The Heritage Boutique Hotel
สัมผัสมนต์เสน่ห์ของบ้านหลังเก่าที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี พร้อมด้วยประสบการณ์การเข้าพักแบบเป็นส่วนตัวที่ บ้าน ๒๔๕๙ บูทีคโฮเทลซึ่งตั้งอยู่บนถนนพาดสาย ใจกลางย่านเยาวราช โดดเด่นด้วยการออกแบบตัวอาคารในลักษณะของสถาปัตยกรรมกรรมจีน-โปรตุเกส (Sino-Portuguese Architecture) สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2459 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ก่อนจะนำลำดับตัวเลขปีที่สร้างมาใช้เป็นชื่อของโรงแรมในลำดับต่อมา รวมถึงอนุรักษ์และถ่ายทอดความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์นี้ให้คนไทยและชาวต่างชาติได้ซึมซับเรื่องราวในอดีตตลอดการเข้าพัก
Classical Architecture
แรกเริ่มเดิมทีโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นบ้านเก่า มรดกตกทอดของตระกูล วทานยกุล ซึ่งต่อมาได้อยู่ในความดูแลของ คุณป๊อก-สุขสันติ์ เอื้ออารีชน เจ้าของโรงแรมคนปัจจุบัน ที่ตั้งใจเก็บโครงสร้างเดิมของบ้านไว้ เก็บวัสดุทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็น ประตู-หน้าต่าง พื้นบันไดไม้ เพดานเขียนปูน โดยนำกลับมาใช้ แล้วรีโนเวทออกมาให้มีสภาพใกล้เคียงกับหลังเดิมในสมัยอดีตให้มากที่สุด พร้อมสอดแทรกเรื่องราวประวัติความเป็นมา นำพาทุกคนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ที่เต็มไปด้วยความบังเอิญมากมาย
บ้างก็สันนิษฐานว่าเคยเป็นโรงพิมพ์มาก่อน บ้างก็ว่าเคยเป็นโรงน้ำชา ก่อนเปลี่ยนถ่ายไปเป็นโกดังเก็บสินค้า จนกระทั่งกลายมาเป็นโรงแรมในปัจจุบัน
เจ้าของคนแรกของ บ้าน ๒๔๕๙ คือตระกูลอับดุลราฮิม ก่อนจะถูกขายให้กับคุณปู่อดัม ชาวมุสลิมจากประเทศอินเดียซึ่งอพยพมาสร้างเนื้อสร้างตัวที่ไทย คล้ายกับคนจีนในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยคุณปู่อดัมได้แต่งงานกับคุณยายละม่อม เมื่อคุณปู่อดัมเสีย คุณยายละม่อมจึงให้พี่ชายและภรรยาซึ่งมีลูกชายคือคุณประยูร เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย ต่อมาช่วงสมัยสงครามโลกบ้านหลังนี้ได้ถูกทิ้งร้างเอาไว้ คุณประยูรได้ไปพบรักกับภรรยา ทั้งคู่เป็นมุสลิมจากตระกูลที่ร่ำรวย แต่ความรักนั้นมีอุปสรรค เพราะต่างนับถือศาสนาคนละนิกาย (นิกายชีอะห์ (Shiah) กับนิกายซุนนี (Sunni)) แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน พร้อมมีบุตรด้วยกัน 3 คน โดยคนโตคือคุณประภาทิพย์ผู้เป็นเจ้าของบ้านคนปัจจุบัน ส่วนเรื่องบังเอิญอันน่าอัศจรรย์ก็คือ ภรรยาของคุณประยูรนั้น เป็นลูกหลานของตระกูลอับดุลราฮิม เจ้าของคนแรกของบ้านหลังนี้นั่นเอง
ความน่าสนใจของบ้าน ๒๔๕๙ คือรูปแบบสถาปัตยกรรมของตัวอาคาร ที่มีสไตล์การตกแต่งแบบชิโนโปรตุกีส แล้วเพิ่มเติมความหรูหราลงไป ออกแบบภายในให้น่าเข้าพักมากขึ้น โดยพื้นที่ทั้ง 2 ชั้นของบ้าน ๒๔๕๙ ใช้เป็นที่ตั้งของห้องพักจำนวนทั้งหมด 4 ห้อง ซึ่งถูกตั้งตามหมายเลขปีพุทธศักราชของชื่อโรงแรม คือห้อง ๒, ๔, ๕ และ ๙ โดยชั้นแรกประกอบไปด้วยห้อง ๒ และ ๔ ส่วนชั้นสองมีห้อง ๕ และ ๙ ส่วนชั้นบนสุดนั้นเป็นดาดฟ้า
บริเวณชั้น 2 ยังมีบันไดเวียนไม้ขึ้นไปสู่โถงกลางบ้าน ซึ่งทางโรงแรมใช้เป็นห้องทานอาหารเช้าของแขกผู้เข้าพัก เสิร์ฟอาหารแบบท้องถิ่น เช่น โจ๊กสามย่าน ร้านอร่อยในเยาวราช หรือจะเป็นเมนูแนะนำอย่าง CHATA Big Breakfast (250 บาท) เซ็ตอาหารเช้าที่ประกอบด้วย ไข่กระทะ กาแฟลาเต้ และครัวซองต์อบสดใหม่ทุกวัน
