Published on September 24, 2020

An Italian Neighbourhood - Inspired Osteria

หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดแท้ ๆ ที่มีบรรยากาศสบาย ๆ มีมุมไพรเวทไม่พลุกพล่าน และเต็มไปด้วยเมนูอาหารที่หลากหลาย ลองแวะมาที่  Salvia (ซาลเวีย) ห้องอาหารอิตาเลียนของโรงแรมสุดหรู Grand Hyatt Erawan Bangkok ที่มาพร้อมบรรยากาศสบาย ๆ แต่แฝงด้วยความอบอุ่นโดยได้แรงบันดาลใจจากสไตล์​ร้านประเภท Osteria (ร้านอาหารประเภทหนึ่งของอิตาลี ส่วนใหญ่จะเป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีบรรยากาศสบาย ๆ เน้นเสิร์ฟอาหารและไวน์เป็นหลัก) ในประเทศอิตาลี 

 

Salvia (ซาลเวีย)

 

บรรยากาศ Casual & Cozy ที่ทั้งสงบและเป็นส่วนตัว

Casual & Cozy

ตัวร้านตกแต่งในบรรยากาศสบาย ๆ และอบอุ่น เสริมความเป็นส่วนตัวด้วย Panel ไม้กั้นระหว่างที่นั่ง พร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์ของร้านอย่างโซฟาตัวยาวและเก้าอี้สาน ส่วนอีกมุมหนึ่งของร้านยังมีบาร์ให้ได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งจิบเครื่องดื่มยามค่ำคืน เหมาะสำหรับพาเพื่อน ครอบครัว หรือคนพิเศษมาใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน

 

มุมส่วนตัวที่เหมาะสำหรับพาเพื่อน ครอบครัว หรือคนพิเศษมาใช้ช่วงเวลาดี ๆ รับประทานอาหารร่วมกัน

 

การตกแต่งร้านได้รับแรงบันดาลใจมาจากร้านอาหารสไตล์ Osteria ตามแบบฉบับอิตาเลียน

 

อีกมุมหนึ่งของโซนบาร์

The Italian Chef

สำหรับเมนูอาหารของที่นี่ได้ Roberto Parentela เชฟชาวอิตาเลียนมาเป็นผู้ดูแลทั้งหมด โดยเชฟได้เริ่มทำอาหารมาตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี ด้วยความหลงใหลและตั้งใจที่จะนำเอาประสบการณ์ชีวิตและสูตรต้นตำรับจากแคว้นปิเยมอนเต (Piedmont) บ้านเกิดของเขา ซึ่งสื่อถึงความเป็นชาวซาร์ดิเนียน (Sardinian) มาผสมผสานวัฒนธรรมการทำอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม และนำมาใช้ครีเอตสร้างสรรค์แต่ละเมนู 

Authentic Italian Recipes

อาหารของร้าน Salvia เป็นสไตล์อาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม โดยเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี นำเข้าจากต่างประเทศและวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทย มีเมนูคลาสสิกให้เลือกลองอย่าง Non-Pasteurized Cheeses, Italian Cold CutsHomemade Pasta และ Napolitana Pizzas สูตรขึ้นชื่อจากเมืองต้นตำรับด้านการทำพิซซ่า ซึ่งใช้เวลาอบในเตาฟืนและหมักแป้งเป็นเวลา 48 ชั่วโมงตามสูตร Neapolitan แท้ ๆ สามารถแชร์กันทานได้หลายคนและอิ่มอร่อยแบบกำลังดี

มาเริ่มต้นที่เมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Prosciutto cotto (350 บาท) โฮมเมดแฮมที่นำไปต้มกับใบ Sage สมุนไพรชนิดหนึ่งที่ให้ความหอมเป็นเอกลักษณ์ ทานคู่กับเนยสไตล์อิตาเลียนและขนมปังโทสต์กรอบนอกนุ่มใน

 

Prosciutto cotto (350 บาท)

ต่อด้วย Burrata e pomodori (390 บาท) สลัดชามโตที่ใช้ชีส Burrata สดใหม่คุณภาพดี ซึ่งเป็นชีสพิเศษที่ทางร้านได้พัฒนาสูตรและครีเอตรสชาติเฉพาะร่วมกับ Local Cheese Maker ส่งตรงจากหัวหิน ให้รสชาติหอมมันกำลังดี ซึ่งเข้ากันกับมะเขือเทศออร์แกนิกเนื้อสีแดงฉ่ำ หอมแดง และมะกอก มั่นใจได้ว่าปลอดสารพิษ เพราะส่งตรงความสดใหม่จากสวนในประเทศไทยที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพ

