The New Bistro Wine Bar in Sukhumvit
จาก Proper Wine Bar สู่การพัฒนาตัวตนเป็น Saam (สาม) บิสโทรไวน์บาร์ของคุณนริสา โพธิกุลชนันท์และเชฟศรีล โรจนเมธินทร์ จาก Small Dinner Club ที่ครั้งนี้ขอนำเสนอมุมมองใหม่ของรสชาติไทย ผ่านวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน สอดแทรกกลิ่นอายของบรรยากาศสไตล์เมลเบิร์น ที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์การเปิดร้านอาหารและใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลียของเชฟศรีลเอง
Modern Vibes
ตัวร้านแอบซ่อนอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ในฐานะบิสโทรไวน์บาร์น้องใหม่ที่พกพาความทันสมัยมาให้คุณได้อิ่มอร่อยกันในบรรยากาศสุดชิลล์ ดื่มด่ำไปกับลิสต์ไวน์บาร์ชั้นเลิศ พร้อมมอบกับประสบการณ์สุดพิเศษให้คุณได้สัมผัสด้วยตัวเอง ผ่านบรรยากาศสบาย ๆ ที่ Saam (สาม) ตั้งใจสะท้อนถึงพัฒนาการในครั้งที่ 3 ขั้นที่สมบูรณ์แบบที่สุด เป็นการรวมสมดุลระหว่างประเพณีและวัฒนธรรม ภายในจึงถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น แบ่งสรรปันส่วนที่นั่งได้อย่างเป็นส่วนตัว พร้อมให้คุณแวะมาเอนจอยกับแก๊งเพื่อนหรือคู่รักได้ตลอดค่ำคืน
The Intersection of Culinary Cultures
หัวใจของ Saam คือการหลอมรวมรสชาติของอาหารไทยผ่านมุมมองของอาหารออสเตรเลีย ที่ได้ยกไวน์บาร์แบบออสเตรเลียมาไว้ที่กรุงเทพฯ คัดสรรลิสต์ไวน์อย่างพิถีพิถันจากโรงงานบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงและเข้ากันได้ดีกับรสชาติของจานอาหารแต่ละจาน เช่นเดียวกันกับการรังสรรค์รสชาติใหม่ ๆ ของเมนูอาหารที่นี่ ซึ่งเชฟตั้งใจให้วัตถุดิบไทยเป็นพระเอกหลัก ก่อนจะนำไปผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ผสมผสานรสชาติและเทคนิคสะท้อนความเป็นออสซี่ออกมาอย่างคาดไม่ถึง
เริ่มต้นกันที่ เมนู SAAM hoy thod (360 บาท) เมนูที่เชฟนำมาตีความใหม่กับหอยนางรมในแป้งบางกรอบ เสิร์ฟมาคู่กันกับมายองเนสน้ำผึ้งเลมอนและมัสตาร์ด ให้ความหวานเปรี้ยวลงตัวในทุก ๆคำ
หรือจะลองเป็น Larbbb Duck Croquette (330 บาท) ลาบเป็ดสไตล์อีสาน มาพร้อมกับเครื่องลาบรสแซ่บซี๊ดหอมกลิ่นสมุนไพร เสิร์ฟในรูปแบบโครเกต์พอดีคำ ให้คุณแชร์ริ่งกับเพื่อนได้แบบสนุก ๆ
ต่อกันด้วย Grilled Cabbage (280 บาท) เมนูที่ยกระดับกะหล่ำปลีให้พิเศษกว่าที่เคย ด้วยการนำกะหล่ำปลีไปดองเพื่อเพิ่มมิติของรสชาติ จากนั้นนำไปย่างจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ก่อนจะราดด้วย Creamy Salted Fish Butter Sauce ก่อนจะโรยด้วยกระเทียมเจียว เพิ่มความเค็มมันจาก Lardo ไขมันหมูที่ติดกับกระดูกหลังหมักด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ และ Guanciale เบคอนสไตล์อิตาเลียนที่หมักด้วยสมุนไพร จากนั้นนำไปอบจนมีเนื้อสัมผัสที่แน่นและรสชาติเข้มข้น
จานถัดมาเป็น Yellowtail Crudo (420 บาท) เมนู Crudo ที่เชฟเลือกใช้ปลา Yellowtail หรือปลาตาเหลืองที่มีเนื้อแน่น สด หวานและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมาหมักด้วยเกลือและน้ำตาล จากนั้นราดด้วยซอสส้มและขิง ที่ให้ความอโรมาและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จากสูตรลับของเชฟ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งกรอบโฮมเมด เพิ่มเท็กซ์เจอร์เคี้ยวสนุกในทุก ๆ คำ
ต่อกันที่จานหลักอย่าง S.F.C. (650 บาท) เมนู Baby Chicken ที่ใช้ไก่ทั้งตัวผ่านกรรมวิธีแบบ Triple Fries ชุบแป้งปรุงรสจากนั้นนำไปทอดในอุณหภูมิต่ำ ให้ความกรอบนอกนุ่มใน อร่อยเต็มคำ เสิร์ฟมาพร้อมกันซอสศรีราชามาโย เคียงด้วย Salad with a Twist สลัดเคียงซิกเนเจอร์ที่ผสานยอดมะพร้าวอ่อน สมุนไพร ดอกไม้และผักดองสูตรพิเศษของเชฟ ให้รสชาติเปรี้ยวสดชื่น เข้ากันกับเมนูจานหลักได้เป็นอย่างดี
ส่วนใครถนัดเมนูเส้นลองเป็น Thai Bolognese (410 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นโฮมเมดราดซอส Bolognese แบบไทย ๆ ให้รสชาติกลมกล่อม สะท้อนความเป็นไทยและอิตาเลียนได้อย่างลงตัว
ปิดท้ายกันด้วยของหวานน่าลองอย่าง Re-imaginedd Tom-Yum sundae (290 บาท) ไอศกรีมซันเดย์ต้มยำ ให้ความเผ็ดร้อนหอมกลิ่นเครื่องต้มยำอย่างเป็นเอกลักษณ์ หรือจะลองเป็น Crêpe Brûlée (320) เครปบรูเล่ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอม ๆ ของคัสตาร์ดขิงและตะไคร้เนื้อเนียน โรยน้ำตาลคาราเมลไรซ์ให้ความกรอบแบบบรูเล่ ราดด้วยคาราเมลมะนาว เพิ่มความหวานอมเปรี้ยวได้ความสดชื่นช่วยปิดท้ายมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี