From Birmingham to Saphan Khwai
ช่วงนี้ย่านสะพานควายก็จะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเป็นแหล่งรวมตัวของบาร์ (ไม่) ลับและบาร์ใหม่ที่รอให้คุณไปวาดลวดลาย มือซ้ายถือค็อกเทลพร้อมจิบไปเเดนซ์ไปตามจังหวะเพลง แต่ถ้าใครชอบความโอลด์สคูลย้อนยุคให้ได้โยกตัวไปกับดนตรีสดสไตล์ร็อก ๆ แล้วละก็ ขอชวนคุณแวะไปปักหมุดที่ The Garrison Bangkok ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ละแวกย่านสะพานควายกันได้เลย
ทันทีที่คุณเปิดประตูย่างเท้าเข้ามายังพื้นไม้สีเข้ม ก็เหมือนกับว่ากำลังทะลุมิติเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์ดังย้อนยุค 'Peaky Blinders' ที่ทางร้านได้นำเอาแรงบันดาลใจของ English Pub ยุคปี 1919 อย่าง The Garrison Pub ในเบอร์มิงแฮม ถอดแบบมาไว้ที่สะพานควายแทบทุกตารางนิ้ว โดยตึกเก่าแห่งนี้ถูกรีโนเวทให้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ผนังอิฐที่กรุด้วยไม้สีน้ำตาลเข้ม การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้และเคาน์เตอร์บาร์ยาวท่ามกลางแสงไฟสลัว ให้กลิ่นอายความโอลด์สคูลเช่นเดียวกับเมื่อร้อยปีที่แล้วได้แบบไม่ผิดเพี้ยน
Whisky is Liquid Sunshine
พื้นที่ระเบียงชั้นบนยังคงความคลาสสิกให้คุณได้นั่งจิบเครื่องดื่มตามสไตล์หนุ่มสาวผู้ดีชาวอังกฤษ พร้อมสูบซิการ์ในห้องพิเศษ ดื่มด่ำไปกับวงดนตรีสดสไตล์ร็อกแอนด์โรลผสมบริทป๊อปตลอดคืน ส่วนอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ควรค่าแก่มาเยือนที่บาร์แห่งนี้คือ สวรรค์แห่งการลิ้มรสเหล้าซิงเกิลมอลต์ ที่ทางร้านนำเข้ามาหลากหลายชนิด ทั้ง The Balvenie 12 ปี, Glenfiddich 15 ปี, The Macallan 18 ปี หรือ Glengoyne 25 ปี ไปจนถึงเหล้าอายุ 30 ปี ที่แค่เห็นลิสต์ก็ชวนให้เราอยากร่วมเปิดประสบการณ์เสพศิลปะของเครื่องดื่มระดับตำนาน รสชาติเฉพาะตัวที่หายากแต่หาดื่มได้ที่นี่อีกด้วย
A Cocktail is Always the Answer
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเบียร์สดสุดคลาสสิกและคราฟต์เบียร์เด็ด ๆ มาให้คอเบียร์ได้เลือกดื่มกันหลายรสชาติ รวมทั้ง Guinness เบียร์ดำหายาก และค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่บาร์เทนเดอร์ครีเอทขึ้นมาโดยเฉพาะ ให้ได้ลองกันทุกเดือน เริ่มกันที่สาย Sweet & Sour อย่าง Take On Me (320 บาท) แก้วนี้ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานจากการเบสรสชาติด้วย Hennessy Cognac, Syrup, Lime และ Hiram Walker Peach Schnapps ให้กลิ่นหอมของพีชผสานเข้ากับเกลือบาง ๆ ที่ขอบแก้ว ให้ความสดชื่นในทันทีที่ได้ลอง
ถัดมาเป็นอีกหนึ่งแก้วที่ดื่มง่ายคือ My Girl (320 บาท) ที่ผสมผสานรสชาติของน้ำสับปะรดเข้ากับ Gin, Tripple Sec, Syrup, Lime และกรานิช ตามด้วยดอกลาเวนเดอร์อบแห้งที่มาเพิ่มความหอมอบอวล ก่อนขึ้นเป็นฟองนุ่มละมุนด้วยไข่ขาวตบท้าย แต่ถ้าใครที่ต้องการความหนักแน่นเข้ากับจังหวะดนตรีร็อกแอนด์โรลละก็ ขอให้ลอง Over The Moon (320 บาท) ที่เข้มข้นด้วยเบสรสชาติของ Vodka และ Kahlua Coffee Liqueur รวมถึงมีส่วนผสมของกาแฟ เชคเข้ากับไซรัปวานิลลา ไซรัปกล้วย และเลมอน เพื่อให้ได้ความกลมกล่อม แก้วนี้เสิร์ฟมาพร้อมลูกอมบ๊วย เป็นการตัดรสชาติที่เข้ากันได้ดี
Food Pairing
ถัดมาที่ความอร่อยของเมนูอาหาร ซึ่งทางร้านก็ได้มีการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้ากันกับเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเมนูที่ไม่ควรพลาด เช่น สตูว์ลิ้นวัว (320 บาท) สตูว์สูตรโฮมเมด ที่ทางร้านใช้เวลาเคี่ยวกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อให้ได้น้ำสตูว์รสชาติกลมกล่อม มีกลิ่นหอม ได้รสสัมผัสของลิ้นวัวนุ่ม ๆ เคี้ยวง่าย ส่วนใครที่อยากอิ่มท้องกับเมนูทานง่าย ขอแนะนำ ข้าวผัดเนื้อเค็ม (220 บาท) จานนี้เป็นการนำข้าวไปผัดกับซีอิ๊ว ก่อนจะบีบมะนาวตามลงไปเพื่อตัดรสชาติ เคียงด้วยพริกขี้หนู แล้วทานคู่กับเนื้อสันนอกที่หมักจนได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศและส่วนผสมต่าง ๆ
หรือจะเป็น เนื้อย่างเกลือ (250 บาท) เนื้อส่วน Strip Loin จากออสเตรเลีย หมักด้วยสูตรของทางร้าน พร้อมโรยเกลือและนำไปย่างจนได้ระดับความสุกกำลังดี ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วแซ่บ ๆ และ สันคอหมูหมักทอด (220 บาท) ที่เลือกใช้สันคอหมูติดมันเล็กน้อยก่อนนำไปหมักและทอด เสิร์ฟให้ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว เหมาะจะสั่งมาทาน Pairing กับค็อกเทลหรือซิงเกิลมอลต์ดี ๆ สักแก้ว เพื่อให้ได้รสชาติของเนื้อคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น