Larb and Hotpot Isan Restaurant
หลังจากที่ Zao Ekkamai ได้ขยับขยายความอร่อยมาจากสาขาแรกที่จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูอาหารพื้นบ้านที่คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดีและตั้งใจอยากส่งต่อวัฒนธรรมอีสานในมุมมองใหม่ให้คนเมืองได้ลองเปิดใจ จนอาจจะทำให้ใครหลายคนติดอกติดใจกันมาแล้ว ล่าสุดนี้ก็ได้เปิดอีกหนึ่งสาขาอย่าง ZaoLarb หรือ ‘ซาวลาบ’ พร้อมนำเสนออีกหนึ่งวัฒนธรรมอาหารอีสานนั่นคือ ‘ลาบ’ ซึ่งเป็นอาหารงานบุญของชาวอีสาน โดยมักจะทำเมนูนี้เพื่อฉลองเทศกาล พร้อมให้คุณได้สัมผัสอีกหนึ่งรูปแบบของความเป็นอีสานที่แตกต่างจากสาขาเดิม
Homey Vibes
บ้านหลังเก่าในซอยทองหล่อ 25 ถูกแปลงโฉมให้กลายมาเป็นร้าน ZaoLarb ได้อย่างน่าสนใจ โดยยังคงสถาปัตยกรรมโครงสร้างเดิมของบ้านหลังเก่าเอาไว้ และยังคงความเก๋และกลิ่นอายสไตล์ร้าน ‘ซาว’ สาขาเดิมได้เป็นอย่างดี และสาขานี้ยังเลือกใช้โทนสีน้ำตาลและวัสดุไม้ ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายตั้งแต่ก้าวเข้ามา ส่วนบรรยากาศด้านในถูกล้อมรอบด้วยกระจกใส เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาสาดส่องสร้างความอบอุ่นระหว่างวัน ที่จะทำให้คุณได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับเรื่องราวของวัฒนธรรมอาหารอีสานได้อย่างเพลิดเพลิน
Authentic Isan Food
ขึ้นชื่อว่าเป็นร้าน ‘ลาบ’ แน่นอนว่าที่นี่พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูลาบ รวมถึงแจ่วฮ้อนและอาหารอีสานสไตล์งานบุญที่ไม่ได้ทานกันบ่อย ๆ ทุกวัน โดยวัตถุดิบทุกอย่างนั้นส่งตรงของดีมาจากเกษตรกรชาวอีสานเช่นเดิม
แนะนำเมนูแรกอย่าง ลาบแตงโม (200 บาท) แตงโมรสหวานฉ่ำ นำมาคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องปรุงลาบอย่างพริกป่นและข้าวคั่ว เพิ่มความหอมด้วยใบสะระแหน่ ต้นหอมซอย และใบมะกรูดซอย ออกมาเป็นรสชาติกลมกล่อม จัดจ้าน ในขณะเดียวกันก็ได้ความหวานจากแตงโมที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ตามด้วย ลาบหมูยอ (350 บาท) ด้วยความที่ ‘ซาว’ เกิดขึ้นมาจากจังหวัดอุบลราชธานี จึงไม่พลาดที่จะนำ ‘หมูยอ’ ซึ่งเป็นของดีและอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดมาให้ทุกคนได้ทานกัน โดยทางร้านนำมาหั่นเป็นเส้นยาว ก่อนจะคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องปรุงลาบรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน ทานพร้อมหอมเจียวกรอบ ช่วยเสริมความอร่อยได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งเมนูที่ต้องลอง คือ ลาบเป็ด 3 ดาว (320 บาท) เมนูที่หาทานได้ยากในเมืองกรุง พิเศษด้วยเนื้อเป็ดแบบฉ่ำ ๆ นำมาคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องเทศและปรุงด้วยรสจัดจ้าน เคียงมาให้ทานพร้อมหนังเป็ดทอดกรอบ พริกทอด ใบมะกรูดทอด และกระเทียมโทนดองน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวาน เรียกได้ว่าเป็นอีกจานที่ครบรสความเป็นอีสานแท้
หากไม่ลองชิมเมนูนี้ก็อาจเรียกได้ว่ายังไม่เข้าถึงวัฒนธรรมอาหารอีสานอย่างแท้จริง สำหรับ ก้อยเลือดขม (280 บาท) เมนูประจำท้องถิ่นของชาวอีสาน โดยทางร้านคัดสรรเนื้อมาเป็นอย่างดี ก่อนที่จะนำไป Dry-Aged เป็นเวลา 5 วัน เพื่อเพิ่มรสชาติให้เนื้อมีความเข้มข้นมากขึ้น จากนั้นนำมาสับกับเครื่องในแล้วใส่เลือด พร้อมปรุงรสด้วยน้ำดีวัวแท้ ที่ให้รสชาติขมปนหวานกำลังดี
อีกหนึ่งเมนูขายดีของทางร้าน ต้องลอง ส้มเสือ 5 นาที (350 บาท) หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นแหนมเนื้อเสือร้องไห้ พิเศษด้วยการเลือกใช้เนื้อทาจิมะลำดวนส่วนเสือร้องไห้ที่มีมันแทรกกำลังดี นำมาหมักแล้วห่อใบตองย่างเตาถ่านจนได้ความหอมและสุกได้ที่ ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ รับรองว่าเข้ากันได้ดีสุด ๆ
ส่วนใครมองหาเมนูส้มตำ ทางร้านก็พร้อมนำเสนอความแซ่บตามแบบฉบับของร้าน ‘ซาว’ แนะนำ ตำมะอึกปูนาดอง (200 บาท) ส้มตำคลุกเคล้าน้ำปลาร้าที่ปรุงรสออกมาได้แซ่บนัว จัดจ้าน ผสมผสานความอร่อยเข้ากับ ‘มะอึก’ พืชท้องถิ่นที่มีรสชาติเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมปูนาดองสูตรเฉพาะ จานนี้ให้สัมผัสถึงรสชาติเผ็ดนัวตามสไตล์อีสานแบบเต็ม ๆ คำ
นอกเหนือจากเมนูลาบและอาหารพื้นบ้านอีสานที่น่าสนใจแล้ว ทางร้านยังมีชุดแจ่วฮ้อนที่น่าลิ้มลองไม่แพ้กัน โดยมีทั้งแจ่วฮ้อนงัว (เนื้อ) แจ่วฮ้อนหมู และแจ่วฮ้อนปลาให้เลือกทานตามใจชอบ แนะนำแจ่วฮ้อนงัวอย่าง เนื้อสันนอกทาจิมะลำดวนสไลด์ (860 บาท) เสิร์ฟคู่กับ ชุดผักแจ่วฮ้อนเล็ก (300 บาท) พิเศษด้วยเนื้อส่วนสันนอกของวัวทาจิมะลำดวนจากจากฟาร์มกำนันเตียงในจังหวัดศรีสะเกษ โดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมมัน เป็นเอกลักษณ์ ทานพร้อมกับน้ำซุปรสหอมกลมกล่อม ช่วยเสริมรสชาติและกลิ่นของเนื้อได้อย่างชัดเจน