Published on September 27, 2022

The Story of ‘Zao’

ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงอีสาน ก็สามารถลิ้มรสความอร่อยนัวในแบบฉบับของอีสานแท้ ๆ ได้ที่ Zao Ekkamai หรือ ‘ซาว’ ที่ขยับขยายความอร่อยจากสาขาแรกที่จังหวัดอุบลราชธานี มาเปิดเป็นสาขาสองที่บ้านหลังน้อยในย่านเอกมัยให้ใครหลายคนได้คลายความคิดถึงบ้าน โดยมาพร้อมความตั้งใจที่อยากจะเปลี่ยนมุมมองของคนต่ออาหารอีสาน ด้วยการบอกเล่าถึงวัฒนธรรมอาหารอีสานในมุมมองใหม่ที่น่าสนใจและทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม โดย คุณอีฟ-ณัฐธิดา พละศักดิ์ ดีไซเนอร์สาวผู้ก่อตั้งร้านซาว

 

‘ซาว’ ร้านอาหารอีสานชื่อดังส่งตรงความอร่อยจากจังหวัดอุบลราชธานี

 

บรรยากาศเรียบง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนการทานข้าวที่บ้าน

‘ซาว’ ในภาษาอีสานหมายถึงการหยิบจับหรือการควานหาของ เพราะฉะนั้นคอนเซ็ปต์ของทางร้านจึงสื่อถึงการควานหาของดี ๆ วัตถุดิบดี ๆ ในแต่ละฤดูกาลมารังสรรค์สู่เมนูอาหารให้ทุกคนได้ลิ้มลอง พิเศษด้วยสูตรความอร่อยของ ‘ยายจุย’ แม่นมของคุณอีฟที่มักทำอาหารให้ทานมาตั้งแต่เด็ก โดยสูตรอาหารของยายจุยนั้นเน้นใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ปรุงรสตามตำรับอีสานแท้ ๆ ก่อนจะเสริมทัพความอร่อยให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของทุกคนในทีมที่ช่วยกันเฟ้นหาวัตถุดิบและคิดค้นทดลองสูตรตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือน ทำให้ทุกเมนูของทางร้านมีรสชาติตามแบบฉบับดั้งเดิมที่คนอีสานทานแบบไหน ซาวก็พร้อมเสิร์ฟแบบนั้น

 

รสชาติตามแบบฉบับดั้งเดิมที่คนอีสานทานแบบไหน ซาวก็พร้อมเสิร์ฟแบบนั้น

Good Vibes, Feel Like Home

ไม่เพียงแค่คอนเซ็ปต์การนำเสนอเมนูอาหารที่เน้นเสิร์ฟความอร่อยแบบดั้งเดิม บรรยากาศของทางร้านก็ยังคงแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับการเก็บโครงสร้างเดิมเอาไว้เช่นเดียวกัน นับตั้งแต่ภายนอกก็โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสีขาวแบบเรียบง่ายสไตล์บ้านยุคเก่า พร้อมป้ายโลโก้ ‘ซาว’ ที่ชวนให้เราอยากเข้าไปสัมผัสบรรยากาศด้านใน ทันทีที่เข้าไปก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความอบอุ่น สบาย ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนการทานข้าวที่บ้าน

 

สถาปัตยกรรมสีขาวแบบเรียบง่ายสไตล์บ้านยุคเก่า

 

บรรยากาศภายในร้านที่ให้สัมผัสถึงความอบอุ่น สบาย ๆ

 

แนวคิดการตกแต่งที่ให้ความสำคัญกับการเก็บโครงสร้างเดิมเอาไว้

Traditional Isan Cuisine

แน่นอนว่าวัตถุดิบทุกอย่างของทางร้านส่งตรงของดีมาจากเกษตรกรหรือพ่อค้าแม่ค้าหลากหลายแหล่งทั่วอีสาน รวมถึงตลาดวารินชำราบ ซึ่งเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบที่ซาวสาขาแรกเลือกใช้ของจากที่นี่ เพราะฉะนั้นสาขาที่เอกมัยแห่งนี้ก็การันตีได้เลยว่าทุกคนจะได้ลิ้มรสความอร่อยของวัตถุดิบจากอีสานแท้ ๆ เช่นเดียวกัน 

 

นำเสนออาหารอีสานในมุมมองใหม่ที่น่าสนใจและทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม

มาเริ่มต้นความแซ่บในหมวดส้มตำอย่าง ตำถั่วปูนาดอง (200 บาท) เมนูยอดนิยมของคนอีสาน มาพร้อมความแซ่บนัว จัดจ้าน โดยเป็นการนำเอาถั่วฝักยาวมาผ่านกรรมวิธีการตำและคลุกเคล้ารสชาติความอร่อยด้วยปลาร้าหอมและปูนาดองสูตรเฉพาะของทางร้าน ตั้งแต่คำแรกที่ทานก็ให้สัมผัสถึงรสชาติเผ็ดนัวตามตำรับสไตล์อีสานแท้ ๆ

