Calm Down by Whispering of Nature
ชวนหลบร้อนไปผ่อนคลาย แวะเติมพลังธรรมชาติบำบัดกันที่ Whispering Cafe คาเฟ่ออร์แกนิกบรรยากาศแสนอบอุ่น ละมุนชวนฝัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของ Whispering Land แหล่งเรียนรู้ธรรมชาตินอกเมือง จังหวัดนครปฐม ภายใต้การดูแลของ คุณปิ๋ม-ศิริลักษณ์ ริ้วบำรุง พร้อมผ่านการออกแบบและจัดสวนโดย คุณวิทย์-ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง นักจัดสวนชื่อดังของไทย พื้นที่แห่งนี้โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติจากความตั้งใจอันดีของทั้งคุณปิ๋มและคุณวิทย์ที่อยากให้ที่นี่เป็นมากกว่าคาเฟ่ พร้อมต้อนรับคนเมืองที่โหยหาธรรมชาติใกล้กรุงฯ ได้แวะมาผ่อนคลาย สัมผัสความสุขที่เรียบง่ายจากเสียงกระซิบของธรรมชาติรอบ ๆ ตัวอย่างเต็มที่
Surrounded by Trees
Whispering Cafe เติบโตมาจาก ‘Whispering Land’ ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่การเรียนรู้ทางธรรมชาติของเด็ก ๆ เมื่อครั้งที่ได้มีการจัดกิจกรรมประจำปี ‘ตลาดนัด Little Tree’ โดยเปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปได้เข้ามาเดินเล่น ถ่ายรูป ชมสวนแห่งนี้ จนกระทั่งกิจกรรมตลาดนัดค่อย ๆ ขยายพื้นที่มากขึ้น จนกระทั่งตัดสินใจเปิดให้บริการในโซนของคาเฟ่เพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นพื้นที่ชิลล์เอาต์ สามารถหลบแดดหลบฝนยามที่ต้องจัดค่ายการเรียนรู้ธรรมชาติของเด็ก ๆ หรือกิจกรรมต่าง ๆ และใช้เป็นพื้นที่รองรับกลุ่มคนที่ต้องการเข้ามาดื่มด่ำกับธรรมชาติ ใช้ช่วงเวลาดี ๆ แบบสบาย ๆ ภายในพื้นที่แห่งนี้ได้ตลอดทั้งวัน
ภายในพื้นที่ของสวน Whispering Land นั้นเลือกปลูกต้นไม้แบบผสมผสาน ตามความชอบส่วนตัวของทั้งคุณปิ๋มและคุณวิทย์ ที่นี่จึงละลานตาไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ร่ม ไม้ผล พืชผักสวนครัว ไปจนถึงต้นไม้สายพันธุ์เขตร้อนหรือนิยมปลูกบนทะเลทรายที่ต้องการแดดจัด ๆ อาทิ แคคตัส, ต้นมะกอก สายพันธุ์ต่างประเทศ นำเข้าจากประเทศฮอลแลนด์, กล้วย, มะละกอ, ส้มจี๊ด, ตะขบ, เลมอน, ดอกดาวเรือง, ดอกดาวกระจาย, ดอกโสน, ดอกกุหลาบ, มินต์, โรสแมรี่, พวงคราม, พวงชมพู, อัญชัน, ใบกะเพรา, มะอึก เป็นต้น เป็นการปลูกพืชพรรณแบบผสมผสาน ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัวและนำไปใช้สอยในครัวเรือนได้อย่างทั่วถึง ทั้งการนำไปประกอบอาหารและนำไปประดับตกแต่งร้าน
Feels Like Provence
ในด้านของการตกแต่งร้าน คุณวิทย์ตั้งใจดีไซน์ตัวอาคารออกมาให้มีกลิ่นอายเป็นสไตล์โพรวองซ์ ตามแบบบ้านชนบททางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เคล้ากลิ่นอายของสแกนดิเนเวียนิด ๆ เพราะเป็นรูปแบบโครงสร้างอาคารและงานดีไซน์บ้านที่คุณวิทย์ชื่นชอบเป็นพิเศษ
