Dining Experience of Exquisitely Crafted Dishes
สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยของการทานอาหาร Fine Dining ท่ามกลางบรรยากาศสุด Exclusive ที่ The Table by Chef Pam ร้าน Chef Table ที่รังสรรค์ความอร่อยโดย เชฟแพม-พิชญา สุนทรญาณกิจ เชฟสาวมากฝีมือและกรรมการชื่อดังจากรายการ Top Chef Thailand พร้อมมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับหลากหลายเมนูอาหารสุดพิเศษที่โดดเด่นด้วยกรรมวิธีการทำแบบพิถีพิถัน พร้อมด้วยเทคนิคการรังสรรค์เมนูไม่เหมือนที่ไหน นำเสนอความแปลกใหม่ผ่านเมนูอาหารที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตกและกลิ่นอายสไตล์จีนเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
Cooking with the Five Elements
ด้วยความที่ทางเชฟต้องการมอบประสบการณ์ในการทานอาหารที่ดีที่สุด เพื่อให้คนทานได้รับความทรงจำที่ดีกลับไป The Table by Chef Pam จึงใส่ใจและพิถีพิถันในการครีเอตเมนูอาหาร ที่ยึดหลักการด้วย Five Elements ของทางร้าน ได้แก่ Salt, Acid, Spice, Texture และ Maillard Reaction นำมาสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษไม่เหมือนใคร พร้อมให้คุณเปิดประสบการณ์การทานอาหาร Fine Dining รูปแบบใหม่และสัมผัสความอร่อยได้อย่างเต็มที่
Relax in a Private Atmosphere
The Table by Chef Pam พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศสบาย ๆ สุดผ่อนคลาย ภายในบ้านแสนอบอบอุ่นที่รายล้อมด้วยต้นไม้และสนามหญ้าสีเขียว เน้นความเรียบง่ายด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก โดยเฉพาะต้องสะดุดตากับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่สมกับชื่อ ‘The Table’ ที่มาพร้อมมุมเคาน์เตอร์บาร์ในห้องครัว ให้คนที่มาทานสามารถมองดูเชฟครีเอตเมนูอาหารได้อย่างใกล้ชิด ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านจะรู้สึกได้ถึงความ Homey เหมือนได้นั่งทานอาหารที่บ้าน
Enjoy with Course Beef Omakase
สำหรับเมนูอาหารทาง The Table by Chef Pam พร้อมนำเสนอเมนูในรูปแบบ Fixed Menu ที่จะหมุนเวียนและเปลี่ยนไปในทุก ๆ 3 เดือน สำหรับฤดูกาลนี้ทางเชฟพร้อมนำเสนอ ‘Course Beef Omakase’ เอาใจเหล่าคนรักเนื้อโดยจัดเต็มความอร่อยด้วย 12 เมนูพิเศษ ราคา 9,000+ บาท ซึ่งได้คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีและมีรสชาติดีที่สุดของช่วงฤดูกาลนี้ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับเหล่า Beef Lover
Course Beef Omakase จะมีให้บริการถึงปลายเดือนธันวาคม 2563 แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 เดือน
เริ่มต้นความประทับใจไปกับเมนูแรกอย่าง Beef Tallow Bread and Broth ขนมปังที่ทางเชฟนำเอาน้ำมันเนื้อมารมควันกับไม้มะขามและไม้ลิ้นจี่ ซึ่งจะทำให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่มและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ โรยด้วยพริกไทยแดง Kampot Pepper เสิร์ฟมาพร้อมกับ Beef Consomme หรือซุปใสเนื้อ ที่ใช้เวลาตุ๋นนานกว่า 24 ชั่วโมง ให้รสสัมผัสกลมกล่อม หอมกลิ่นเนื้ออย่างแท้จริง
ถัดมาที่อีกหนึ่งจานเรียกน้ำย่อยอย่าง Kobe Tartare and Caviar เนื้อโกเบส่วน Tenderloin ที่นำมาสับละเอียดพร้อมปรุงรสกลมกล่อม ทานคู่กับไข่ปลาคาเวียร์ เสิร์ฟมาใน Soy Sauce Cone ที่ทำมาจากซีอิ๊ว ให้สัมผัสถึงความกรอบและความหอม พร้อมรสชาติกลมกล่อมอย่างลงตัว
ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูที่เหล่าคนรักเนื้อต้องถูกใจอย่าง Beef Heart, Beef Jam on Toast ขนมปัง Sourdough ย่างด้วยน้ำมันเนื้อ ท็อปด้วย Beef Jam ที่นำเนื้อมาตุ๋นจนเปื่อย ปรุงรสกลมกล่อม หอมกลิ่นเนื้อ เสิร์ฟพร้อมหัวใจสไลด์บาง ๆ ย่างถ่านแบบ Medium Rare หรือสุกกำลังดี แล้วตัดเลี่ยนด้วยแตงกวาดอง
อีกหนึ่งเมนูสุดพิเศษ ต้องลอง Charcoal Crust Wagyu Flat, Black Garlic เนื้อ Australian Wagyu ส่วน Flat Iron ที่นับเป็นส่วนนุ่มที่สุดอันดับ 2 รองจากเนื้อสันใน นำมาคลุกเคล้าเข้ากับผงชาโคล ก่อนจะย่างกับเนยหอม ๆ เสิร์ฟพร้อม Black Garlic Puree ให้รสชาติหวาน ผสมผสานความนุ่มละมุนและรสสัมผัสของเนื้อแบบเต็มคำ
มาถึงเมนูไฮไลต์อย่าง 48-hr Wagyu Beef Tongue ลิ้นวัววากิวที่นำมาซูวี 48 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสสัมผัสนุ่มละมุน ซึ่งความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่การคัดเลือกเฉพาะส่วนของโคนลิ้น จากนั้นนำมาย่างถ่านแบบ Medium Rare ท็อปด้วยผักที่ย่างมาจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสยูซุและพริกเหลืองดอง ให้รสชาติเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ ไว้ตัดความเลี่ยน
ลิ้มลองความแปลกใหม่ของเมนูสุดครีเอตอย่าง A5 Wagyu เนื้อสไลด์ส่วน Ribeye ของ Matsusaka ที่ทางเชฟนำมาห่อกับฟัวกราส์ ก่อนจะนำมาย่างจนได้กลิ่นหอม พร้อมปรุงรสด้วยเกลือ Shiso ให้รสกลมกล่อม หอมมัน ทานคู่กับ Sauce Amaretto Port Wine ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานอย่างลงตัว เหมาะสำหรับใครที่ชอบทานทั้งเนื้อและฟัวกราส์
อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์ที่ใครทานต้องติดใจอย่าง Smoked Beef Ribs, Truffle ข้าวญี่ปุ่นอบเห็ดทรัฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมเนื้อ Thai Wagyu ส่วนของซี่โครงรมควันกับไม้ลิ้นจี่และไม้มะขามนานกว่า 14 ชั่วโมง จนได้ความนุ่มและความหอมที่พอดี โดยมีไฮไลต์อยู่การฝานเห็ดทรัฟเฟิลสด ๆ ก่อนเสิร์ฟ
ต่อด้วย Grass Fed Beef Tenderloin ที่ทางเชฟเลือกใช้เนื้อ Grass Fed Beef หรือวัวที่ถูกเลี้ยงด้วยหญ้าของออสเตรเลีย ซึ่งเนื้อจะมีมันน้อยและรสชาติไม่เลี่ยนเท่ากับวัวที่เลี้ยงด้วยธัญพืช เสิร์ฟมาบนขนมปัง ทานพร้อมซอสพริกขี้หนูรสจัดจ้าน ตัดกับความนุ่มชุ่มฉ่ำของเนื้อได้เป็นอย่างดี
ความอร่อยยังไม่หมดเท่านี้ ต่อกันที่ Wagyu Smoked Beef Cheeks แก้มวัววากิวที่นำมารมควันแบบเบา ๆ เป็นระยะเวลา 6-10 ชั่วโมง จนเปื่อยและละลายในปาก วางมาบนแผ่นแป้งตอติญ่าและซัลซ่ามะเขือเทศ ให้รสสัมผัสแบบนุ่มละมุนพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของการรมควัน
ปิดท้ายในส่วนของคาวด้วย 65-days Dried Aged Beef Mantou เนื้อฮอกไกโดส่วน Ribcap ที่ทางเชฟนำมา Dry Aged เป็นเวลา 65 วัน เพื่อให้ได้กลิ่นหอมพร้อมรสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะนำมาบด แล้วสอดไส้ในหมั่นโถวทอด เสิร์ฟพร้อมพริกฮาลาพิโนดองให้ทานคู่กัน
ส่งท้ายความประทับใจด้วยเมนูขนมหวานสุดฟินอย่าง Pickled Lemon Curd เลมอนเคิร์ดสอดไส้เจลมะนาวดองที่เคียงมากับเมอแรงก์พริกเกลือไว้ทานคู่กัน ให้รสเปรี้ยว ทานแล้วสดชื่น
ตามมาด้วย Hazelnut Chocolate Mousse Tart ดาร์กช็อกโกแลตเฮเซลนัททาร์ตรสเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมชาร้อน ๆ เป็นการปิดท้ายความอร่อยยามค่ำคืนได้อย่างน่าประทับใจ