 

ตำถั่วปูนาดอง (200 บาท)

ส่วนใครชอบทานตำผลไม้ ต้องห้ามพลาดกับ ตำกระท้อน (250 บาท) เมนูสุดพิเศษเฉพาะฤดูกาลนี้ที่ทางร้านคัดสรรกระท้อนคุณภาพดีส่งตรงมาจากชาวบ้าน ให้สัมผัสเนื้อแน่นและรสเปรี้ยวอมหวาน นำมาตำคลุกเคล้าด้วยปลาร้าหอมและปูนาดองสมุนไพรที่มีรสชาติไม่เค็มจนเกินไป ทำให้จานนี้มีทั้งรสชาติเปรี้ยว หวาน หอม เผ็ด นัว ที่ไม่ว่าใครทานก็ต้องถูกใจอย่างแน่นอน

 

ตำกระท้อน (250 บาท)

ดับรสชาติความเผ็ดด้วย เส้นเล็กผัดไข่กากหมู (180 บาท) เมนูที่คนอีสานมักทานคู่กับส้มตำ โดยเป็นการนำเอาเส้นเล็กที่มีความเหนียวนุ่มกำลังดี มาผัดคลุกเคล้ากับไข่และต้นหอมจนได้ที่ แล้วเพิ่มรสสัมผัสด้วยกากหมูเจียวกรอบ ที่ช่วยเสริมความอร่อยให้เมนูนี้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

 

เส้นเล็กผัดไข่กากหมู (180 บาท)

มาถึงเมนูไฮไลต์ที่ทางร้านแนะนำว่าต้องลอง คือ ปลายอนแม่น้ำมูลย่างเกลือ (350 บาท) ปลายอนสดใหม่ที่ส่งตรงมาจากแม่น้ำมูล มีรสชาติคล้ายปลาเนื้ออ่อน ส่วนเทคนิคกรรมวิธีการทำไม่มีความซับซ้อน เพราะทางร้านปรุงรสด้วยเกลือเท่านั้น ก่อนจะเสียบเข้ากับไม้ไผ่ป่าแล้วย่างจนได้กลิ่นหอม พร้อมโรยด้วยต้นหอมปิดท้าย หรือหากใครอยากเพิ่มรสชาติก็สามารถบีบมะนาวลงไปได้เช่นกัน เป็นเมนูที่สื่อถึงวัฒนธรรมการกินง่ายอยู่ง่ายของคนอีสานเป็นอย่างดี

 

ปลายอนแม่น้ำมูลย่างเกลือ (350 บาท)

ตามด้วยอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของอีสาน คือ ส้มชิ้นหมู (250 บาท) หรือแหนมหมูชิ้น เมนูที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตา เพราะทางร้านได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของชาวเวียงจันทน์ โดยจะเป็นการนำหมูไปหั่นเป็นชิ้นแทนการสับแล้วหมักให้มีรสเปรี้ยว ก่อนจะนำไปย่างถ่านหอม ๆ เสิร์ฟพร้อมมะนาว พริกสด พริกแห้ง และหัวหอม ให้ทานพร้อมกัน

 

ส้มชิ้นหมู (250 บาท)

ถัดมาที่เมนู ซี่โครงหมูอบโอ่ง (480 บาท) พิเศษด้วยกรรมวิธีการอบโอ่งแบบโบราณ คือการอบด้วยเตาถ่านที่ใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง จนได้ซี่โครงหมูที่มีความชุ่มฉ่ำกำลังดี ก่อนที่จะนำไปคลุกเคล้าด้วยน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดของทางร้าน ให้รสชาติหอม เข้มข้น จัดจ้าน แนะนำให้ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ รับรองว่าต้องติดใจ

 

ซี่โครงหมูอบโอ่ง (480 บาท)

ปิดท้ายด้วยการซดร้อน ๆ ให้คล่องคอกับเมนู ต้มปลายอนผักแขยง (350 บาท) พิเศษด้วยน้ำซุปรสกลมกล่อมที่ทางร้านเคี่ยวน้ำสต๊อกจากก้างปลาและหัวปลา ทำให้ได้น้ำซุปรสชาติหอมมันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะนำมาต้มกับปลายอนแม่น้ำมูล แล้วเพิ่มความหอมด้วยผักแขยง ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านที่คนอีสานมักนำมาประกอบอาหาร เมนูนี้จึงเต็มไปด้วยรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม หอม มัน นัว 

 

ต้มปลายอนผักแขยง (350 บาท)

Info
Hours
Open : 11AM - 10PM
Mon : 11AM - 10PM
Tue : Closed
Wed : 11AM - 10PM
Thu : 11AM - 10PM
Fri : 11AM - 10PM
Sat : 11AM - 10PM
Sun : 11AM - 10PM
Price

฿฿฿ 301-500 บาทต่อคน

Address
155 ซอยเอกมัย 10 แยก 6 (ซอยปรีดีพนมยงค์ 25) เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS เอกมัย

Facilities
Suggest an Edit