Published on August 17, 2022

Bring An Imagination To The Authentic Cuisine

ชวนปักหมุดความอร่อยที่ Terra Nova ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้า The Crystal เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ ‘Bring An Imagination To The Authentic Cuisine’ ซึ่งเลือกชูจุดเด่นความอร่อยในรูปแบบใหม่ เพิ่มความวาไรตี้สีสันแห่งจินตนาการลงไปให้ผสานเข้ากับอาหารอิตาเลียนรสต้นตำรับ โดยนำคำว่า ‘Terra’ ในภาษาอิตาลีที่หมายถึงผืนดินหรือโลก มารวมกับคำว่า ‘Nova’ ที่หมายถึงดวงดาวที่สุกสว่าง สื่อถึงการปั้นดินสู่ดาว เช่นเดียวกับการที่ทางร้านนำอาหาร 2 รูปแบบ คืออาหารอิตาเลียนสูตรดั้งเดิมมาผสมผสานเข้ากับอาหารอิตาเลียนสูตรโมเดิร์นจนเกิดความลงตัวครั้งใหม่และได้รสชาติที่ถูกปากคนไทยมากยิ่งขึ้น

 

บรรยากาศหน้าร้าน ชวนสะดุดตาด้วยมู้ดโทนการตกแต่งและสร้างสีสันด้วยไฟสีส้ม

การันตีความอร่อยโดย 2 เชฟมากฝีมือ ทั้ง เชฟอ๊อตโต้-ประภาศน์ ปาณะวีระ ดีกรี Top Chef Thailand Season 2 และ เชฟอาดัม-อาดัม นิโคมเดส ลินเดอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารอิตาเลียน มากด้วยประสบการณ์จากร้านอาหารและโรงแรมชื่อดังทั้งในและต่างประเทศมากว่า 25 ปี ซึ่งทั้งคู่ได้ร่วมรังสรรค์เมนูอาหารอิตาเลียนและอาหารนานาชาติที่มีความหลากหลาย ให้ได้เลือกอิ่มอร่อยกันอย่างจุใจ

 

เชฟอ๊อตโต้-ประภาศน์ ปาณะวีระ

Trendy Art Decor

ไม่เพียงแต่อาหารที่การันตีความอร่อยในแบบต้นตำรับอิตาเลียนเท่านั้น บรรยากาศและการตกแต่งร้านของ Terra Nova ยังชวนสะดุดตา ให้ความรู้สึกโมเดิร์นด้วยการเลือกใช้สีดำตัดกับสีสันฉูดฉาดของสีส้มอิฐได้อย่างมีสไตล์

 

ผนังร้านถูกประดับด้วยภาพงานศิลปะของศิลปินอิตาลีชื่อดัง ‘ฟอร์นาสเซ็ตติ (Fornasetti)’

ภายในร้านตกแต่งด้วย Nova Galleria ให้ผู้ที่เข้ามาทานอาหารได้เสพงานศิลปะของศิลปินอิตาลีชื่อดังอย่าง ‘ฟอร์นาสเซ็ตติ (Fornasetti)’ กันแบบเพลิน ๆ ตามมาด้วยโคมไฟดีไซน์พิเศษที่สั่งทำขึ้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้านโดยเฉพาะ ในส่วนของฝ้าเพดานและผนังร้านนั้นเลือกใช้สีเมทัลลิก ปูนเปลือย และสีซีเมนต์ พร้อมประดับชั้นวางด้วยเครื่องปั้นดินเผาคู่กับงานสเตนเลสสีทองและสีโรสโกลด์ ดีไซน์ให้เกิดความแตกต่างแต่ลงตัว ก่อนจะเพิ่มความโปร่งโล่งด้วยกระจกใสรอบด้าน เปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามา

 

เพิ่มความโดดเด่นให้บรรยากาศภายในร้านด้วยการใช้ไฟสีส้มควบคู่กับงานดีไซน์มู้ดโทนสีดำสุดเท่

โซนนั่งทานอาหารถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน ทั้งโซนส่วนตัวและโซนรองรับสำหรับกลุ่มใหญ่ มีหลากหลายมุมให้เลือกจับจอง ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์ มุมโซฟา และมุมที่นั่งส่วนตัวให้เลือกสังสรรค์ ไม่ว่าจะมาทานกันเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อนฝูง หรือดินเนอร์กับคนพิเศษก็ตอบโจทย์ทั้งสิ้น นับเป็น WOW Ambience ที่รวมทุกบรรยากาศไว้ในแห่งเดียว

 

โซนนั่งทานอาหารแบบโซฟา

 

โซนนั่งทานอาหารแบบเป็นส่วนตัว

Modern Italian Cuisine

แน่นอนว่ามาที่นี่ จะได้ลิ้มลองอาหารอิตาเลียนแบบขนานแท้ ทั้ง Bruschetta, Salumi & Formaggi, Fritti ไปจนถึงเมนูซุป, สลัด, สเต๊ก, พาสต้า, พิซซ่าที่มีให้เลือกทานถึง 15 หน้ากันเลยทีเดียว โดยทางร้านได้ให้ความใส่ใจในการคัดสรรวัตถุดิบพรีเมียม ปรุงอาหารผ่านครัวแบบ Semi-Open Kitchen ที่เผยให้เห็นเบื้องหลังทุกขั้นตอนการรังสรรค์ความอร่อยและความเป็นมืออาชีพของเชฟ นอกจากนี้ ยังนำเสนอความเป็น International Cuisine ซึ่งประกอบไปด้วยอาหารฝรั่งเศส อาหารสเปน อาหารเอเชียน ที่มีความหลากหลาย เพื่อให้คนที่ชอบทานอาหารอิตาเลียนและไม่ถนัดทานอาหารอิตาเลียนได้อิ่มอร่อยแบบไม่มีข้อจำกัด ผ่านการสไตลิ่งหน้าตาอาหารสไตล์โมเดิร์น เน้นสีสัน เพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ เข้าไปให้ดูมีความหลากหลาย สวยงามน่ารับประทานมากขึ้น ส่วนรสชาติที่พรีเซนต์ออกมานั้น มีทั้งแบบดั้งเดิมและเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติ เพื่อให้มีมิติและถูกปากคนไทย

