The New Dining Concept for Meat Lovers
หากใครกำลังมองหาห้องอาหารดี ๆ เหมาะแก่การดินเนอร์กับคนที่รัก หรือแฮงเอาต์กับผองเพื่อน ลองแวะมาที่ Tipsy Cow at The Kitchen Table คอนเซ็ปต์ใหม่ของห้องอาหาร The Kitchen Table บน W Bangkok แบรนด์โรงแรมร่วมสมัยใจกลางสาทร ที่พร้อมคัดสรรวัตถุดิบเนื้อสุดพรีเมียม นำมาครีเอทเมนูอาหารสุดพิเศษด้วยเทคนิคในสไตล์อเมริกันแท้ ๆ แบบ Meat & Fire ที่จะต้องถูกใจเหล่า Meat Lover อย่างแน่นอน
Good Food with Good Vibes
Tipsy Cow at The Kitchen Table นำเสนอบรรยากาศสไตล์โมเดิร์น โดยด้านหนึ่งแบ่งเป็นพื้นที่ของครัวเปิดขนาดใหญ่ ที่จะให้ความใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างเชฟและลูกค้า สามารถมองเห็นขั้นตอนต่าง ๆ ในการเตรียมอาหาร และโซนที่นั่งต่าง ๆ ภายในร้าน ถูกแบ่งออกอย่างเป็นสัดเป็นส่วน หรือใครอยากนั่งทานอาหารเพลิน ๆ พร้อมชมทัศนียภาพใจกลางเมืองสามารถนั่งชิลล์กันได้ที่โซนเอาท์ดอร์
The Chef's Secret Recipes
ทางร้านนำเสนอสารพัดเมนูอาหารในคอนเซ็ปต์ของอาหารที่ปรุงด้วยความจริงใจ โดยในครั้งนี้ถือโอกาสปรับโฉมคอนเซ็ปต์ใหม่ ซึ่งจะเน้นการนำเสนอเทคนิคการปรุงอาหารสไตล์อเมริกันแท้ ๆ แบบ Meat & Fire โดยการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นเนื้อสัตว์เกรดพรีเมียมจากแหล่งที่มา นำมาปรุงด้วยวิธีแบบ Low - Temp และ Slow - Cook สร้างสรรค์ความอร่อยเหล่านี้โดยฝีมือของเชฟ Steven Kim - ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารของโรงแรม W Bangkok และเชฟ ธิติกร ชุนอ่อน - หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหาร Tipsy Cow at The Kitchen Table
เริ่มต้นความอร่อยของมื้อกันด้วยเมนูเบา ๆ อย่าง Bun (2 pcs. / 350 บาท) ซาลาเปาชาร์โคล สอดไส้เนื้อเสือร้องไห้ บรีชีส เชดด้าชีส และบาร์บีคิวซอส โรยด้วยผงทองตัดกับแป้งชาร์โคลสีดำสนิท เพื่อเพิ่มความเย้ายวนชวนให้ลิ้มลองมากยิ่งขึ้น
แต่สำหรับใครที่เป็นสายสุขภาพทางร้านขอแนะนำเป็น Bib Lettuce (460 บาท) ผักสดหวานกรอบ คลุกเคล้ากับน้ำสลัดสูตรโฮมเมดและซอสมาโยซึ่งให้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โรยตามด้วยพาสลีย์และท็อปด้านบนด้วย Goat Cheese ทอดที่มาช่วยเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อม
