New Hopping Destination in Ngamwongwan
คงจะดีไม่น้อย ถ้าเราสามารถทำงานหลักควบคู่ไปกับงานที่ชื่นชอบด้วยในคราวเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำหน้าที่อะไรอยู่ก็ตาม การได้ทำในสิ่งที่รักอยู่เสมอ ย่อมสร้างพลังใจและแรงขับเคลื่อนให้ทำงานนั้น ๆ ออกมาได้ดี เช่นเดียวกันกับ คุณแนน-เจ้าของร้าน Vesper Coffee ที่เปิดคาเฟ่กึ่ง Co-Working Space ในย่านงามวงศ์วาน แม้เธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำธุรกิจด้านวิศวกรรม แต่ด้วยความชอบในด้านการทำอาหาร จึงเลือกนำเอาทั้งสองอย่างมาปรับใช้ด้วยกันจนเกิดเป็นคาเฟ่แห่งนี้
Nice Place for Everyone
Vesper Coffee ตั้งอยู่ในโครงการ Urban Square ริมถนนคลองประปา ซึ่งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยตัวร้านมาในคอนเซ็ปต์ที่เน้นความเคร่งขรึม โดยเลือกใช้โทนสีดำ วัสดุจำพวกอิฐ เหล็ก และปูนเปลือย พร้อมเติมความสดใสด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ ให้บรรยากาศภายในไม่ดูมืดมนจนเกินไป ที่ไม่ว่าใครหรือวัยไหน ๆ ก็เข้ามาแฮงเอาต์ได้ทั้งนั้น
แต่ละมุมภายในร้าน มีโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหาร ขนม และมีมุมโซฟานั่งชิลล์ ที่สามารถสั่งเครื่องดื่มมาดื่มด้วยได้ อีกทั้งยังมีโต๊ะขนาดใหญ่ที่กั้นเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน ภายในร้านมีการเจาะผนังเป็นรูปวงกลม เพื่อเพิ่มความเก๋และเสริมบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายมากขึ้น เหมาะมานั่งทำงานชิลล์ ๆ สไตล์ Co-Working Space
Enjoy Your Meal
เพราะในย่านงามวงศ์วานนั้นมีลูกค้าหลากหลายแบบ ตั้งแต่เด็กนักเรียนไปจนถึงวัยทำงาน ทางร้านจึงครีเอทเมนูต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มครอบครัว ให้ทุกคนได้มาอิ่มอร่อยกันทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอาหารว่าง อาหารจานหลัก ขนมหวาน และเครื่องดื่ม ล้วนมีให้เลือกสรร เริ่มต้นมื้อนี้กันด้วยอาหารจานหลักน่าลองอย่าง Penne Spicy Tomato with Chicken (125 บาท) เพนเน่เส้นเหนียวนุ่มที่ผัดคลุกเคล้ากับซอสสไปซี่และเนื้อไก่แบบเน้น ๆ ให้รสเผ็ดกำลังดี เหมาะสำหรับใครที่ชอบทานเมนูรสจัดจ้านแต่ทานง่าย อิ่มสบายท้อง
จากนั้นมาต่อกันที่ขนมหวานน่าลองกับเมนู Banana Nutty (120 บาท) แพนเค้กนุ่ม ๆ เสิร์ฟร้อน ท็อปด้านบนด้วยกล้วยหั่นชิ้นพอดีคำ โรยหน้าด้วยถั่วสารพัดชนิด ให้ความหอมมันและสัมผัสที่กรุบกรอบ เสิร์ฟมาคู่กันกับน้ำผึ้ง ให้รสชาติที่เข้ากัน ส่วนใครที่ชอบทานช็อกโกแลต ทางร้านแนะนำเมนู Red in Black (130 บาท) แพนเค้กช็อกโกแลตร้อน ๆ ราดซอสช็อกโกแลตเข้มข้น ท็อปด้านบนและตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รีสด เป็นเมนูที่ให้ทั้งความหอมหวาน ความเข้มข้นของช็อกโกแลต และรสหวานอมเปรี้ยวของเนื้อสตรอเบอร์รีสดที่มาช่วยตัดรสชาติ พร้อมเพิ่มความสดชื่นระหว่างที่ทาน
แน่นอนว่าเมนูนี้ สามารถจับคู่กับเครื่องดื่มน่าลองอย่าง It’s me (120 บาท) กาแฟม็อกเทล ที่ทางร้านนำกาแฟโคลด์บรูว์มาเชคกับน้ำเสาวรส ให้กลิ่นหอมและรสเปรี้ยวของเสาวรส ดื่มแล้วเรียกคืนความสดชื่นได้ดี
ต่อกันด้วย Mrs. Fruity (155 บาท) วาฟเฟิลอบร้อน ท็อปหน้าด้วยผลไม้สดที่มาช่วยเติมความสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอร์รี กีวี และแก้วมังกร เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมวานิลลาและวิปครีม เมนูนี้แนะนำให้สั่งมาทานคู่กันกับเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับคนรักชาเขียวอย่าง Holy Matcha (100 บาท) ชาเขียวที่ทางร้านเน้นความเข้มข้นมากกว่าปกติ โดยเลือกใช้ผงชาเขียวคุณภาพดี นำมาชงแบบหวานน้อย เสิร์ฟแบบร้อน ดื่มได้เพลิน ๆ
หรือจะลองเป็น Blackbox (115 บาท) เมนูที่ดัดแปลงมาจากลาเต้เย็น ด้วยการเสิร์ฟแบบ DIY เพิ่มความสนุกสนานในการมานั่งชิลล์มากขึ้นด้วยการนำเอาเอสเพรสโซช็อตและเจลลี่กาแฟสูตรโฮมเมดมาเสิร์ฟแยกกันกับนมสดวานิลลา ให้คอกาแฟได้กะเกณฑ์ปริมาณความหวานมันของนมในแก้วกาแฟได้ด้วยตัวเอง
ปิดท้ายกันด้วยเมนูที่เอาใจคนรักช็อกโกแลตโดยเฉพาะอย่าง Brownie Shock (135 บาท) ที่จัดเต็มความเข้มข้นของโกโก้ปั่น ท็อปด้วยบราวนี่หั่นเต๋า ราดซอสช็อกโกแลต แก้วนี้ให้ความหวานกำลังดี และสามารถรีเควสความหวานได้ด้วย