The Serene Space
สำหรับใครที่ชื่นชอบการจิบชายามบ่าย ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาลองจิบชาพร้อมทานขนมหวานหลากหลายแบบกับคอร์สน้ำชายามบ่ายภายในโซน The Lounge ของ Four Seasons Hotel Bangkok โรงแรมสุดหรูเปิดใหม่ในย่านเจริญกรุง ที่พร้อมต้อนรับทุกคนให้มาใช้ช่วงเวลาดี ๆ เพื่อดื่มด่ำกับรสชาติของว่างและขนมหวานที่ถูกจัดเตรียมมาเป็นอย่างพิถีพิถันท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นสบาย ๆ
Cozy Ambience
โรงแรมแห่งนี้ถูกออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดังอย่าง Jean-Michel Gathy ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบของโรงแรมชั้นนำระดับโลกมากมาย ร่วมกับ Hamiltons International โดยได้นำคอนเซ็ปต์ของความเป็น Urban Resort และศิลปะ มาผสมผสานกับเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ และบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับบริเวณ The Lounge นั้น ถูกล้อมด้วยกำแพงกระจกใสที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาเพิ่มความนุ่มนวลและอบอุ่น พร้อมทั้งยังสามารถดื่มด่ำกับวิวสวย ๆ ของโรงแรมที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ โซนพื้นที่นั่งยังถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน มีพื้นที่ว่างล้อมรอบทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด โดยทางโรงแรมเลือกใช้โทนสีเบจและเทาอมฟ้าเป็นหลัก ให้ความรู้สึกสบายตาแต่แฝงด้วยความสง่างามจากองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าเป็นจะโซฟานุ่ม ๆ และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม
For the Love of Desserts
ทุกเมนูขนมหวานของ Four Seasons Hotel Bangkok ถูกสร้างสรรค์โดย Executive Chef ด้านขนม เชฟ Bruce Trouyet และทีมงานผู้มากประสบการณ์ รวมถึงเซ็ต Afternoon Tea ที่ The Lounge แห่งนี้ด้วย โดยทางเชฟได้นำประสบการณ์มาเป็นแรงบันดาลใจในการครีเอตเซ็ต Afternoon Tea ของที่นี่ และจะนำเสนอเซ็ตเมนูใหม่อยู่เรื่อย ๆ เพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคนที่ได้แวะมาอยู่เสมอ
Afternoon Tea Set with Course Meal Experience
เชฟ Bruce Trouyet ได้นำการเสิร์ฟเมนูในสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งมาประยุกต์เข้ากับ Afternoon Tea (ราคา 1,350++ บาท ต่อคน) เพื่อให้ได้สัมผัสรสชาติของขนมหวานแต่ละจานอย่างเต็มที่
เริ่มจากจานแรกอย่าง Lychee, Guava Sorbet, Lime Foam เยลลี่ลิ้นจี่รสหวานหอม ซ้อนด้วยไอศกรีมซอร์เบทฝรั่งเย็นฉ่ำ ก่อนจะเพิ่มความหอมด้วยโฟมนุ่ม ๆ จากมะนาว เสิร์ฟมาในชามหินอ่อนที่เต็มไปด้วยควันเย็น ๆ สีขาว เป็นจานที่ทั้งหวานสดชื่นและยังชวนให้ถ่ายรูปอีกด้วย
