Bavarian Meets Bangkokian
นับเป็นครั้งแรกที่คนกรุงเทพฯ จะได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารควบคู่ไปกับการดื่มเบียร์อย่างเข้าถึงวัฒนธรรมการกินดื่มสไตล์บาวาเรียนของชาวเยอรมันมากที่สุด ณ Schneider Haus Bangkok ร้านอาหารไทย-เยอรมันเปิดใหม่ใจกลางย่านอารีย์ จากโรงเบียร์ Schneider Weisse ที่มีอายุยาวนาน 145 ปี มาถ่ายทอดในรูปแบบของคอมมูนิตี้ พื้นที่แฮงเอาท์ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ สุดผ่อนคลาย
Comfy in the Garden
Schneider Haus Bangkok ตอบโจทย์ความต้องการของคนกรุงเทพฯ ที่โหยหาพื้นที่ส่วนตัว หลบหนีความวุ่นวายจากภายนอก เพื่อเข้ามาชาร์จแบตความสบายใจในบ้านชไนเดอร์หลังใหญ่กลางสวนสวยสุดร่มรื่นแห่งนี้ โดยเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่คือ Biergarten (Beer Garden) ที่ทางร้านเลือกแบบการจัดสวนโดยอาศัยภูมิสถาปัตย์ (Landsacpe Architecture) วางผังออกแบบโซนต่าง ๆ ให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย พยายามทำออกมาให้เข้ากันกับเมืองไทยให้มากที่สุด ตัวบ้านชไนเดอร์โอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกที่เห็นวิวสวนโดยรอบ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกก็มอบความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ สบายตา และเป็นส่วนตัว เหมือนได้นั่งทานอาหาร จิบเครื่องดื่มที่บ้านไม่ต่างกัน
East Meets West
ที่นี่เน้นเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มในคอนเซ็ปต์ East Meets West คือการนำเอาเมนูอาหารเยอรมันมาทวิสต์กับอาหารไทย โดยมีเครื่องดื่มชไนเดอร์เป็นตัวเชื่อมโยงบางเมนูจับคู่เพื่อเสริมรสชาติกัน เริ่มต้นกันด้วย Schnitzel (280 บาท) ซิกเนเจอร์เมนูที่คนเยอรมันนิยมทานกัน หรือหมูชุบแป้งทอดสไตล์ยุโรป ที่เสิร์ฟมาพร้อมสลัดผักสด มันบด และน้ำซอสปรุงรสสูตรเฉพาะของทางร้าน
ตามมาด้วยเมนูเบา ๆ อย่าง สตูว์เนื้อกวางและสปาซเซิลกับเบียร์ชไนเดอร์ Tap 6 (390 บาท) สตูว์เนื้อกวางที่เคี่ยวจนนุ่ม ชุ่มด้วยน้ำซอสสูตรพิเศษที่ใส่เบียร์ชไนเดอร์แท็ป 6 เสิร์ฟมาพร้อมกับเส้นสปาซเซิล
ก่อนจะเติมความแซ่บให้มื้อนี้ด้วยเมนูไทย ๆ รสจัดจ้านอย่าง ส้มตำชไนเดอร์กับเบียร์ชไนเดอร์ Tap 7 (250 บาท) ชไนเดอร์แท็ป 7 ลงไปเพื่อเสริมรสชาติ ให้ความรู้สึกเหมือนทานตำซั่วที่ใช้เส้นสปาซเซิลแทนเส้นขนมจีนนั่นเอง
มาถึงเมนูไฮไลท์กับ ขาหมูเยอรมันคั่วพริกเกลือกับเบียร์ชไนเดอร์ Tap 5 (550 บาท) ซิกเนเจอร์เมนูของชาวเยอรมันที่ทางร้านมาประยุกต์รสชาติให้ถูกปากคนไทยที่ชอบทานอาหารรสจัดด้วยการใส่พริกกระเทียมและเกลือเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมใส่เบียร์ชไนเดอร์แท็ป 7 ลงไปเพื่อเสริมรสชาติให้เข้มข้นกลมกล่อมมากขึ้น
แล้วปิดท้ายด้วย แกงเหลืองหน่อไม้ปลากะพง (200 บาท) แกงเหลืองที่คัดสรรวัตถุดิบพืชผัก เนื้อสัตว์ และเสิร์ฟตามฤดูกาลของไทย ปรุงรสชาติออกมาได้เข้มข้นตามต้นตำรับของอาหารปักษ์ใต้