A Touch of Bohemian Chic
Tenshino ห้องอาหารบนชั้น 2 ของ โรงแรม Pullman Bangkok King Power โดยที่นี่เน้นเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ Innovative ที่สอดแทรกไปด้วยความโมเดิร์น รังสรรค์รสชาติโดย เชฟแพน-ขวัญชนก ศรีธาวัชร ความตื่นตาเคลื่อนเข้ามาทักทายทันทีที่ประตูร้านเปิดต้อนรับ ด้วยการตกแต่งร้านในสไตล์โบฮีเมียนชิค ผสมผสานเข้ากับความบิสโทร และโชว์รายละเอียดความคลาสสิกของพื้นผิวต่าง ๆ อย่างชัดเจน ทั้งเฟอร์นิเจอร์วินเทจ วอลเปเปอร์สีฉูดฉาด และพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสคประดับทองเหลือง
Classic Vibes in Private Area
ด้วยการตกแต่งสไตล์โบฮีเมียนชิคที่เรียบหรู แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งลูกเล่นความเป็นบิสโทรนิด ๆ ทำให้ร้าน Tenshino เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สงบและอบอุ่น เหมาะกับการทานอาหารมื้อพิเศษ ส่วนอีกหนึ่งความพิเศษอันโดดเด่นของที่นี่ต้องยกให้กับโคมไฟหลากหลายรูปแบบของที่ร้าน และบรรดาของเก่าสะสมที่ถูกนำมาประดับตกแต่ง เพิ่มบรรยากาศความคลาสสิกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีโซนที่นั่งให้เลือกหลากหลาย รวมถึง The Dining Room ที่จัดแบบหรูหราและเน้นความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีโซนโต๊ะอาหารความยาว 5 เมตร เพื่อต้อนรับสำหรับการดินเนอร์กับเพื่อน ครอบครัว และแขกคนสำคัญ ทั้งในวันธรรมดาและโอกาสพิเศษอีกด้วย
สำหรับเมนูอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Innovative ที่รังสรรค์รสชาติโดย เชฟแพน-ขวัญชนก ศรีธาวัชร ก็ได้ใช้ความพิถีพิถันและความใส่ใจในการเลือกสรรวัตถุดิบที่สดใหม่จากทั้งประเทศญี่ปุ่นและฝรั่งเศส รวมถึงการนำเข้าเนื้อปลาสด ๆ เป็นหลัก ทั้งยังมีหอยนางรมเกรดพรีเมียมพร้อมเสิร์ฟแก่ชาว Seafood Lover ด้วย จึงมั่นใจได้เลยว่าวัตถุดิบของที่นี่ล้วนมาจากแหล่งผลิตวัตถุดิบคุณภาพดีที่แท้จริง
Japanese Innovative Style
อาหารของที่นี่เสิร์ฟทั้งรูปแบบคอร์สและ A la carte ที่ไม่ใช่เพียงอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเท่าน้ัน แต่ยังสร้างสรรค์เมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบร่วมสมัย ด้วยเทคนิคการทำอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่สืบทอดมายาวนานให้ออกมาในรูปแบบที่ร่วมสมัยมากขึ้น สำหรับครั้งนี้ขอแนะนำเมนู Tapas ทั้ง 12 เมนูที่สามารถสั่งทานเป็นเซ็ตหรือสั่งแยกกันได้ตามชอบ
เริ่มต้นกันที่หมวดของเมนูปิ้งย่างอย่าง Yakitori (200 บาท) เนื้อไก่เสียบไม้ ทาด้วยซอสสูตรพิเศษ ย่างเสิร์ฟมาแบบกรุ่น ๆ ส่วนใครที่เป็นสายเนื้อต้องไม่พลาด Grilled Rib Eye with Japanese Sweet Potato, Sansho Sauce (350 บาท) หรือจะเป็นการย่างมิโสะหอม ๆ ก็มี Snow Fish Yuzu Miso (200 บาท) ปลาหิมะนุ่ม ๆ หอมซอสมิโสะให้เลือกทาน และเมนูซุปอย่าง Shitake Soup Miso Espuma (200 บาท) ซุปมิโสะหอม ๆ ที่มาพร้อมความอูมามิของเห็ดชิตาเกะ
ต่อมาที่จานของ Grilled Pork Miso (200 บาท) เนื้อหมูย่างมิโสะหอมกรุ่น ส่วนเมนูปลา แนะนำให้ลองชิม Madai Ceviche with Crispy Seaweed (200 บาท) ที่เสิร์ฟปลามาไดมาแบบ Ceviche และเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยสาหร่ายกรอบ หรือจะเป็น Shime Saba with Tomato Dashi Yuzu Wasabi Oil (250 บาท) เนื้อปลา Shime Saba ที่มาพร้อมรสสัมผัสของมะเขือเทศ ดาชิ และวาซาบิ ส่วนใครชอบทานปลาหมึกก็มี Tako Salad (200 บาท) ให้ลิ้มลอง ได้รสชาติหวานสดใหม่ของปลาหมึก
ตามมาด้วยจานสดชื่น ๆ อย่าง Scallop Mango Yuzu (200 บาท) หอยเชลล์ย่างหอม ๆ ที่มาพร้อมรสสัมผัสของมะม่วงและยูซุ ส่วนเมนูเย็นสุดพรีเมียมขอยกให้กับ Black Truffle Cold Soba (200 บาท) โซบะเย็นที่เพิ่มความพิเศษด้วย Black Truffle และอิคุระ หรือจะเป็น Inari Sushi (200 บาท) ซูชิในฟองเต้าหู้ จัดมาเป็นคำสวย ๆ และจานของหวานอย่าง Sesame Pudding Kurogoma Purin (200 บาท) พุดดิ้งงาหอม ๆ มาพร้อมสัมผัสนุ่มละมุนละไม ปิดท้ายเซ็ตอาหารมื้อพิเศษนี้ได้อย่างลงตัว