ต่อด้วยเซ็ตของว่างและขนมหวานหลากหลายเมนูที่เสิร์ฟมาบนชั้นวางขนม 2 ชั้น สำหรับเซ็ตเมนูประจำฤดูกาลนี้มาพร้อมคอนเซ็ปต์ 'Tarts' โดยทุกเมนูทางเชฟได้ออกแบบให้มีขนาดพอดีคำ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป และเสิร์ฟในรูปแบบทาร์ตเพื่อให้หยิบทานได้ง่าย
เริ่มจากชั้นบนจะเสิร์ฟเมนูของว่างอย่าง Sphere of Avocado, Salmon, Ricotta ทาร์ตหน้าอะโวคาโดทรงกลม สอดไส้ด้วยแซลมอนและชีสรีคอตต้า ท็อปหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอน, Wonton Lobster, Tarragon Tacos ทาโก้แป้งเกี๊ยวสไตล์จีนสอดไส้ด้วยเนื้อล็อบสเตอร์และทาร์รากอน, Mushroom, Parmesan Cheese, Herbs Tartlet ทาร์ตไส้เห็ดและสมุนไพร เพิ่มรสชาติด้วยชีสพาร์เมซาน และ Foie Gras Torchon, Raspberry, Crispy Brioche แป้งบริยอชอบกรอบสอดไส้ฟัวกราส์ ตัดรสด้วยเยลลี่ราสพ์เบอร์รี
ถัดมากับหลากหลายเมนูขนมหวานในรูปแบบทาร์ตขนาดพอดีคำหน้าตาสวยงาม เริ่มจาก Yoghurt, Chiang Mai Strawberry ทาร์ตทรงยาวหน้ามูสโยเกิร์ตเนื้อเนียน ท็อปหน้าด้วยสตรอเบอร์รีสดจากเชียงใหม่, Chocolate, Caramel, Hazelnut ทาร์ตช็อกโกแลตรสเข้มข้นสอดไส้คาราเมลและเฮเซลนัท ให้รสสัมผัสกรุบกรอบผสมกับเท็กซ์เจอร์หนึบ ๆ ของคาราเมล, Passion Fruit, Mango ทาร์ตมะม่วงและเสาวรส ชีสเค้กรสเปรี้ยวอมหวานนุ่มๆ สอดไส้ตรงกลางด้วยมะม่วง และ Vanilla Cream, Pineapple ทาร์ตสับปะรดสอดไส้ครีมวานิลลา รสหวานละมุนของครีมวานิลลาตัดกับรสเปรี้ยวนิด ๆ ของสัปปะรด เพิ่มรสมันด้วยเกล็ดมะพร้าว
ก่อนจะเสิร์ฟขนมหวานจานถัดไป เพื่อเป็นการปรับรสชาติในปาก ทางเชฟได้เลือกเสิร์ฟ Salad Pop หรือสลัดผักสด ๆ เสิร์ฟมาในรูปแบบอมยิ้มให้ทานได้ง่ายในคำเดียว และตามด้วย Soft Serve ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเนื้อเนียนที่เสิร์ฟมาถึงสองรสชาติในถ้วยเดียว ทั้งรสมะม่วงและรสวานิลลา สำหรับไอศกรีมของที่นี่ ทางเชฟเลือกใช้ fior di latte ส่วนของนมที่ลอยอยู่ด้านบนหรือที่รู้จักในชื่อของ Flower of Milk
ตามด้วย Orange, Mint, Honey ขนมหวานในรูปผลส้มแมนดารินน่ารัก ๆ ด้านในสอดไส้ด้วยมูสเนื้อส้มและน้ำผึ้งรสหอมหวาน
ปิดท้ายมื้อน้ำชายามบ่ายนี้ด้วย Chiangmai Chocolate ทาร์ตช็อกโกแลตรสเข้มข้น โดยเชฟได้เลือกใช้ช็อกโกแลตชั้นดีจากจังหวัดเชียงใหม่มาเป็นวัตถุดิบหลัก สำหรับเซ็ตน้ำชายามบ่ายของที่นี่ สามารถเลือกทานคู่กับชาคุณภาพดีจาก Jing แบรนด์ชาชื่อดังจากเกาะอังกฤษ หรือเมนูกาแฟด้วยเช่นกัน
Must Read!
- นอกจากเมนู Afternoon Tea แล้ว ใน The Lounge ยังให้บริการอาหารคาว A la carte ด้วยเช่นกัน