Go with the Flow
ลึกลับซับซ้อนจนแทบไม่เชื่อว่าเมื่อเราเดินเข้ามาในตรอกเล็ก ๆ ริมถนนพระอาทิตย์ จะเจอกับร้านอาหารสุดชิคที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ใกล้กับท่าเรือพระอาทิตย์ Sheepshank Public House ปรับเปลี่ยนจากอู่ต่อเรือเก่า กลายเป็นร้านอาหาร Hangout ที่เก๋ไก๋ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จากเดิมที่เป็นอู่ต่อเรือ เลยปรับเปลี่ยนร้านให้อิงกับแนวเดิม แบบ Industrial Style ดูเท่มีสไตล์ ด้วยกำแพงอิฐบล็อก ใช้ตะขอต่อเรือมาเกี่ยวกับโคมไฟ พร้อมเปิดเผยโครงเหล็กและแผ่นไม้ให้ดูเข้ากับบรรยากาศโดยรอบ พร้อมสื่อมาถึงรูปแบบอาหารที่เน้นใช้วัตถุดิบซีฟู้ดมาทำให้เข้ากับทำเลที่ตั้งริมน้ำ
ด้วยประสบการณ์จากที่เคยทำร้านอาหาร Seven Spoons ของกลุ่มเพื่อนกันมาก่อน เมื่อมีโอกาสเลยขยายมาทำร้านนี้ด้วย โดยเนรมิตอู่ต่อเรือเก่าให้กลายเป็นร้าน Hangout บรรยากาศดี พร้อมเสิร์ฟอาหารรสเยี่ยม และโยงกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรือและแม่น้ำ เหมาะแก่การมาสังสรรค์ หรือพาคนพิเศษมาชิลล์กันที่นี่ก็ได้One Melting Pot
สำหรับอาหารที่นี่น่าทานทุกจาน เป็นสไตล์ New American โดยเชฟใช้วัตถุดิบคุณภาพ เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ Grilled Squid and Chorizo Skewers with Chipotle Aioli (220 บาท) ปลาหมึกเสียบไม้ พร้อมไส้กรอกแผ่นบาง ทานคู่ซอสที่ให้รสชาติออกเผ็ดหน่อยเข้ากันดี ต่อด้วยเมนูขายดีอย่าง Sizzling Razor Clams with Pancetta and Fennel Butter Sauce (320 บาท) หอยหลอดที่คลุกเคล้ากับซอสรสจัดขึ้นมาหน่อย น่าจะถูกปากคนไทย
มาถึงจานสลัดจะเป็น Crab and Green Apple Salad with Dijon Mustard Dressing (260 บาท) สลัดปูกับแอปเปิ้ลเขียวราดซอสมัสตาร์ด Oxtail Tortellini with Brown Butter and Walnuts (320 บาท) พาสต้าที่เป็นแผ่นเกี๊ยวห่อเนื้อหางวัวข้างใน รสชาติกลมกล่อมค่ะ ส่วนจานหลักแนะนำเป็น Duck Confit with Capsicum, Apple and Brown Sugar Glaze (390 บาท) เนื้อเป็ดกรอบนอกนุ่มใน พิเศษตรงทำน้ำมันเฉพาะของเราเอง ให้ไม่มีกลิ่น ทานกับแอปเปิ้ลเชื่อมและซอสหวาน
Stiff and Strong
เครื่องดื่มที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ค็อกเทลคลาสสิคอย่าง Negroni (280 บาท) เห็นแก้วเล็กสีแดงแบบนี้ แรงไม่เบาเลย หรือใครจะลองจิบ Dry Martini (240 บาท) แก้วนี้ก็นิยมสั่งมาดริงค์กัน หากอยากลดดีกรีลงหน่อยเป็น Mojito (240 บาท) เปรี้ยวหวานดื่มได้ง่าย ๆ อย่าลืมถามถึงเมนู Craft Beer พิเศษจากอิตาลีด้วยเมื่อแวะไป