 

Burrata e pomodori (390 บาท)

Special Dishes for Pasta Lover

ขาดไม่ได้กับเมนูพาสต้าสุดพิเศษ แนะนำ Fusilli caserecci al ferretto (330 บาท) เส้นฟูซิลลีที่ไม่ได้มาในรูปแบบเกลียวตามที่เราคุ้นเคย แต่เป็นเส้นโฮมเมดแบบยาวและหนานุ่ม เสิร์ฟมาพร้อมซอสรากูลเนื้อแกะที่ใช้วิธีการ Slow Cooked เคี่ยวตุ๋นจนได้เนื้อที่นุ่ม ก่อนท็อปด้วย Ricotta ชีสแห้งที่ให้รสชาติเข้มข้นทุกคำ หรือจะเป็น Paccheri neri al granchio (790 บาท) เชฟใช้ Paccheri พาสต้าชนิดพิเศษ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเมือง Campania ทางตอนใต้ของอิตาลี จะมีลักษณะเป็นเส้นหลอดกลมขนาดใหญ่ผสมกับหมึกดำ ผัดเข้ากับเนื้อปูทะเลเน้น ๆ จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รสกลมกล่อมและความสดหวานของเนื้อปู

 

Fusilli caserecci al ferretto (330 บาท)

 

Paccheri neri al granchio (790 บาท)

มาถึงเมนู Stinco di agnello (940 บาท) นำ Lamb Shank เนื้อแกะส่วนขาด้านหน้าไปตุ๋นอย่างช้า ๆ กับแครอทและเครื่องปรุงรสที่เรียกว่า Gremolata ซึ่งมีกระเทียม มะนาว และผักชีฝรั่งสับละเอียด จนได้เนื้อที่เปื่อยหอมนุ่มละลายในปาก

ถัดมาเป็น Tagliata di manzo (350 g / 1,380 บาท) เมนูสำหรับคนรักเนื้อที่ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของร้าน เพราะเชฟมากริลล์ให้ดูกันถึงบริเวณสเตชันด้านนอก มาพร้อมกับความหอมของเนื้อ Grass-Fed Australian Angus Rib Eye ที่ผ่านการ Sous-Vide จนได้เนื้อที่นุ่มเป็นพิเศษ ก่อนนำไปย่างกับไม้องุ่น Grapevine เพื่อให้ได้กลิ่นรมควันหอม ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

 

Stinco di agnello (940 บาท)

 

อีกหนึ่งสีสันของทางร้านที่เชฟกำลังกริลล์เนื้อให้ดูกันถึงที่บริเวณสเตชันด้านนอก

 

Tagliata di manzo (350 g / 1,380 บาท)

ปิดท้ายด้วยเมนู Tiramisu (220 บาท) ขนมหวานในสไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ ที่ไม่ควรพลาด เพราะเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เนื้อขนมเลดี้ฟิงเกอร์บิสกิตนุ่ม ๆ แช่ลงไปในกาแฟเอสเพรสโซเข้มข้นจนชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นมาสคาร์โปนชีส และบรั่นดี Amaretto อันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงผงโกโก้ที่โรยท็อปด้านบน ออกมาเป็นขนมหวานที่อร่อยครบทุกรสในคำเดียว

และหากใครอยากดื่มด่ำกับรสชาติอาหารให้สมบูรณ์แบบที่สุด ทาง Salvia ยังมีเครื่องดื่มที่ช่วยชูรสชาติให้พิเศษยิ่งขึ้น อย่าง Italian Wines, Italian Sodas และค็อกเทลสุดคลาสสิกอื่น ๆ ที่คิดค้นสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มของโรงแรมให้ดื่มคู่กัน หรือหากอยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ บริเวณหน้าบาร์ ก็ดีงามไม่แพ้กัน

 

Tiramisu (220 บาท)

The Service Hours

ทางร้านเปิดให้บริการทั้งหมด 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงมื้อกลางวัน เวลา 11.30 - 14.30 น. และช่วงมื้อค่ำ เวลา 18.30 - 22.30 น.

สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ BANGH-Salvia1@hyatt.com หรือโทร 0-2254-1234
และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hyatt.com/en-US/hotel/thailand/grand-hyatt-erawan-bangkok/bangh/dining

Info
Hours
Everyday : 11:30AM - 2:30PM
6:30PM - 10:30PM
Price

฿฿฿฿ 501-1,000 บาทต่อคน

Address
ชั้น M โรงเเรม Grand Hyatt Erawan Bangkok เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS ราชดำริ

Facilities
Suggest an Edit