Sense of the Cruise Journey
ล่องเรือไปกับ Luxury Cruise พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศในยามค่ำคืน ที่ Pennant Bar & Vecho Restaurant บาร์สุดหรูในย่านทองหล่อที่จะมามอบบรรยากาศที่เคล้าคลอไปด้วยเพลงเพราะ ๆ ตลอดทั้งคืน โดย Pennant Thonglor มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Cruise Journey จำลองตั้งแต่การขึ้นเรือไปจนถึงชั้นดาดฟ้า หรูหราด้วยโทนสี Dark Walnut สร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ ชวนตื่นตาตื่นใจแม้จะแวะมาแฮงเอาต์กันในช่วงตอนกลางวัน
The Luxury of Copper Color
ด้านการตกแต่งร้านมาในโทนสีคอปเปอร์ ชั้นล่างเป็นส่วนของโซนเคาน์เตอร์บาร์ โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่ออกแบบมาให้ดูดคล้ายกับเรือใบกระดาษ Origami ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหราได้เป็นอย่างดี และยังเพิ่มเลเยอร์ด้วยโคมไฟรูปทรงก้อนเมฆให้มุมนี้มีมิติมากขึ้น ถัดมาคือชั้นลอยที่ถูกจำลองให้เป็นเหมือนดาดฟ้าเรือ
นอกจากนี้ที่ชั้นบนสุดยังมีห้องอาหารสุดไพรเวทอย่าง Vecho ที่พร้อมเสิร์ฟ International Food Fusion และ Fine Dining สำหรับมื้อค่ำสุดพิเศษ และยังสามารถเป็นพื้นที่สำหรับ Private Party ในบรรยากาศหรูหราเป็นส่วนตัวอีกด้วย
Cocktail Journey
ส่วนด้านเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านตั้งใจนำเสนอในรูปแบบของการจำลองเส้นทางการเดินเรือไปสู่น่านน้ำต่าง ๆ เริ่มต้นกันที่ส่วนของค็อกเทลกันก่อน ในคอนเซ็ปต์ Cocktail Journey ด้วยแก้วพิเศษของทางร้านกับเมนู Lost with Lolita (390 บาท) จากรัสเซีย โดดเด่นส่วนผสมของ Vodka Infusion Rosemary และ Dry Apricot เพิ่มกลิ่นหอม ๆ ด้วย Peach Liqueur Lemon, Orgeat Syrup และไข่ขาวที่มาเพิ่มความละมุนให้แก้วนี้เป็นอย่างดี ได้สองรสสัมผัสในแก้วเดียว
ต่อมาที่ประเทศอเมริกา ในแก้วของ Indiana Pop (390 บาท) ที่มีส่วนผสมของ Rum Infusion Popcorn, Amaretto เหล้ากลิ่นอัลมอนด์ และ Maraschino เหล้ากลิ่นเชอร์รี เพิ่มความสดชื่นด้วยเลมอน เติมความหวานที่เข้ากับป๊อปคอร์นด้วย Caramel Syrup และ Butter ปิดท้ายด้วยความนุ่มนวลของไข่ขาว เสิร์ฟมาคู่กับป๊อปคอร์น
อีกแก้วคือ Nature Negroni (400 บาท) จากประเทศไทย แก้วนี้ใช้ Bulldog มากับสัมผัสใส ๆ ของ Clear Campari ส่วนของแอลกอฮอล์ที่ใช้คือ Vermourth ที่ Infused Niam Leaf หรือใบเนียมเพื่อช่วยเพิ่มสัมผัสที่พิเศษยิ่งขึ้น แล้วตกแต่งด้านบนด้วยใบแว่นแก้ว
ปิดท้ายที่ Kwan Khao (380 บาท) เครื่องดื่มแก้วพิเศษที่สื่อถึงความเป็นไทยผ่านข้าวเหนียว โดยแก้วนี้มีส่วนผสมของ Sangvien และ Amaretto ใส่ความหอมหวานของวานิลลาไซรัป เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยมะนาว และกลิ่นหอม ๆ จากข้าวคั่ว ท็อปด้วยฟองเบียร์ เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมข้าวล้านนา
International Surf & Turf
ส่วนเมนูอาหารถูกนำเสนอในรูปแบบ Surf &Turf แนะนำจานทานเล่นกันก่อนกับเมนู Crab N Chips (359 บาท) มันฝรั่งทอดกับครีมชีสเนื้อปูที่เชฟเปลี่ยน Fish N Chip ธรรมดา ๆ ให้พิเศษยิ่งขึ้นด้วยการเปลี่ยนเนื้อปลาเป็นเนื้อปูก้อนโตเต็มคำ เสิร์ฟมาพร้อม Creme Fraiche และตกแต่งด้วยต้มหอมซอย
สำหรับเมนูอิ่มท้องขอยกให้กับ Salmon Pesto Pasta (429 บาท) พาสต้าแซลมอนซอสเพสโต ที่เชฟเสิร์ฟ Norwegian Salmon แซลมอนคุณภาพดีผ่านการ Pan Seared มากับซอสเพสโตสูตรของทางร้าน พ่วงด้วย Champigno หอมหัวใหญ่และพาสลีย์
อีกเมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอคือ Greasy Beef Fried Rice (389 บาท) ข้าวผัดมันเนื้อสเต๊ก ที่ทางร้านเลือกใช้เนื้อ AUS Beef Steak เสิร์ฟมากับ Arborio Rice หรือข้าวอิตาลี เคียงมากับ Heirloom Tomato มะเขือเทศจากเชียงใหม่ และ Crispy Garlic
ปิดท้ายด้วยเมนูอาหารจาก Vecho ร้านอาหารชั้นบนสุดในบรรยากาศสุดไพรเวท เสิร์ฟอาหารแบบ International Food Fusion และ Fine Dining โดยครั้งนี้ขอแนะนำเสนอเมนู Sea Bass Papillote (899 บาท) ปลากะพงที่ผ่านการอบมะนาวสไตล์กรีก ให้สัมผัสสุดสดชื่นมาพร้อมกับความหวานของเนื้อปลาที่สดใหม่ นอกจากนี้เชฟยังใส่ใจรายละเอียดด้วยการเลาะก้างปลาออกจนหมดให้ทานกันได้ง่าย ๆ อีกด้วย