After Dinner
สำหรับใครที่เสร็จจากมื้อค่ำที่ Brasserie Cordonnier หรือถ้ากำลังมองหาที่นั่งชิลล์ แนะนำให้ขึ้นไปจิบค็อกเทลปิดท้ายที่ชั้นบนซึ่งเป็นที่ตั้งของ Sole Rouge บาร์และพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะที่มีกลิ่นอายของแฟชั่นฝรั่งเศส
Spacious & Chic
Sole Rouge ตั้งอยู่บนชั้น 3-4 ของ Brasserie Cordonnier ร้านอาหารฝรั่งเศสในซอยสุขุมวิท 11 เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน จะพบกับความโอ่โถงของบาร์แห่งนี้ที่มีเพดานสูงถึง 6 เมตร
Fashion is Everywhere
รอบ ๆ ร้านถูกรายล้อมด้วยรองเท้าสตรีกว่า 360 คู่ ซึ่งสื่อถึงความเป็นแฟชั่นของ Sole Rouge และ Brasserie Cordonnier เป็นอย่างดี พร้อมสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับบาร์ยามค่ำคืนด้วย Live DJ ที่ผลัดกันมาสร้างสีสันตลอดคืนFrench Dishes & Fashion Drinks
ที่เคาน์เตอร์บาร์พบกับ Davide Sambo มิกโซโลจิสต์ผู้อยู่เบื้องหลังเมนูเครื่องดื่มของ Havana Social, Above Eleven, Brasserie Cordonnier และ Charcoal Tandoor Grill & Mixology โดยคุณดาวิเด้ได้ครีเอทค็อกเทลเมนูพิเศษสำหรับ Sole Rouge โดยเฉพาะ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศส อีกทั้งยังมีคลาสสิกค็อกเทลและเมนูเด่นจาก Brasserie Cordonnier ส่วนเมนูอาหารครีเอทโดย เชฟเคลมองต์ เฮอร์นานเดซ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ นำเสนอเมนูทานง่ายและดัดแปลงให้เหมาะสำหรับทานคู่กับค็อกเทล ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะมีการจัดค็อกเทลแพร์ริ่งกับอาหารฝรั่งเศส
เมนูที่ขาดไม่ได้สำหรับอาหารฝรั่งเศสก็คือ Oyster Fine de Cancale No.3 (3 ตัว 260 บาท / 6 ตัว 480 บาท / 9 ตัว 920 บาท) หอยนางรมฝรั่งเศส ทานคู่กับน้ำส้มสายชูไวน์แดง เข้ากันได้ดีก็เครื่องดื่มแทบทุกประเภทหรือจะเป็น Mixed Platter (480 บาท) รวมมิตรโคลด์คัท ชีส และเครื่องเคียงโฮมเมด
ต่อด้วย Organic Mussels Marinière with French Fries (720 บาท) หอยแมลงภู่จากฟาร์มออร์แกนิกอบซอสไวน์ขาว เสิร์ฟพร้อมเฟรนช์ฟรายส์
Chanel (360 บาท) ด้วยความที่เป็นคาแรกเตอร์เนี้ยบ เรียบหรู และคลาสสิก คุณดาวิเด้จึงดัดแปลงจินมาร์ตินีค็อกเทลโดยนำไปอินฟิวส์กับดอกไม้ ออกมาเป็นฟลอรัลมาร์ตินี ให้กลิ่นหอมน่าค้นหา เหมาะสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง
Gucci (300 บาท) แบรนด์สัญชาติอิตาลี เบสด้วยวอดก้าและอเพอรอล นำเสนอความเป็นอิตาเลียนผ่านทางบิทเทอร์และมินต์โฟมรสนุ่มหอม พร้อมแต่งแก้วด้วยข้าวโพดคาราเมลลนไฟจนกรอบ เหมาะสำหรับดื่มปิดท้ายเพื่อเรียกความสดชื่น