลบลูเบอร์รี เป็นต้น ไม่ว่าจะเลือกจิบแก้วไหน ก็เป็นการเติมเต็มมื้ออาหารให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
นับเป็นหมุดหมายความอร่อยแห่งใหม่ เหมาะสำหรับนักชิมที่อยากลองเปิดประสบการณ์ทานอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ท่ามกลาง Vibes สุดหรูที่ซ่อนอยู่ใจกลางเมือง