สำหรับเมนูแนะนำ มาที่นี่แล้วต้องลอง เริ่มต้นด้วยจานเรียกน้ำย่อยอย่าง Grab Meat Involtino (150 บาท) ปอเปี๊ยะปูที่สอดไส้มากับมอสซาเรลลาชีส เสิร์ฟคู่กับซอสบาร์บีคิวรสเผ็ดร้อนที่มาช่วยตัดรสเลี่ยนได้อย่างเข้ากัน เป็นหนึ่งในเมนูทานเล่นยอดนิยมของทางร้านที่ต้องห้ามพลาด!

 

Grab Meat Involtino (150 บาท)

ส่วนใครที่อยากรองท้องแบบเบา ๆ ด้วยเมนูรักสุขภาพ ต้องสั่ง Seared Tuna Saku Kale Avocado Salad (280 บาท) สลัดเคลที่นำทูน่ามาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก ปรุงรสตามสูตรเฉพาะด้วยผงเครื่องเทศที่นำมาคลุกเคล้าเข้ากับทูน่า แล้วเซียร์ในกระทะ โดยจะเสิร์ฟให้ทานคู่กันกับอะโวคาโด ไข่ต้ม และเดรสซิ่งโชยุงา ให้รสชาติสไตล์ญี่ปุ่น

 

Seared Tuna Saku Kale Avocado Salad (280 บาท)

มาร้านอาหารอิตาเลียนทั้งที เมนูไฮไลต์ของที่นี่ต้องยกให้กับ Pescatora (ไซส์ M 410 บาท / ไซส์ R 580 บาท) พิซซ่าคลาสสิกหน้าซีฟู้ด ซึ่งทางร้านลงมือทำแป้งเองตามสูตรเฉพาะของสไตล์อิตาเลียน อบสดใหม่ทุกวัน อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบซีฟู้ด พร้อมเพิ่มรสเปรี้ยวตัดความเลี่ยนด้วยซอสมะเขือเทศและมะนาว ท็อปด้วยผักร็อกเก็ตเพื่อเพิ่มความหอม ซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัวกับรสชาติของซีฟู้ด

 

Pescatora (ไซส์ M 410 บาท / ไซส์ R 580 บาท)

ต่อเนื่องความอร่อยแบบเอาใจคนรักเส้นด้วย Spaghetti with Dried Chilli Shrimp, Squid Tentacles, Bacon, Uni and Salmon Roe (490 บาท) สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้งที่เสิร์ฟความอร่อยมาพร้อมเครื่องวัตถุดิบแบบเน้น ๆ ทั้งเบคอน กุ้ง หนวดปลาหมึก อูนิ และไข่แซลมอน เรียกได้ว่าเป็นการรวมซีฟู้ดแบบครบเครื่องไว้ภายในเมนูเดียว

 

Spaghetti with Dried Chilli Shrimp, Squid Tentacles, Bacon, Uni and Salmon Roe (490 บาท)

ส่วนสาย Wrap ต้องลอง Chicken Wrapped Stuffed with Italian Sausage (290 บาท) หนึ่งในเมนู Wrap ซิกเนเจอร์ของทางร้าน โดยด้านนอกจะประกอบไปด้วยเบคอนและสะโพกไก่ ส่วนตรงกลางจะเป็นไส้กรอกอิตาเลียน เสิร์ฟคู่ความอร่อยมากับซอสเสาวรสและกาแฟ ให้รสเปรี้ยวนิด ๆ ขมหน่อย ๆ ตัดรสชาติกันได้แบบลงตัว พร้อมมันบดผสมทรัฟเฟิลซึ่งมาช่วยเพิ่มความครีมมี่กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เสริมมิติความหลากหลายของรสชาติให้กับเมนูนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

Chicken Wrapped Stuffed with Italian Sausage (290 บาท)

สำหรับเมนูขนมหวานของที่นี่จะเป็น Original Style ตามแบบฉบับของทางอิตาเลียน ซึ่งเมนูที่อยากให้ลองทานนั้น ได้แก่ Chocolate Balsamic Pots de Cream (180 บาท) ขนมหวานสไตล์อิตาเลียนที่มีส่วนผสมของซอสบัลซามิกและมูสช็อกโกแลต ให้รสหวานอมเปรี้ยวที่ตัดกับความเข้มขมของช็อกโกแลตได้เป็นอย่างดี

 

Chocolate Balsamic Pots de Cream (180 บาท)

และ Veneto Tiramisu (190 บาท) ทีรามิสุสูตรต้นตำรับสไตล์อิตาเลียน ที่เสิร์ฟมาในลักษณะของเลเยอร์ พร้อมแยกชิ้นส่วน โดยจะมีส่วนผสมของฟักทอง มาสคาโปเน และไอศกรีมวานิลลา ซึ่งเวลาทานจะตักมารวมกัน เพื่อให้ได้รสชาติของทีรามิสุแบบเต็มคำ เป็นการปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างเพอร์เฟ็กต์

 

Veneto Tiramisu (190 บาท)

Info
Hours
Everyday : 11AM - 10PM
Price

฿฿฿ 301-500 บาทต่อคน

Address
ชั้น 2 (อาคาร Varanda), 215 The Crystal เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
Map
Facilities
Suggest an Edit