The Great Times with G.O.A.T
G.O.A.T Greatest of All Time ร้านอาหารสไตล์ Fine Dining ของเชฟแทน - ภากร โกสิยพงษ์ ที่ตั้งใจหยิบยกความทรงจำและความสนุกของการออกเดินทางไปเรียนรู้วิถีชีวิตเชฟแบบใหม่ ๆ ที่จังหวัดพังงา มานำเสนอในรูปแบบของคอร์สอาหารฟิวชันที่ปรุงด้วยหลากหลายวัตถุดิบชั้นดีของไทย มาเสิร์ฟเป็นเมนูจานเด็ดให้ทุกคนได้แวะมาลิ้มลอง
Southern Vibe in Thonglor
ตัวร้านตั้งอยู่ในย่านเอกมัยซอย 10 ที่เชฟจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้มีประสิทธิภาพที่สุด ตั้งแต่โซนร้านอาหาร โซนห้องพักและพื้นที่ปลูกผัก ซึ่งภายในจะตกแต่งด้วยสีสันสนุก ๆ สไตล์ชิโนโปรตุกีส เติมเต็มความรู้สึกของลวดลายศิลปะที่ประดับอยู่ตามมุมต่าง ๆ ตั้งแต่ผนังที่โดดเด่นด้วยภาพของผู้หญิงอุ้มแพะ อันเป็นตัวแทนของคุณแม่ที่อุ้มชูคุณแทนซึ่งเกิดปีแพะพอดิบพอดีเอาไว้ เพิ่มความรู้สึกเป็นกันเองมากขึ้นด้วย Open Kitchen ที่เปิดให้รับชมการทำงานของเชฟในทุก ๆ ขั้นตอน
Local Ingredients with Talented Chef
กว่าสิบปีที่เชฟคร่ำหวอดในวงการอาหาร จนถึงจุดหนึ่งตัดสินใจออกเดินทางไปตามหาประสบการณ์ตามที่ต่าง ๆ จนพบกับช่วงเวลาความสนุกของอาชีพเชฟคือการออกตระเวนไปตามหาวัตถุดิบท้องถิ่นชาวบ้าน จนได้ความรู้มากมายมาพัฒนาตัวเองในสายอาชีพเชฟ
สำหรับเมนูอาหาร Tasting Menu 13 Course (3,600 บาท) เชฟแทนสอดแทรกความทรงจำและกลิ่นอายต่าง ๆ ของยุค 90’s เอาไว้ในแต่ละจานได้อย่างลงตัว ผ่านการนำเสนอด้วยรูปแบบที่เราคุ้นเคย เริ่มต้นกันที่เมนูแรกอย่าง Breakfast After Sex โจ๊กร้อน ๆ พร้อมไข่ลวกสักฟอง เป็นหนึ่งในอาหารเช้ายอดนิยมของคนทุกเพศทุกวัย ในจานนี้จึงนำเสนอโจ๊กไข่แดงออร์แกนิกที่คัดมาจากจังหวัดราชบุรี โดยเชฟใช้เทคนิคพิเศษดึงไข่แดงออกจากฟองครึ่งหนึ่งก่อนจะฉีดโจ๊กรสเข้มสูตรเฉพาะของร้านเข้าไป จากนั้นท็อปด้านบนด้วยหนังไก่กรุบกรอบ ที่อยากแนะนำให้ทานพร้อมกันในหนึ่งคำ
ถัดมาเป็น G.O.A.T Boy จานที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Kitty Boy ขนมยอดฮิตของเด็กยุค 90s ที่เชฟเสิร์ฟโคนขนาดพอดีคำ สอดไส้หอยเชลล์ซูวีจากจังหวัดตราด นำมายำรวมกันกับพอนซึและผิวส้มซ่า แนะนำให้บีบหลอดยาสีฟันที่สอดไส้เต้าหู้รวมควันท็อปลงไปด้านบน ก่อนจะตักสาหร่ายพวงองุ่นเป็นท็อปปิ้งอีกชั้นเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบ
เพราะการทัศนศึกษากับขนมปี๊บเป็นของคู่กัน เมนู Field Trip จานนี้เชฟเสิร์ฟแบบ 2 Ways Crab ที่ใช้เนื้อปูจากธนาคารปู ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คำแรกให้รสเผ็ดแซ่บจากพริกแกงสะเต๊ะหอมละมุนด้วยพีนัทบัตเตอร์บนแป้งพายที่ขึ้นจากน้ำมันหมู ท็อปด้วยเจลลูกเกดและดอกกระเทียม อีกคำให้ความสดชื่นจากเนื้อปูยำกับน้ำส้มซ่าและผักดอง โรยด้วยใบผักแซ่บจากจังหวัดปัตตานีและผักกาดหินที่ให้รสชาติคล้ายกับวาซาบิ
ต่อกันที่เมนู Street Cart ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถเข็นผักผลไม้ในสมัยก่อนที่คนนิยมซื้อยามเลิกเรียน เป็นจานที่นำมะละกอมายำเข้ากันกับมะขามเปียก หอมแดงดอง ถั่วตัด ปลากรอบ และกุ้งแช่บ๊วยขาแดงสุดพรีเมียมจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนจะท็อปด้านบนด้วยผักแพว ใบดาวกระจายอินโดและเมเปิ้ลชวา ปิดท้ายด้วยการโรยเมล็ดส้มโอแช่แข็งลงไปช่วยเพิ่มความสดชื่น
