Cooking from the Heart
'ลาดหญ้า' เป็นชื่อย่านที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคยนักว่าตั้งอยู่บริเวณไหนของกรุงเทพฯ และมีอะไรโดดเด่นที่ควรค่าแก่การเดินทางไปเยือน และหากได้ลองทราบเรื่องราวของร้าน รสเตี๋ยว ร้านอาหารขนาดกะทัดรัดที่ครอบคลุมพื้นที่หนึ่งคูหา พร้อมเสิร์ฟเมนูสไตล์เอเชียนสุดพิเศษซึ่งทุกจานรังสรรค์ผ่านฝีมือของชายหนุ่มผู้หลงใหลการทำอาหารอย่างสุดหัวใจ
“อาหารของเราไม่เหมือนที่ไหนเพราะเราคิดสูตรเองทุกอย่าง เราชอบเวลาไปเดินตลาด เพราะจะเจออะไรที่น่าสนใจ เมื่อเราเดินตลาดเองจะรู้ได้ว่าควรซื้อสิ่งนั้นกลับมาเพื่อใช้ทำอะไร” คำบอกเล่าแสนเรียบง่าย ถูกเล่าผ่านแววตาที่มุ่งมั่นและ Passion อันเปี่ยมล้นของ คุณตี๋-สรวิชญ์ คูเกษมรัตน์ ที่ผสานเอารูปแบบของอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น และตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
Homey Taste
รสเตี๋ยว เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน โดยตัวร้านอยู่ติดกับถนนท่าดินแดง โดดเด่นด้วยประตูกระจกกรอบไม้ที่นำพาทุกคนไปค้นพบกับความอร่อยของมื้อสุดพิเศษ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ โดยด้านในมีโต๊ะไม้ตั้งอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่โต๊ะ จัดสรรพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน บนผนังตกแต่งด้วยภาพเก่าสุดคลาสสิกและโครงสร้างร้านที่ถูกรีโนเวทไปยังคงทิ้งร่องรอยเดิมของตัวอาคารเก่าไว้ ชวนให้นึกย้อนไปถึงวันวานเมื่อครั้งอดีต
กลิ่นหอม ๆ และเสียงจากการทำอาหาร อันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาดังแว่วมาจากในครัว เป็นเครื่องยืนยันว่าทางร้านพร้อมเสิร์ฟความอร่อย โดยเมนูทานเล่นจานแรกที่ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะคือเมนู ยำเต้าหู้ไข่เยี่ยวม้า (150 บาท) เต้าหู้นิ่มญี่ปุ่นชิ้นสวย มาพร้อมกับซอสสูตรพิเศษที่คุณตี๋เปลี่ยนจากการใช้จิ๊กโฉ่วมาเป็นพอนสึที่ทางร้านผสมขึ้นเอง ผสานเข้ากับกลิ่นหอม ๆ ของน้ำมันงา กระเทียม และพริกเซี่ยงไฮ้ โรยด้วยต้นหอม แล้วเสิร์ฟเคียงมากับไข่เยี่ยวม้า ทานเรียกน้ำย่อย พร้อมเติมความสดชื่นระหว่างรอจานหลัก
ต่อมาเป็นเมนูที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นจีนอย่าง เป็ดอโรมาติก (240 บาท) จานนี้คุณตี๋เล่าให้ฟังว่าเป็นเมนูคลาสสิกที่พบเจอได้ทั่วไปในย่าน China Town ของต่างประเทศ โดยคุณตี๋นำเป็ดไปตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม ก่อนจะนำไปทอดและยีให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เสิร์ฟพร้อมกับแป้งสำหรับห่อ ผักเคียง และซอสสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นเอง
A Good Combination
ส่วนเมนูไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเลยคือ พาสต้ามันปู (250 บาท) พาสต้าที่ปรุงรสแบบญี่ปุ่น ราดซอสคาโบนาราที่ผสมผสานเข้ากับมันปูหรือคานิมิโสะ อีกทั้งยังให้รสสัมผัสของเนื้อปูให้ได้เคี้ยวไปพร้อม ๆ กัน ออกมาเป็นอีกหนึ่งจานพิเศษที่ให้รสชาติสุดประทับใจ
ส่วนใครที่ชอบทานหมูกรอบต้องสั่ง หมูมิโสะ (180 บาท) มาลองชิม เมนูนี้คุณตี๋เลือกใช้เนื้อหมูส่วนของสันคอไปผ่านการ Sous-Vide นานถึง 30 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปทอดจนกรอบและเสิร์ฟมาพร้อมกับซอสมิโสะที่มีส่วนผสมของน้ำตาล มิริน และครัมเบิ้ลโหระพา