The Beautiful House on Sathorn
ใครที่ผ่านไปมาแถวถนนสาทรคงเคยผ่านตากับบ้านสีเหลืองนวลหลังใหญ่สไตล์โคโลเนียลที่เป็นที่ตั้งของร้านอาหาร The Courtyard ใน The House on Sathorn โดยนอกจะขึ้นชื่อเรื่อง Afternoon Tea ดี ๆ แล้ว ที่นี่ยังเสิร์ฟอาหารสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากทั้งในและต่างประเทศโดยเชฟมากประสบการณ์
Colonial Style
เมื่อเดินตรงเข้ามาด้านใน The House on Sathorn จนสุด จะพบกับโซน The Courtyard สวนสวยใจกลางบ้านที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นจากต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับใครที่ต้องการนั่งสูดอากาศ พร้อมกับชมความงามจากบ้านหลังเก่าแก่สไตล์โคโลเนียลที่รายล้อมโดยรอบ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถสั่งอาหารจาก The Courtyard เข้าไปรับประทานด้านในได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 17.30 น. อีกด้วย
Fusion Comfort Food
ในส่วนของเมนูอาหารของที่นี่ จะเน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากทั้งในและต่างประเทศ ปรุงโดยเชฟชาวตุรกีมากประสบการณ์ที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน เริ่มกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยจานแรก Yellowtail Carpaccio, Yuzu Truffle Dressing (550 บาท) เนื้อปลาฮามาจิซาซิมิสดแล่บาง ๆ จากประเทศญี่ปุ่น ตกแต่งหน้าด้วยแรดิชฝาน ก่อนราดด้วยซอสทรัฟเฟิลยูซุสูตรเฉพาะของทางร้าน นอกจากจะได้รสอมเปรี้ยวนิด ๆ ของซอสแล้ว ยังได้กลิ่นหอม ๆ ของทรัฟเฟิลในซอสอีกด้วย
หรือจะเป็นอีกจานที่เชฟแนะนำให้ลอง Foie Gras Torchon, Brioche, Quince Jelly (550 บาท) ตับห่านปรุงสุกสไตล์ฝรั่งเศสชิ้นกำลังดี เสิร์ฟมาบนควินซ์เจลลี่ พร้อมซอสบัลซามิกคุณภาพดีและขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส
ส่วนใครที่มองหาเมนูเบา ๆ แนะนำ Tiger Prawns-Tomato Salad, Com, Basil, Soy Dressing (450 บาท) สลัดกุ้งลายเสือที่นำกุ้งลายเสือและข้าวโพดไปย่างบนเตาถ่าน เสิร์ฟมาพร้อมมะเขือเทศสด 3 ชนิด และผักออร์แกนิคสดจากโครงการหลวง ราดด้วยซอส Spicy Soya เป็นเมนูเบา ๆ ที่ได้รสหวานฉ่ำจากกุ้งและมะเขือเทศแบบเต็ม ๆ
ส่วนเมนูอิ่มท้องแนะนำให้ลองสั่ง Tandoori Lamb Cutlets, Saffron Biryani, Smoked Eggplant (800 บาท) ซี่โครงแกะ tandoori หมักพร้อมเครื่องเทศสไตล์อินเดีย นำย่างบนเตาถ่านให้สุกกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมข้าวหมกสูตรพิเศษที่หุงด้วยหญ้าฝรั่นต้นตำรับจากอินเดียและซอสมะเขือม่วง
สำหรับคนชอบทานปลาแนะนำ Miso Black Cod (700 บาท) ปลาแบล็คค็อดคุณภาพดีจากประเทศญี่ปุ่น หมักกับซอสมิโซะสูตรดั้งเดิม แล้วนำไปย่างบนเตาโรบาตะให้สุกพอดี เสิร์ฟมาพร้อมขิงดอง
อีกเมนูเนื้อที่มีทเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาดอย่าง A6+, Kagoshima Wagyu, Sirloin 200g (2,600 บาท) เนื้อวากิวเกรดคุณภาพจากญี่ปุ่นที่ย่างมาสุกกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมซอสไวน์แดง ได้เนื้อวากิวนุ่ม ๆ หอมกลิ่นถ่าน
Delicately Sweets
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยเมนูขนมหวานแนะนำของทางร้านอย่าง Sake-Kaku Soufflé, Okinawa Black Sugar Ice Cream (500 บาท) ซูเฟล่เนื้อนุ่มสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมสาเก เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมน้ำตาลโอกินาวาที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซูเฟล่ให้รสและกลิ่นสาเกเบา ๆ ทานคู่กับไอศกรีมให้รสชาติหวานกำลังดี
และ Tart of The Season (350 บาท) ทาร์ตส้มที่นำผลส้มแมนดารินทั้งลูกไปเชื่อมกับน้ำตาล แล้วสอดไส้ด้านในด้วยครีมส้มแมนดาริน พร้อมครัมเบิลที่ผสมกับเครื่องเทศ 5 ชนิด และเนื้อส้มแมนดาริน เวลาทานให้ผ่าผลส้มออก จะเห็นครีมด้านในเป็นชั้น ๆ ที่ค่อย ๆ เยิ้มออกมา รสชาติหวานอมเปรี้ยว คนที่รักขนมหวานไม่ควรพลาด