Slow Life at CASA LAPIN’s Slow Bar
ในวันสบาย ๆ ที่ Coffee Lover สายสโลว์บาร์ทั้งหลายไม่รีบไปไหน อยากชวนแวะไปจิบกาแฟชิลล์ ๆ ดื่มด่ำความสโลว์ไลฟ์กันสักหน่อยที่ SLOW by CASA LAPIN จุดนัดพบแห่งใหม่ของเหล่าคอกาแฟตัวจริง โดยเฉพาะแฟน ๆ ของแบรนด์ CASA LAPIN ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ดื่มกาแฟที่ละเมียดละไมมากขึ้นในวิถีของสโลวบาร์ 100% ซึ่งล้วนผ่านกระบวนการดริป การสกัดเย็น (Cold Brew) การใช้เครื่อง Aeropress และ Siphon ในการชง หรือการครีเอต Signature Drink ประเภทม็อกเทลที่ทำเสิร์ฟกันแบบแก้วต่อแก้วเลยทีเดียว
Everything Takes Time
สำหรับที่มาของคำว่า ‘SLOW’ ซึ่งถูกนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อร้านนั้น มาจากนิยาม 2 ความหมายด้วยกัน คือ ‘Slow Bar’ อุปกรณ์สโลว์บาร์ทั้งหมดที่ใช้ครีเอตเมนูกาแฟ และ ‘Slow Life’ การใช้ชีวิตแบบเนิบช้า ดื่มด่ำช่วงเวลาคุณภาพในแบบที่เรียกว่า ‘Everything Takes Time’ โดยแต่ละเมนูเครื่องดื่มที่ทางร้านทำออกมานั้น จะต้องมีความพิถีพิถัน ทำอย่างละเมียดละไม ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานพอสมควร
สัญลักษณ์หยดน้ำที่ปรากฏอยู่บนตัวอักษรของชื่อร้าน SLOW สื่อถึง ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการครีเอตเครื่องดื่มทุกเมนูนั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น SLOW by CASA LAPIN แห่งนี้ ยังเป็นเสมือนที่แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น เป็น community ของคนรักกาแฟสายสโลว์บาร์ ให้ได้มารวมตัว ร่วมพูดคุยกัน ระหว่างผู้ที่ชื่นชอบหรือสนใจในเรื่องกาแฟกับทีมบาริสต้าได้อย่างจริงจัง
SLOW Coffee and More
ภายในร้านมีเมล็ดกาแฟทั้งของไทยและต่างประเทศให้เลือกชงมากมายหลากหลายชนิด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเมล็ดกาแฟไทยคั่วกลางค่อนไปทางคั่วอ่อน ซึ่งให้โทนฟรุ๊ตตี้ เหมาะแก่การดื่มกาแฟแบบดริปมากที่สุด อีกทั้งยังมีอุปกรณ์การชงแบบสโสว์บาร์ให้ได้เลือกช้อปกลับไปลองทำเองที่บ้านด้วย
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ชงกาแฟของทางร้าน จะเป็นอุปกรณ์ Slow Bar ทั้งหมด ไม่ผ่านเครื่องชง Espresso โดยจะมีอุปกรณ์ Drip, Aeropress และ Syphon ส่วนเมล็ดกาแฟที่ทางร้านเลือกใช้จะค่อนข้างหลากหลาย ทั้งเมล็ดกาแฟไทยและเมล็ดกาแฟสายพันธุ์จากต่างประเทศ (มีเมล็ดกาแฟให้เลือกชงประมาณ 9 แบบ และจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปในทุก ๆ 3 เดือน) ให้ลูกค้าได้เลือกเมล็ดกาแฟที่สนใจหรือชื่นชอบ ซึ่งหากใครที่ยังไม่ทราบว่าจะเลือกเมล็ดกาแฟแบบไหนดีก็สามารถสอบถามข้อมูลหรือรายละเอียดคำแนะนำเพิ่มเติมจากทางบาริสต้าได้โดยตรง เพื่อที่จะได้จิบกาแฟรสชาติที่ใช่ในแบบที่ชอบ
นอกจากอุปกรณ์ Slow Bar พื้นฐานแล้ว ทางร้านยังมีกาแฟไนโตรไว้คอยให้บริการอีกด้วย โดยจะเบสรสชาติด้วยกาแฟโคลด์บรูว์เป็นหลัก (กาแฟโคลด์บรูว์ผสมวานิลลา, กาแฟโคลด์บรูว์ผสมนมข้าวโอ้ต และกาแฟโคลด์บรูว์ผสมไซรัปสูตรเฉพาะของทางร้าน) ซึ่งดื่มง่าย ได้รสชาติที่ละมุนกว่ากรรมวิธีชงรูปแบบอื่น ๆ