ส่วนจาน A la carte อื่น ๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แนะนำเมนู Grilled Tiger Prawn 4 Styles (1,750 บาท) กุ้งลายเสือตัวโตที่คัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดี ย่างมากับซอส 4 รสชาติให้เลือกชิมกันอย่างจุใจ ทั้ง Cheese Sauce, Kani Miso Hollandaise, Yuzu Butter และ Seaweed Butter
หากเป็นสายซูชิก็มี Sushi of the day (1,350 บาท) เมนูซูชิประจำวันที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามวัตถุดิบในวันนั้น ๆ ให้ได้สั่งมาทาน หรือจะเป็น Black Truffle Cold Soba with Uni (950 บาท) โซบะเย็นที่เพิ่มความพิเศษด้วย Black Truffle และ Uni ชิ้นสวย ส่วนคนชอบทานผักก็สามารถเลือกสั่งเมนู Lobster Salad (1,250 บาท) สลัดกุ้งล็อบสเตอร์ที่เสิร์ฟผักสดหวานกรอบปลอดสารพิษมากับกุ้งเนื้อเด้งตัวโตให้ทานคู่กันกับน้ำสลัดสูตรของทางร้าน
*โดยเมนู Sushi of the day และ Lobster Salad จะมีให้บริการถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2022 นี้เท่านั้น
เมนูของหวานล้างปากก็มีให้เลือกสั่งมาชิมกันหลากหลายแบบ แนะนำ Ichigo Tart with Hokkaido ice cream (290 บาท) ทาร์ตญี่ปุ่นที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมรสนมจากฮอกไกโด หรือจะเป็น Yuzu Tiramisu (ราคา 250 บาท) ทีรามิสุรสส้มยูซุหวานซ่อนเปรี้ยว เมนูของหวานที่อยากให้ลืมภาพเดิมไปก่อน เพราะทาง Tenshino ได้ครีเอตรสชาติของ Tiramisu โดยใช้เหล้าส้มยูซุ แทนเหล้า Rum จึงได้รสชาติที่ให้ความสดชื่น หวานอมเปรี้ยวถูกใจ อีกทั้งยังใช้ Cookie Crumble แทน Coffee Powder เสิร์ฟในถ้วยชาญี่ปุ่นที่อร่อยจนไม่อยากวางช้อน ทานแล้วให้ความสดชื่นเป็นอย่างดี ส่วนใครชอบความหวานหอมต้องไม่พลาดหนึ่งในเมนู Signature ของทางห้องอาหารอย่าง Azuki - Matcha Mochi (250 บาท) โมจิชาร์โคลไส้ถั่วแดงในชาเขียวมัทฉะเข้มข้น โดยเฉพาะเนื้อโมจินุ่มหนึบหวานหอมถั่วแดงที่ทานกันได้แบบเพลิน ๆ ถือเป็นของหวานเป็นท้ายมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์
Drink in Bohemian Chic Vibes
ในส่วนของเมนูเครื่องดื่มที่นี่เสิร์ฟทั้ง Mocktail และ Cocktail เริ่มกันที่ม็อกเทลก่อน แนะนำแก้วของ Kendama (250 บาท) จากส่วนผสมของสตรอเบอร์รีไซรัปและมะนาว เพิ่มความซาบซ่าสดชื่นด้วยโซดา และ Virgin Ume Mojito (250 บาท) โมฮิโต้ที่เพิ่มกิมมิกเป็นการใช้บ๊วยมาเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นให้สมบูรณ์แบบ
สำหรับใครที่ต้องการจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แนะนำ Wasabi Sensation (450 บาท) ดริงก์ที่เบสด้วย Sake เพิ่มกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วย Shoyu และ Wasabi ตามด้วยความหวานจาก Agave Syrup และเพิ่มรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาว หรือจะเป็นเมนู Umeshu margarita (450 บาท) ดริงก์ที่เบสด้วยเหล้าบ๊วยหรือ Umeshu และ Roku Gin ก่อนจะเพิ่มรสเปรี้ยวด้วย Lemon Juice และเพิ่มรสหวานด้วย Agave Syrup
นอกจากจะได้สัมผัสประสบการณ์ทานอาหารมื้อพิเศษแล้ว ยังสามารถร่วมสะสมคะแนนไปกับ ALL - Accor Live Limitless ได้อีกด้วย ให้ทุกวันของคุณมีแต่ความพิเศษ เพียงรับประทานอาหารที่ห้องอาหารและบาร์ในโรงแรมเครือแอคคอร์ ก็สามารถสะสมคะแนนได้โดยไม่ต้องเข้าพักนั่นเอง ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.all.accor.com/event/thailand-taste-the-rewards.th
Must Read!
- กิมมิกเล็ก ๆ ที่น่ารักของที่นี่ คือตะเกียบคุณภาพดี มีลวดลายเฉพาะตัว ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น และทุกคนสามารถเลือกลายตะเกียบได้เอง เป็นกิจกรรมดี ๆ ที่ Tenshino พร้อมมอบให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาทาน
- จองออนไลน์ล่วงหน้าผ่านทาง tenshinobanhkok.com/book-online นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันร่วมกับบัตรเครดิตอื่น ๆ อีกมากมาย