หลังจากนั้นมาเติมความอร่อยกันต่อด้วย Smoked Duck Leg Lasagna (580 บาท) ลาซานญ่าเป็ด 7 ชั้น ที่มีส่วนผสมของเป็ด 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของอกเป็ดที่เชฟนำมาทำเป็นซอส และส่วนสะโพกของเป็ดที่เชฟนำมาทำเป็นเนื้อฉีกรมควัน สลับชั้นกับแผ่นลาซานญ่า จากนั้นโรยด้วยครีมคลุกน้ำมัน จนกระทั่งกลายมาเป็น Smoked Duck Confit แสนอร่อย
ต่อกันที่เมนูจานหลักน่าลองอย่าง Smoked Wagyu Beef Brisket, Stanbroke, MS4-5 (250 g. / 890 บาท) เนื้อเสือร้องไห้วากิวรมควัน ที่กริลล์ด้วยเตาถ่าน โดยจะให้ความหอมจากเครื่องเทศที่หมักไว้และกลิ่นของเตาถ่านที่ชวนให้น่าทานมากขึ้น
เสิร์ฟมาพร้อมกันกับ Smoked Beef Short Ribs, Jack’s Creek, Black Angus (1 Bone / 650 บาท) เนื้อวัวลูกผสมระหว่างวัวทาจิมะและแบล็กแองกัส ให้เนื้อที่นุ่มมีรสชาติกลมกล่อมในตัวซึ่งได้จากพืชที่เป็นสารอาหารหลักของวัว โดยเชฟจะนำเนื้อไป Dry-Aged กับเครื่องเทศ 7-8 ชนิด จากนั้นนำไปรมควันนาน 8 ชั่วโมง จนได้เนื้อนุ่ม ๆ แล้วเพิ่มความอร่อยด้วยซอสบาร์บีคิวและ Dijon มัสตาร์ด สูตรเฉพาะของทางร้าน
แนะนำว่าสามารถสั่งมาทานคู่กันกับ Side Dish น่าลองอย่าง Charcoal Grilled Jumbo Asparagus (240 บาท) หน่อไม้ฝรั่งไซส์พิเศษที่นำไปกริลล์จนได้กลิ่นหอมน่าทาน, Truffle Mash Potato (220 บาท) มันบดผสมน้ำมันทรัฟเฟิล พร้อมโรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิล และ Smoke Bake Beans with Bacon (160 บาท) ถั่วอบที่นำมาเคี่ยวให้เข้ากันกับผักชนิดต่าง ๆ จนได้รสชาติที่หวาน เนื้อส้มผัสที่ข้นน่าทาน แล้วผสมเข้ากับเบคอนเพื่อเพิ่มสัมผัสความกรุบกรอบ
แต่สำหรับใครที่ไม่ทานเนื้อ ทางร้านยังมี BBQ Smoked Pork Ribs (Half Rack / 890 บาท) ซี่โครงหมูที่เชฟหมักด้วยเครื่องเทศทิ้งไว้นานหนึ่งคืน จากนั้นนำไปรมควันนาน 8-10 ชั่วโมง จนได้เนื้อติดกระดูกที่หอมและนุ่ม ทานคู่กับซอสบาร์บีคิวและ Dijon มัสตาร์ด สูตรเฉพาะของทางร้าน แนะนำให้สั่งทานคู่กันกับ Coleslaw (160 บาท) จะได้รสชาติที่เข้ากัน
จากนั้นปิดท้ายความอร่อยกันด้วยขนมหวานน่าลองอย่าง Bake Cheese Cake (460 บาท) ชีสเค้กเนื้อเนียนนุ่ม หอมครีมชีสและกลิ่นวานิลลา โดยเมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกันกับ Chantilly Cream สูตรโฮมเมดให้ได้ทานคู่กัน
ส่วนใครที่อยากได้รสเปรี้ยวอมหวานทานแล้วชื่นใจ ทางร้านแนะนำเป็น Lemon Pie (400 บาท) เลมอนเคิร์ตที่มีส่วนผสมหลักจาก Lemon Puree ซึ่งให้ความหอมและรสเปรี้ยวนำของเลมอน ก่อนจะตัดรสชาติด้วยการวางสลับชั้นกับแป้งพายบางกรอบ โรยด้วยน้ำตาลและเสิร์ฟมาพร้อมกันกับ Chantilly Cream สูตรโฮมเมด ที่มาช่วยเพิ่มความหวานหอมให้ขนมจานนี้มากยิ่งขึ้น