ในระหว่างที่รอเสิร์ฟกาแฟแก้วโปรดหรือเครื่องดื่มม็อกเทล ก็จะได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเมล็ดกาแฟ การชงกาแฟแบบสโสว์บาร์ พร้อมเพลิดเพลินตาไปกับหลากหลายขั้นตอนวิธีการชงเครื่องดื่มของเหล่าบรรดาบาริสต้ามากฝีมือที่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ ท่ามกลางบรรยากาศร้านในมู้ดโทนของสีไม้ สีส้ม ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น สบาย ๆ และเป็นกันเอง
สำหรับเมนูเครื่องดื่มแนะนำน่าลองของที่นี่ เริ่มต้นด้วย Drip Coffee (Hot) (120 บาท) กาแฟดริปร้อน Filter Coffee ที่เลือกใช้ ‘Maeliam’ เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน-กลาง ที่ให้ Taste Notes ของเกรปฟรุ๊ต ดื่มง่าย เหมาะสำหรับคอกาแฟที่ชอบดื่มโทนฟรุ๊ตตี้
Maeliam เป็นเมล็ดกาแฟไทยที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน เหมาะสำหรับคนที่เริ่มดื่มกาแฟ เพราะเมล็ดกาแฟไทยส่วนใหญ่จะมีค่ากลาง ที่ให้รสชาติไม่เข้มขมจนเกินไป เมื่อบวกกับความเป็นเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนที่ให้รสหวานอมเปรี้ยวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้กาแฟแก้วนั้น ๆ ดื่มง่ายมากขึ้น
ตามมาด้วยเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง Mr.Jack (160 บาท) ม็อกเทลที่เป็นซิกเนเจอร์ดริงก์ของทางร้าน เป็นการนำเอาผลไม้ไทยที่มีทุกฤดูกาลอย่างขนุนมามิกซ์เข้ากับชามะลิ ให้กลิ่นหอมสดชื่นของยูซุและรสชาติของขนุนอย่างเป็นเอกลักษณ์ ท็อปด้วยครีมสดด้านบน เพื่อเพิ่มความละมุน กลิ่นหอมหวานเหมือนได้ทานขนม
ส่วนใครที่เป็นคอกาแฟสาย Nitro Cold Brew ต้องลองสั่ง Shakira (160 บาท) กาแฟ Cold Brew ผสมน้ำส้มยูซุและลิ้นจี่ เพิ่มความหอมด้วยการสโมคควันจากชาพีช แล้วท็อปด้วยโฟม Nitro ที่ให้รสละมุน ดื่มแล้วสดชื่น
นอกจากเมนูกาแฟและเครื่องดื่มม็อกเทลแล้ว ทางร้านยังเสิร์ฟเครื่องดื่ม Non-Coffee และน้ำชาเสิร์ฟพร้อมกา ให้เป็นทางเลือกแก่ผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ และหากใครที่กำลังมองหาขนมเบเกอรีไว้ทานรองท้องควบคู่ไปกับการดื่มกาแฟด้วยแล้วละก็ ทางร้านก็มี Loaf Cake - Dark Beer (100 / 120 บาท) เค้กดาร์กช็อกโกแลตเนื้อแน่นที่มีส่วนผสมของเบียร์ดำ หนึ่งในเมนูเบเกอรีโฮมเมดของทางร้าน โดยด้านบนโปะครีมชีสหนานุ่ม โรยด้วยอัลมอนด์กรุบกรอบ เมื่อตักทานให้รสนวลละมุนของครีม ความเข้มขมของดาร์กช็อกโกแลต และความหอมของเบียร์บาง ๆ ที่เข้ากันอย่างลงตัว
Loaf Cake ของทางร้านมีให้เลือกทานทั้งหมด 3 รสชาติ คือ Lemon, Carrot และ Dark Beer ซึ่งแต่ละรสชาติก็จะมีส่วนผสมและการตกแต่งเค้กที่แตกต่างกันไป
รวมถึงน้ำผลไม้แบบแยกกากและน้ำสมุนไพรสำเร็จรูปในเครือของแบรนด์ CASA LAPIN อย่าง Lemongrass Juice (50 บาท) น้ำตะไคร้หอม ให้ได้เติมความสดชื่นระหว่างวันอีกด้วย
สายสโลว์บาร์ตัวจริงต้องรีบหน่อย แวะมาสัมผัสความสโลว์ไลฟ์ไปกับกาแฟแก้วโปรดได้แล้ววันนี้ที่ ‘SLOW by CASA LAPIN’ ซึ่งทางร้านจะเปิดให้บริการภายในเดือนกันยายน 2565 นี้เท่านั้น!