Treat Yourself Right at Tr.EAT by Saneh Jaan
ชวนคนรักอาหารไทยไปสัมผัสความอร่อยครั้งใหม่ของ เสน่ห์จันทน์ ร้านอาหารไทยโบราณระดับมิชลินสตาร์ ซึ่งครั้งนี้ได้ต่อยอดความอร่อยภายใต้การดูแลร่วมกันกับทาง Sindhorn Midtown Hotel Bangkok (โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ) โรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านหลังสวน โดยใช้ชื่อว่า Tr.EAT by Saneh Jaan (ทรีท โดย เสน่ห์จันทน์) ร้านอาหารไทยโบราณบรรยากาศสบาย ๆ ที่พร้อมต้อนรับและเติมเต็มช่วงเวลาดี ๆ บนโต๊ะอาหารแก่ผู้ที่แวะเวียนเข้ามาลองทานให้ได้อิ่มเอมไปกับหลากหลายเมนูอาหารไทยโบราณรสต้นตำรับในราคาที่เข้าถึงได้ เสมือนเป็นการให้รางวัลตัวเองด้วยการทานของอร่อย ๆ และซึมซับบรรยากาศสุดประทับใจไปพร้อม ๆ กัน
Classic and Modern Vibes
Tr.EAT by Saneh Jaan (ทรีท โดย เสน่ห์จันทน์) สร้างสรรค์บรรยากาศการทานอาหารที่แตกต่างออกไปจาก ‘เสน่ห์จันทน์’ รูปแบบเดิมด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่ดูทันสมัยมากขึ้น ผสมผสานความคลาสสิกและกลิ่นอายแบบไทย ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ผ่านการเลือกใช้สีเอิร์ธโทน เฟอร์นิเจอร์ ภาชนะ และของตกแต่งแนววินเทจ พร้อมจำลองบรรยากาศความเป็นชิโน-โปรตุกีส มาถ่ายทอดไว้ภายในร้านได้อย่างน่าสนใจ เช่น ภาพถ่ายสมัยโบราณบนผนังห้องหรือภาพแผนที่ประเทศไทยในยุคสมัยก่อน โคมไฟรูปแบบคลาสสิก ตะเกียงเจ้าพายุ และซุ้มประตูโค้งอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นต้น
ภายในร้านมีหลากหลายโซนนั่งให้เลือกอิ่มอร่อยระหว่างวัน เปิดพื้นที่รองรับผู้ที่เข้ามาทานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนทำงานย่านหลังสวน ครอบครัว คู่รัก เรื่อยไปจนถึงการจัดงานอีเวนต์ Private Party ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการแบบครบครัน
A Taste of Saneh Jaan Cuisine
สำหรับใครที่เคยลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทยโบราณจากร้าน ‘เสน่ห์จันทน์’ กันมาบ้างแล้วนั้น ก็จะทราบว่าทางแบรนด์พร้อมเสิร์ฟอาหารด้วยรสชาติแบบไทยแท้ ทุกจานล้วนมีความประณีต ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ก่อนจะรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูจานเด็ดที่การันตีความอร่อยด้วยการคว้ารางวัลมิชลิน 1 ดาว ถึง 3 ปีซ้อนเลยทีเดียว และหากใครที่ยังคงประทับใจในรสชาติอาหารของทางเสน่ห์จันทน์แล้วละก็ Tr.EAT by Saneh Jaan (ทรีท โดย เสน่ห์จันทน์) แห่งนี้ พร้อมถ่ายทอดสูตรลับความอร่อย ตามแบบฉบับของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดดเด่นด้วยวัตถุดิบพื้นบ้าน เน้นเสิร์ฟหลากหลายเมนูทานง่าย ในราคาที่เข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น
The Best Dishes You Must Try
เมนูอาหารของทางร้านได้ เชฟขวัญเรือน แสงสีทอง มาเป็นผู้รังสรรค์ความอร่อย โดยส่วนใหญ่ยังคงรสชาติไทยแท้และเอกลักษณ์ในแบบของเสน่ห์จันทน์ไว้เช่นเดิม ก่อนจะปรับประยุกต์วัตถุดิบบางส่วนที่สามารถหาทานได้ง่ายขึ้น ถูกปากคนไทยทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าใครก็สามารถทานได้
เริ่มต้นความอร่อยกันที่เมนูยอดนิยมของทางร้านอย่าง ดอกขจรผัดวุ้นเส้นและแหนม (140 บาท) อาหารไทยโบราณที่นำเอาผักท้องถิ่นอย่างดอกขจรมาผัดน้ำมันเข้ากับวุ้นเส้นและแหนมหั่นชิ้น โดยให้รสชาติที่เข้มข้นจัดจ้าน ได้รสเค็มนิด ๆ เปรี้ยวหน่อย ๆ จากแหนม ตัดกับรสมันของดอกขจรอย่างลงตัวตามสูตรเฉพาะของเสน่ห์จันทน์
