The King of Seafood
ชวนคนรักอาหารทะเลมาปักหมุดหมายปลายกันที่ Ricci Italian Restaurant and Crudo Bar ร้านอาหารอิตาเลียนในคอนเซ็ปต์ ‘The King of Seafood’ ที่ยกหลากหลายวัตถุดิบเกรดพรีเมียมเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติแห่งท้องทะเลมารังสรรค์โดยเชฟมากประสบการณ์ดีกรีมิชลินอย่างเชฟ Alessandro Frau แห่งร้านอาหาร Acqua ที่จะมาครีเอตเมนูพิเศษโดยนำความเป็นอิตาลีแบบดั้งเดิมมาเปลี่ยนโฉมใหม่ให้มีความทันสมัยเต็มไปด้วยคุณภาพในทุกๆ จานที่ได้ลิ้มลอง
Italian Culinary Experience
โดยที่นี่พร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบ Traditional Italian ด้วยวัตถุดิบชั้นดีที่มาจากท้องทะเลไม่ว่าจะเป็น กุ้งแดงซิซิลี หอยเชลล์ฮอกไกโด หอยเม่นทะเล หอยนางรมฝรั่งเศส ล็อบสเตอร์ ล็อบสเตอร์นอร์เวย์ ไข่ปลาคาเวียร์ และกุ้งแดงสเปน รวมไปถึงอาหารทะเลอื่น ๆ อีกมากมายที่ทางร้านคัดสรรมาครีเอทเป็นเมนูพิเศษ
Fresh, Premium-Quality Seafood
ซึ่งสำหรับเมนูอาหาร ที่นี่นำเสนอความหลากหลายของอาหารทะเลตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย พาสต้า ไปจนถึงอาหารจานหลัก โดยมีไฮไลต์พิเศษอยู่ที่ Crudo Bar ซึ่งเป็นการเสิร์ฟอาหารทะเลสดสไตล์อิตาเลียนในรูปแบบดิบ เพื่อให้เหล่านักชิมได้ดื่มด่ำกับวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างแท้จริง
เริ่มต้นความอร่อยโดยเริ่มจากหมวดของ Crudo กันก่อน กับเมนู Scampi (1,800 บาท) โดยเมนูนี้มีวัตถุดิบหลักเป็นกุ้งลายเสือตัวโตเกรดคัดพิเศษ เสิร์ฟมากับ Pickled Red Onions และ Mozzarella ที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นและสัมผัสที่ลงตัว
ต่อมาเป็นเมนู Swordfish (1,500 บาท) ซึ่งจานนี้เป็น Carpaccio (การ์ปัชโช) หรืออาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาที่มาพร้อมความสดชื่นของ Dressing จากน้ำส้มสดและเลมอน ด้านบนเป็นมะเขือเทศเชอร์รีและ Bottarga (โบตตาร์กา) หรือไข่ปลากระบอกตากแห้งขูดเพื่อเพิ่มรสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อมมากขึ้น
และ Sea Urchin (1,200 บาท) อูนิ หรือไข่หอยเม่นที่ถือเป็นวัตถุดิบหายากและสำคัญของท้องทะเลอิตาลี เสิร์ฟมากับชีสสด Stracciatella และ Blue Fin Tuna เพิ่มความพิเศษขึ้นไปอีกด้วย Baeri Caviar เคียงมากับขนมปังที่ให้ความกรุบกรอบ
มาชิมเมนูในหมวดเรียกน้ำย่อยกันบ้าง เริ่มจาก Lobster (1,400 บาท) ซึ่งจานนี้เชฟเลือกใช้ล็อบสเตอร์ตัวโต เนื้อหวานตามธรรมชาติ มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก เสิร์ฟมากับอโวคาโดราดด้วยน้ำมันมะกอกธรรมชาติเพิ่มรสชาติด้วย Lemon Dressing และ Pickled Red Onions
อีกจานคือ Vitello Tonnato (580 บาท) เมนูอาหารจากแคว้น Piedmont ของอิตาลี ที่ใช้เนื้อลูกวัวส่วนขาหลังหรือ Eye Round ไปตุ๋นหรือเคี่ยวจนสุกก่อนจะหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เสิร์ฟแบบเย็นมาพร้อมผักดอง และ Sicilian Capers
มาถึงส่วนของ Main Course เริ่มจากเมนู Spaghetti Ricci (1,800 บาท) สปาเก็ตตี้ Aglio Olio Peperoncino ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ Sea Urchins หรือไข่หอยเม่น พระเอกของจานนี้
อีกจานน่าทานคือ Lobster Catalana (2,600 บาท) จานนี้ให้ความสดชื่นเป็นพิเศษ เพราะมีพระเอกเป็น Poached Lobster Catalan วางเรียงสลับกับมะเขือเทศเชอร์รี และหัวหอมปรุงรสราดด้วยน้ำมันมะกอกและซอสเลมอนสูตรเฉพาะของทางร้าน
อีกจานที่อยากแนะนำคือ Black Angus Beef Tenderloin (1,600 บาท) เนื้อวัว Black Angus ส่วน Tenderloin ที่ผ่านการย่างมาอย่างพอดี เสิร์ฟเคียงมากับ มันฝรั่งบด Morel Mushrooms, Seasonal Mushrooms และ Truffle Jus
ปิดท้ายกันด้วยขนมหวานอย่าง Tiramisú (500 บาท) สไตล์อิตาเลียนดั้งเดิมที่ใช้เพียง Espresso และ Mascarpone Cream รสชาตินุ่มนวล ละมุน
หรือจะเป็นเมนู Rum Baba (380 บาท) ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เมนูนี้คือขนมฝรั่งเศสมีเนื้อเบา ราดด้วยซอสเหล้ารัม และท็อปด้วยครีมนุ่ม ๆ และผลไม้สด หวานอมเปรี้ยว เป็นการปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างน่าประทับใจ