The Reinvention of Vesper
หลังจากได้รับกระแสตอบรับที่ดีในด้านบาร์เครื่องดื่มมานับตั้งแต่ปี 2014 ล่าสุดทาง Vesper ก็ได้มีการปรับโฉมและคอนเซ็ปต์สู่การเป็น 'Cocktail Bar' แบบเต็มตัว การันตีผ่านการรับตำแหน่งบาร์ค็อกเทลอันดับที่ 27 ประเภทรางวัล 'Asia’s 50 Best Bars 2018' ซึ่งนอกจากตัวร้านที่ออกแบบตกแต่งใหม่อย่างสวยงามแล้ว แน่นอนว่าเมนูเครื่องดื่มของที่นี่ก็ได้มีการรวบรวมรสชาติใหม่ ๆ หลากหลายเมนูไว้เอาใจสายดื่มทั้งหลายให้ได้ลองดื่มกัน
Classic European Cocktail Bar
สำหรับลุคใหม่ของทางร้านที่ผ่านการรีโนเวทเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าจะมีขนาดกะทัดรัดแต่ก็มีพื้นที่ให้นั่งดื่มอย่างสบาย ๆ โดยบริเวณบาร์กลางร้านถูกออกแบบให้ไม่สูงมากนักและกว้างขวางขึ้นเพื่อให้นั่งชิลล์ได้นานขึ้น ซึ่งในส่วนของวัสดุที่ทางร้านเลือกใช้คือโต๊ะหินแกรนิตสีเขียวเข้มที่ตัดกับเก้าอี้กำมะหยี่สีชมพูอ่อน ผสมผสานสไตล์วินเทจด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้มและเพิ่มมู้ดแอนด์โทนของบาร์ด้วยไฟสีส้มแสงสลัว ๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศคลาสสิกของบาร์ค็อกเทลสไตล์ยุโรปนั่นเอง
Introducing A New Chapter
เชื่อว่า (สายดื่ม) หลายคนยังคงจดจำกันได้ เกี่ยวกับคอนเซ็ปต์ค็อกเทลสุดท้าทายของทางบาร์ ภายใต้แนวคิดของ The Art Book ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2016 และต่อเนื่องมายังแนวคิดของ The Art Book : The Finale ที่นำผลงานศิลปะยุคต่าง ๆ ไม่ว่าเป็น Abstact, Surrealism, Modernism และ Popart มาศึกษาและตีความสื่อสารออกมาเป็นเครื่องดื่มแนวคลาสสิกที่ได้กระแสตอบรับจากนักดื่มมาเป็นอย่างดี จนกระทั่งถึงปีที่ผ่านมาก็เรียกได้ว่าสมการรอคอย!
ครั้งนี้ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ปฐมบทใหม่ของค็อกเทลสุดครีเอต ซึ่งทาง คุณปาล์ม-ศุภวิชญ์ มุททารัตน์ หรือ Bar Manager (ผู้ชนะรายการ Diageo World Class Thailand และได้รับการจัดอันดับให้เป็นบาร์เทนเดอร์ที่ดีที่สุดในโลก อันดับที่ 11 ของปี 2012) และทีมบาร์ กลับมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มีชื่อว่า 'Contrast' กับนิยามความแตกต่างของสิ่งตรงกันข้าม ที่คุณปาล์มเลือกตีความและหยิบจับ 'ความไม่เข้ากัน' มาใส่ในค็อกเทลที่ครีเอตขึ้นมาเป็นพิเศษในทุกค่ำคืน หลังจากที่ใช้ระยะเวลาหลายเดือนจนได้คอนเซ็ปต์ตามที่ต้องการในที่สุด
Inspired by Contrast
เร่ิมที่เมนูแรกกับ Deep / Shallow (370 บาท) เมื่อความตื้นลึกถูกครีเอตมาเป็นค็อกเทลสไตล์ Tropical Drink ที่ดื่มง่ายและรวมหลากหลาย Element ของรสชาติเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเบสรสชาติด้วย Smoked Whisky ที่ให้รสชาติเหมือนน้ำทะเล ด้วยการเลือกใช้ส่วนผสมของสาหร่ายวากาเมะอบแห้ง รวมเข้ากับ Bacardi Carta Blanca น้ำสับปะรดและน้ำมะพร้าว ได้กลิ่นอายของการไปนั่งจิบเครื่องดื่มริมทะเลเลยทีเดียว
Moon / Sun (400 บาท) ค็อกเทลที่ผสมผสาน 2 รสชาติ 2 เฉดแห่งความต่างเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ผ่านการเลือกใช้ดอกทานตะวัน ตัวแทนสัญลักษณ์ของความสดใสที่จะผลิบานยามพระอาทิตย์ฉายแสง และหุบลงยามพระจันทร์เข้ามาแทนที่ แก้วนี้คุณปาล์มจึงได้เลือกใช้เมล็ดทานตะวันคั่วหอม ๆ ที่ให้รสบิตเตอร์เป็นอย่างดี ผสานเข้ากับ Honey Galliano และ Tanqueray Sparkling Wine ที่ตัดกับรสชาติขมที่ปลายลิ้นเล็กน้อยของ Cocchi Americano ราวกับความขมนั้นเป็นตัวแทนแห่งพระจันทร์ รวมกันเป็นความหอมหวาน และปิดท้ายด้วยความเข้มขมอย่างสมบูรณ์แบบ
LGBT / Male / Female (400 บาท) เมื่อคำจำกัดความของเพศไม่ได้มีแค่หญิงชาย และ LGBT ได้เข้ามามีบทบาททางสังคมมากขึ้น ค็อกเทลแก้วนี้จึงออกแบบรสชาติให้มีความเข้มขมด้วยส่วนผสมของ Tanqueray, Cointreau และ Chandon Brut ในแบบชายชาตรี ก่อนจะผสานรสชาติความหอมหวาน อ่อนโยนแบบหญิงสาวด้วยการตกแต่งแก้วที่ใส่ความเป็น Feminine ลงไป แล้วท็อปด้านบนค็อกเทลด้วยเยลลี่โฮมเมด 7 สี ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติแตกต่างกันไปตามแต่ละแก้วที่เสิร์ฟ โดยแก้วนี้ผู้ดื่มจะสัมผัสถึงความหอมหวานของ Elder Flower จินรสแยมสตรอเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี และแอปเปิ้ล ได้ในระหว่างที่ดื่ม
จากนั้นปิดท้ายกันที่ Thai-ไท (440 บาท) ค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพ ‘กรุงเทพฯ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว’ ที่หลายคนน่าจะเคยพบเห็นตามป้ายบิลบอร์ดบนสะพานลอย และอาจขบขันให้กับความตลกร้ายของป้ายข้อความดังกล่าวนี้ สำหรับแก้วนี้ถูกตีความด้วยบิตเตอร์จากยาดองเสือ 11 ตัว ที่จัดเต็มความหอมของสมุนไพรไทย ผสมผสานเข้ากับวอดก้า Ketel One, Citrus Lynchee และเติมรสชาติความเผ็ดร้อนด้วยขิง จนได้ค็อกเทลที่มีรสชาติหอมหวาน ปนความขม (ขื่น) ที่อาจทำให้คุณอยากยกดื่มอีกหลาย ๆ รอบ ส่วนใครที่คิดถึงเครื่องดื่มภายใต้คอนเซ็ปต์ The Art Book แล้วละก็ ยังคงสามารถตามไปลิ้มรสกันต่อได้จากเมนูที่ถูกเลือกไว้ในลิสต์ Hall of Frame ประจำร้าน