ตามมาด้วย หมูพะโล้เต้าเจี้ยวสูตรโบราณ (260 บาท) สำหรับเมนูพะโล้ คนส่วนใหญ่มักจะเคยทานพะโล้ในแบบสไตล์จีนที่เน้นใส่เครื่องสมุนไพรจำพวกโป๊ยกั๊ก อบเชย แต่สำหรับที่นี่แล้วจะเป็นพะโล้สูตรไทยโบราณซึ่งเลือกใช้เครื่องเทศที่มีส่วนผสมหลักของเต้าเจี้ยว เนื้อหมูสามชั้นที่เคี่ยวนานจนเปื่อยนุ่ม พร้อมด้วยเต้าหู้ และไข่พะโล้ในน้ำพะโล้แบบขลุกขลิกที่ให้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมหอมกลิ่นสมุนไพร
ส่วนอีกหนึ่งเมนูจัดจ้านแบบไทย ๆ ที่อยากให้ลิ้มลองก็คือ ห่อหมกปลาช่อน (260 บาท) ห่อหมกปลาช่อนนาที่ผสมเครื่องแกงมาแบบถึงเครื่อง เสิร์ฟลงในกระทงใบตองมาแบบพอดีคำ โดยให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มฟูและรสหวานของเนื้อปลาช่อนที่ปรุงรสและนึ่งมาแบบสดใหม่ หรือจะเป็น ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ (140 บาท) เมนูข้าวผัดน้ำพริกรสชาติตัดจ้านแบบไทย ๆ ที่ทางร้านนำน้ำพริกลงเรือมาผัดคลุกเคล้ากับข้าว ท็อปตามด้วยกุ้งแชบ๊วยตัวโต เสิร์ฟพร้อมไข่เค็ม หมูหวาน และผักเคียงให้ทานคู่กัน
จากนั้นมาต่อกันที่เซ็ตคู่ความอร่อยของ ข้าวมันส้มตำหมูฝอย (180 บาท) อีกหนึ่งเมนูอาหารไทยโบราณ ที่ทางร้านนำ ‘ข้าวมัน’ หรือข้าวที่หุงกับกะทิ ซึ่งรสสัมผัสที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกับข้าวสวยแบบทั่วไป แต่ให้กลิ่นหอมของกะทิที่อบอวลอยู่ในข้าว โดยจะเสิร์ฟมาพร้อมกับส้มตำไทยและหมูฝอย เป็นการผสานความอร่อยระหว่างข้าวมัน ส้มตำไทย และหมูฝอยที่ให้รสชาติเข้ากันอย่างลงตัว
ปิดท้ายเมนูอาหารคาวกันด้วยเมนู แกงรัญจวนหมู (220 บาท) อาหารไทยโบราณที่สืบทอดความอร่อยต่อกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งแต่เดิมเป็นเมนูอาหารที่มักถูกจัดอยู่ในสำรับห้องเครื่องของชาววัง โดยเป็นการนำน้ำพริกกะปิมาแกงรวมกันกับเนื้อหมูหรือวัตถุดิบต่าง ๆ ในครัว จนกลายมาเป็นแกงรสเด็ดที่ทางร้านก็ปรุงรสออกมาได้น่าทานส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจสมชื่อ
Thai Sweet Menus
เติมความอร่อยในมื้อพิเศษนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยหลากหลายเมนูขนมไทยโบราณรูปแบบประยุกต์ของร้าน Tr.EAT by Saneh Jaan ได้แก่ เมนู ส้มฉุนหิมะ (80 บาท) ผลไม้ลอยแก้วคลายร้อนแบบโบราณ ซึ่งสมัยก่อนถูกบันทึกไว้ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ในสมัยรัชกาลที่ 2 โดดเด่นด้วยส่วนผสมของส้มซ่าหอม ๆ พร้อมเพิ่มความพิเศษเข้าไปด้วยการทำออกมาในรูปแบบของเกล็ดหิมะหรือกรานิต้า (เป็นการนำน้ำเชื่อมที่ทำมาจากมะกรูด มะนาว และส้มซ่ามาเป็นส่วนผสมหลัก) สูตรเฉพาะของทางร้าน ให้เนื้อเนียนละเอียดเหมือนบิงซู โรยหน้าด้วยหอมเจียว ขิงอ่อน และมะม่วงดิบ ได้รสเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วชื่นใจ
อีกหนึ่งเมนูของหวานทานแล้วสดชื่นคือ ไอติมรวมมิตร (80 บาท) ไอศกรีมกะทิสดที่เสิร์ฟมาพร้อมกับท็อปปิ้งถั่วลิสงและมันเชื่อมแบบครบเครื่อง หรือจะเป็นเมนูยอดนิยมอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง (120 บาท) มะม่วงน้ำดอกไม้ ที่เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมูนนุ่ม ๆ ราดด้วยน้ำกะทิสดหอม ๆ ส่งท้ายการ Tr.EAT ตัวเองด้วยมื้ออาหารไทยแสนอร่อยได้อย่างน่าประทับใจ