มาม่าปลาหมึก ที่เชฟเลือกปลาหมึกจากกลุ่มประมงเล็กบนเกาะสีชังซึ่งไม่เคยผ่านน้ำจืดมาก่อน จึงได้รสชาติและความสดที่คงเอาไว้ แล้วนำมาหั่นเป็นเส้นเล็กเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะท็อปด้วยผักแซ่บจากจังหวัดปัตตานีและใบหูเสือที่ให้รสชาติคล้ายออริกาโน เคียงมาด้วยมะนาวหั่นชิ้น พริกคั่วน้ำมัน หอมทอด เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุปหอมใหญ่และปลาหมึก ช่วยเติมความละมุนให้จานนี้ได้เป็นอย่างดี
ต่อกันที่ Magic Frog จานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนม Magic Pop ในสมัยก่อน ซึ่งเชฟคัดขากบคุณภาพจากจังหวัดอ่างทอง นำไปเซียร์จนกรอบนอกนุ่มใน แล้วโรยด้วยผักแพวแห้ง ท็อปด้านบนด้วยใบกระเจี๊ยบที่ให้รสเปรี้ยว แนะนำให้หยิบขากบมาจุ่มที่ซอสมะม่วงน้ำปลาหวานผสมตะลิงปิง ก่อนจะชุบด้วยครัมเบิ้ลมะแขว่นหนังกบทอด ให้ความกรุบกรอบเหมือนกินขนมเป๊าะแป๊ะ ตกแต่งด้วยดอกเอื้องเข็มแสดที่ให้รสชาติคล้ายกับส่วนเนื้อสีขาวของแตงโม ได้ความเย็นสดชื่นทานได้เพลิน ๆ
จานถัดมาเป็น กุ้งไทยยักษ์ ที่เชฟคัดกุ้งแม่น้ำชั้นดีจากจังหวัดพัทลุง นำมาย่างและรมควันด้วยไม้โกงกางให้เนื้อนุ่มเด้งและได้มันกุ้งที่นุ่มนวล เสิร์ฟมาบนครีมดอกกะหล่ำ ราดด้วยซอสกระเทียมสูตรคุณแม่ เคียงด้วยใบมะตูมแขกและเมล็ดมะตูมแขกให้กลิ่นที่คล้ายกับขนมปูไทย
สำหรับใครเป็น Beef Lover ต้องจานนี้ กับเมนู Corn Beef ที่เชฟเลือกใช้ Miyazaki Wagyu A3 เสิร์ฟมาพร้อมกันกับข้าวโพดกริลล์ที่คลุกเคล้ามาด้วยน้ำมันเนื้อ เคียงด้วยเห็ดชิเมจิดองและคอร์นพัฟกรุบกรอบ
Treasure Under The Sea เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมช็อกโกแลตเหรียญทอง เมนูข้าวต้มปลาที่เนื้อปลาจะสลับสับเปลี่ยนชนิดกันไปตามแต่ละฤดู ในจานนี้เชฟเสิร์ฟข้าวผัดก้นกระทะบนใบชะคราม ท็อปด้านบนด้วยเนื้อปลากระพงเนื้อแน่นที่มาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี วางด้านบนด้วยเหรียญทองที่ทำจากบ๊วยดองและมะเขือเทศ เสิร์ฟมาพร้อมกันกับซุปผักกาดดองกระดูกหมู แนะนำให้เทน้ำซุปลงไปบนเหรียญจะทำให้เหรียญค่อย ๆ ละลาย ได้รสชาติที่กลมกล่อมของซุปที่เข้ากันอย่างลงตัว
มาถึงของหวานปิดท้ายมื้ออย่าง Yakooo เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไอศกรีมยักษ์คู่ ซึ่งเชฟนำมาดัดแปลงเป็นกรานิต้าแบบทูโทนเสิร์ฟเป็นส้มเขียวหวานกรานิต้า มาพร้อมกับตะลิงปิงซอร์เบทที่ผสมด้วยเนื้อพุทราจีนเล็กน้อย ก่อนท็อปด้านบนด้วยโฟมเกลือผสมเหล้าส้ม ตบท้ายด้วยดอกโมกข์หอม ๆ
จานถัดมาเป็น Made in China ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมบ๊วยแผ่นยอดนิยม จานนี้เป็นไอศกรีมพุทราจีนเสิร์ฟมาพร้อมกับคุกกี้พุทราทอด โรยด้วยพุทราซอสเสิร์ฟมาในเมอร์แรงค์ที่ขึ้นรูปจากใบโปร่งฟ้า แนะนำให้ตีเมอร์แรงให้แตกแล้วตักทานพร้อมกันให้ครบทุกรสชาติ
ล้างปากด้วยรสชาติของจานสุดท้ายอย่าง Farm Suk ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางขับรถรอบประเทศเวียดนามของเชฟแทน ที่ทำให้เชฟสังเกตเห็นว่าทุก ๆ ที่ที่ไปจะมีชุดผักวางอยู่บนโต๊ะให้ปรุงรสด้วยตัวเอง ซึ่งในชุดชาเซ็ตนี้ก็เสิร์ฟชุดผักสมุนไพรหลากหลายชนิดมาให้คุณได้เลือกปรุงชาเองเช่นกัน อาทิ ใบโปร่งฟ้า มิ้นต์เมนทอลจากจังหวัดสุโขทัย หญ้าหวานจาก 'ฟาร์มสุข' ฟาร์มเกษตรกรผู้ปลูกผักออร์แกนิกต่าง ๆ ให้กับเชฟนั่นเอง
ปิดท้ายคอร์สนี้กันด้วยความสนุกของ Wish You Luck! หมุนกาชาปองก่อนกลับบ้าน ที่ภายในมีทั้ง Gummy G.O.A.T, Ring Pop และ Sugus ให้คุณได้หมุนเสี่ยงดวงกันสนุก ๆ พร้อมรับขนมสุดพิเศษกลับบ้านไปได้เลย