ปัจจุบันได้แบ่งแยกตัวอาคารออกเป็น 2 หลัง โดยพยายามให้ตัวอาคารบ้านหลังน้อยและอาคารหลังใหม่มีความเชื่อมโยงกันด้วยแนวการออกแบบโครงสร้างที่โปร่งโล่ง เปิดรับแสงธรรมชาติ และนำต้นไม้เข้าไปเป็นส่วนประกอบหลัก ตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคารเพื่อให้ได้บรรยากาศที่ร่มรื่นสมกับเป็นคาเฟ่ในสวน
ตัวอาคารยังคงเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เน้นเจาะกระจกและหน้าต่างเพื่อให้แสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามา ซึ่งหากมองออกไปด้านนอกก็จะได้ชมวิวสวนพืชพรรณเขตร้อนที่เหมือนเป็นจุด Natural Connection เชื่อมโยงถึงกันได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ได้เห็นใบไม้สีเขียวเข้มที่ตัดกันกับผนังสีขาวมู้ดโทนแสนอบอุ่น, พักสายตาชมนก-ชมดอกไม้ ได้ลองฟังเสียงรอบ ๆ ตัว เท่านี้คนมาเยือนก็เหมือนได้รับการบำบัดด้วยธรรมชาติ
“ที่นี่คงคอนเซ็ปต์คาเฟ่ในสวน นำต้นไม้มาเป็นตัวชูโรง แต่ละโซนก็จะมีต้นไม้ที่ต่างชนิดกัน เพราะแต่ละต้นมีคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเอง บ่งบอกความเป็นสวนนั้น ๆ อย่างที่ Whispering Cafe ตัวอาคารสไตล์โพรวองซ์มีลักษณะเป็นแบบนี้ เราเลยต้องเลือกหยิบจับต้นไม้สไตล์ยุโรปเขตร้อนมาใช้เพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศและสภาพอากาศ ทุกอย่างมีความเชื่อมโยง สัมพันธ์กัน ออกมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่มีใครเหมือน” - ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง
โดยเฉพาะโซนอาคารหลังใหม่ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งจุด Photogenic Spot สุดไฮไลต์ที่คนรักงานออกแบบบ้านสไตล์ยุโรปไม่ควรพลาด โดยทางร้านสร้างขึ้นเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอำนวยความสะดวกในการจัดสรรพื้นที่ ประยุกต์ใช้เข้ากับการจัดงานหลากหลายแบบ ทั้งสตูดิโอ จัดงานเลี้ยง จัดงานแต่งงาน และจัดงานนิทรรศการต่าง ๆ
“เราพยายามสร้างพื้นที่ที่สามารถประยุกต์ได้หลาย ๆ แบบ ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด เลยดีไซน์ออกมาให้เป็นพื้นที่โล่ง ๆ เพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยน space ต่าง ๆ ในอนาคตได้ตามความสะดวก” - ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง
ภายในอาคารหลังใหม่ บริเวณชั้นล่างบางส่วนถูกจัดวางให้เป็นห้องทำงานส่วนตัวของคุณวิทย์ โดยมีการนำเอาเฟอร์นิเจอร์ไม้ เฟอร์นิเจอร์หวาย ชั้นวางและข้าวของเครื่องใช้แนววินเทจมาใช้ในการตกแต่งเป็นหลัก ส่วนไอเดียในการจัดวางสิ่งต่าง ๆ ที่นี่ยังคงสภาพเดิมของบางอย่างไว้เช่นเดิม แม้จะเป็นสถานที่สร้างใหม่ แต่กลับแฝงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของความคลาสสิกที่ดูมีเรื่องราว
ผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ประตู-หน้าต่าง เสริมมนต์เสน่ห์กลิ่นอายของบ้านเก่าที่มีความคลาสสิก ความวินเทจ บ้านชนบทของทางฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี รวมถึงพื้นห้อง โต๊ะ-เก้าอี้ โดยเน้นโชว์พื้นผิวของวัสดุที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แตกต่างกันแต่กลับสามารถจัดสรรให้อยู่ภายในพื้นที่เดียวกันได้อย่างลงตัว
แน่นอนว่าพื้นที่ด้านนอกอาคารหลังใหม่ ยังมีโซนนั่งใต้ร่มไม้เอาไว้ให้พักผ่อนหย่อนใจกันตามอัธยาศัยอีกเช่นเคย
From Garden To Table
จากแนวความคิดของ คุณปิ๋ม ที่เชื่อในเรื่องของการมอบสิ่งที่ดีให้กับคนอื่นว่าเป็นการทำความดีอย่างหนึ่ง คาเฟ่แห่งนี้จึงพร้อมมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ ทุกอย่างถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของวัตถุดิบ ส่วนผสม และความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำ
นับตั้งแต่กระบวนการแรกในการบ่มเพาะให้เป็นพื้นที่อินทรีย์ ดูแลด้วยวิธีทางธรรมชาติ ไร้สารเคมี เพื่อนำผลผลิตที่ปลูกเองภายในสวน Whispering Land มาใช้ในคาเฟ่ และสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล หลากหลายเมนูของที่นี่จึงล้วนมาจากสวนทั้งสิ้น ตรงตามคอนเซ็ปต์ ‘From Garden To Table’ นอกจากผลผลิตที่ได้จากสวน Whispering Land แล้ว ทางร้านยังได้เลือกสรรวัตถุดิบออร์แกนิกและอินทรีย์เป็นหลัก ส่งตรงความสดใหม่จากสวนหรือจากชุมชน แหล่งผลิตที่เชื่อถือได้มาใช้ในการรังสรรค์ความอร่อยอีกด้วย
หากสังเกตไปที่โลโก้ของร้าน จะเห็นว่าถูกดีไซน์ออกมาเป็นรูปช่อมะกอกและดอกโสน โดยช่อมะกอกเป็นตัวแทนของวัตถุดิบที่ใช้ครีเอตเมนูอาหารตะวันตก ส่วนดอกโสนนั้นเป็นตัวแทนของวัตถุดิบที่ใช้ในการครีเอตเมนูอาหารไทย เพราะฉะนั้นทางร้านจึงเลือกเสิร์ฟความอร่อยทั้งอาหารแนวตะวันตกและอาหารไทยควบคู่กัน
ด้วยความที่ทางร้านเน้นย้ำในเรื่องของการนำผลิตผลจากธรรมชาติมาใช้ในการสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษ จึงมั่นใจได้ว่าสะอาดปลอดภัย และให้รสชาติเหมือนได้ทานกับข้าวบ้าน หลากหลายเมนูส่วนใหญ่ของที่นี่จึงเป็นสูตรโฮมเมดทั้งสิ้น ไล่เรียงตั้งแต่เมนูอาหาร เบเกอรี ไปจนถึงเครื่องดื่มเลยทีเดียว สำหรับเมนูแนะนำเริ่มต้นกันที่ Whispering Salad (200 บาท) สลัดผักนานาชนิดสูตรเฉพาะของที่นี่ โดยเลือกใช้ผักสลัดที่ปลูกในสวน Whispering Land โรยหน้าด้วยลูกตะขบ ชีส พร้อมราดตามด้วยน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของตะไคร้ ส้มจี๊ด และวัตถุดิบเฉพาะอื่น ๆ ที่ได้จากสวนทั้งสิ้น
ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์เพื่อสุขภาพอย่าง Homemade Tofu with Homemade Ume Sauce (120 บาท) เต้าหู้ทอดสูตรโฮมเมดที่ทำจากถั่วเหลืองอินทรีย์ ผ่านกระบวนการปรุงที่ทั้งสะอาดและปลอดภัย เสิร์ฟพร้อมซอสบ๊วยที่มีส่วนผสมของน้ำมะขามและดอกเกลือ ให้รสเปรี้ยวอมหวานตัดรสเค็มอย่างเป็นธรรมชาติ เข้ากับเนื้อสัมผัสนุ่ม ๆ ของเต้าหู้ทอดที่เสิร์ฟมาแบบร้อน ๆ ได้อย่างลงตัว
หรือจะเป็นเมนูทอดยอดฮิต ที่ถูกใจคนชอบทานกุ้งกับเมนู Olive Salt and Pepper Corn Prawns (120 บาท) กุ้งทอดกรอบนอกนุ่มในที่คลุกเคล้าเครื่องปรุงสูตรเฉพาะ ด้วยส่วนผสมของเกลือสีชมพูและผลมะตูมแขก หอมกลิ่นสมุนไพร ให้รสเผ็ดร้อนนิด ๆ ท็อปด้วยโรสแมรี่ เสิร์ฟพร้อมเลมอนฝานที่มาช่วยตัดรสชาติให้เมนูทานเล่นจานนี้อร่อยยิ่งขึ้น
ส่วนใครที่ชอบทานพาสต้าแนะนำให้ลองสั่ง Homemade Tagliatelle Carbonara with Champion Mushroom (180 บาท) ทาญาเทเล่ ราดซอสคาโบนาร่าเห็ดแชมปิญอง โดยจุดเด่นของเมนูนี้ ทางร้านจะเลือกใช้เส้นพาสต้าโฮมเมดที่ทำมาจากไข่เป็ดล้วน ๆ (เป็นไข่เป็ดจากแม่เป็ดที่ถูกเลี้ยงตามธรรมชาติภายในสวน Whispering Land) ได้รสชาติครีมมี่แบบกำลังดี
ทานอาหารสไตล์ตะวันตกกันไปแล้ว ถัดมาเป็นคิวของอาหารไทยจานเด็ดกันบ้างกับเมนู ข้าวคลุกกะปิ (150 บาท) ข้าวคลุกกะปิที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบและส่วนผสมอย่างดี ทั้งข้าวกล้องหอมมะลิ กะปิจากแหล่งผลิตที่ปลอดภัย และผักสวนครัวอินทรีย์จากสวน Whispering Land อัดแน่นไปด้วยเครื่องเคียงแบบเน้น ๆ ทานคู่กับน้ำราดสูตรเฉพาะ อร่อยอย่าบอกใคร!
หลังอิ่มอร่อยกับอาหารคาว อย่าลืมสั่งขนมเบเกอรีมาชิมกันสักหน่อย ครั้งนี้เอาใจคนชอบทานเลมอนด้วย Lemon Tart (150 บาท) ทาร์ตเลมอน ที่ทางร้านเลือกใช้เลมอนอินทรีย์มาเป็นส่วนประกอบหลัก เนื้อทาร์ตไม่ร่วนจนเกินไปให้รสหวานกำลังดี ส่วนเคิร์ดด้านบนให้กลิ่นหอมสดชื่นและรสเปรี้ยวนิด ๆ ของเลมอนอย่างเป็นเอกลักษณ์
ท้าชิงความอร่อยด้วยเบเกอรีโฮมเมดยอดนิยมอย่าง Yuzu Poppy Seeds (120 บาท) ขนมเค้กในรูปแบบของโดนัท ให้กลิ่นหอมสดชื่นของส้มยูซุและความกรุบกรอบของเมล็ดป๊อปปี้
ปิดท้ายกันด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ประจำร้านกับ Mapeed Soda (120 บาท) น้ำมะปี๊ดสุดสดชื่น คั้นจากผลมะปี๊ดสดที่ปลูกภายในสวน Whispering Land ผสมเข้ากับน้ำผึ้งที่ให้รสเปรี้ยวอมหวานอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเพิ่มความซาบซ่าด้วยโซดา ดื่มแล้วช่วยดับร้อนได้ดีระหว่างวัน
เรียกได้ว่ามาที่นี่แล้ว ไม่เพียงแต่จะได้มุมถ่ายภาพสวย ๆ ได้ทานอาหารออร์แกนิก ทานขนมเบเกอรีโฮมเมดแสนอร่อย และจิบเครื่องดื่มเพื่อเติมเต็มความสดชื่นเท่านั้น ธรรมชาติรอบ ๆ คาเฟ่แห่งนี้ยังเรียกร้องให้คุณได้ออกไปสัมผัสและใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย ท่ามกลางบรรยากาศสุดสงบร่มรื่น เป็นการค้นพบความสุขใจจากสิ่งธรรมดาแสนเรียบง่าย แต่กลับได้ความสบายใจอย่างที่ใครหลายคนอาจคาดไม่ถึง!