ภายในบริเวณนี้จัดเป็นในลักษณะของห้องนั่งเล่น ที่มีโซนนั่งทั้งแบบโต๊ะไม้ โซฟาให้นั่งทานอาหารกันแบบสบาย ๆ เสริมกิมมิกบนฝาผนังด้วยพระบรมฉายาลักษณ์และพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 คล้ายกับว่ามีแกลเลอรีขนาดย่อมมาจัดแสดงไว้ภายในโรงแรมให้ทุกคนได้ระลึกถึงพระองค์ท่าน นอกจากนี้แล้ว ในโซนดังกล่าวยังมีระเบียงด้านนอกให้ได้ออกไปชมทิวทัศน์ชุมชน วัดวาอารามรอบ ๆ ย่านเยาวราช ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคสมัยก่อนอีกด้วย
Four Unique Exclusive Rooms
ในส่วนของห้องพักแต่ละห้อง ถูกดีไซน์ ตกแต่งภายในด้วยมู้ดแอนด์โทนสีและการมิกซ์แอนด์แมทช์เฟอร์นิเจอร์ที่ต่างกัน เริ่มตั้งแต่ ห้องหมายเลข ๒ (6,000 บาท) ห้องสุดพิเศษที่มีบันไดทางเข้าส่วนตัว ให้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ออกแบบโดยใช้โทนสีเขียวอ่อนสลับกับไม้สีเข้ม จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่เพดานเขียนปูนที่มีอายุนับร้อยปี โดยทางโรงแรมได้อนุรักษ์ไว้ เพื่อให้เห็นถึงความสวยงามของการตกแต่งอาคารในยุคสมัยก่อน อีกทั้งยังใช้โคมไฟระย้าทองเหลืองโบราณห้อยอยู่เหนือเตียงไม้กลึงสี่เสาเพื่อเพิ่มความหรูหราขึ้นอีกขั้น
ห้องหมายเลข ๔ (4,200 บาท) ห้องเตียงคู่ที่นำเอาเตียงเดี่ยวโบราณมาดัดแปลงให้เป็นเตียงคู่ มาในมู้ดแอนด์โทนสีเทาอ่อนตัดกับผนังไม้สีขาว ประดับด้วยรูปภาพ สถานที่สำคัญในอดีต ห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องพื้นโบราณ พร้อมด้วยอ่างอาบน้ำขาลอยสุดคลาสสิก
ห้องหมายเลข ๕ (5,520 บาท) ห้องพักประเภทสวีทที่มาในธีมสีเหลืองสดใส ภายในห้องมีทั้งโซนห้องนอนและห้องนั่งเล่น มาพร้อมวิวสวนด้านหน้าของโรงแรม ส่วนการตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์หลักเป็นโซฟากำมะหยี่สีเขียวอ่อน ตามมาด้วยการเลือกใช้พื้นไม้ดั้งเดิม เพดานสูงโปร่ง ให้แขกผู้เข้าพักไม่รู้สึกอึดอัด
ห้องหมายเลข ๙ (4,800 บาท) ห้องพักยอดนิยมของโรงแรมที่มาในธีมสีฟ้า ละมุนตา มีการจัดวางองค์ประกอบของห้องได้อย่างพอดิบพอดี เลือกใช้เครื่องเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจอย่างโต๊ะสมัยโบราณ โซฟากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม เป็นต้น รวมทั้งมีช่องระบายอากาศแบบโบราณ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของช่างในสมัยก่อนทำเอาไว้เพื่อระบายความร้อนจากภายในตัวบ้านสู่ภายนอก ทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นสบาย
CHATA Specialty Coffee
ถัดจากเรื่องของที่พัก อีกหนึ่งสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นโซนไฮไลท์ของบ้าน ๒๔๕๙ นั่นก็คือ CHATA Specialty Coffee คาเฟ่-ร้านกาแฟสุดฮิปที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณโรงแรม ต้อนรับคอกาแฟด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพดี จากแหล่งเพาะปลูกชั้นนำของโลก
หลังจากเปิดตัวไปด้วยโซนห้องเรือนกระจกแล้ว ล่าสุดทางคาเฟ่ได้เพิ่มอาคารหลังใหม่ที่เรียกว่าโซนศาลาบริเวณด้านหน้าโรงแรม เพื่อขยายพื้นที่ร้านให้คอกาแฟได้นั่งดื่มกาแฟแบบสบาย ๆ มากขึ้น ภายในตกแต่งด้วยโทนสีเขียวของผนังและต้นไม้โดยรอบ เข้ากับความคลาสสิกของตัวโรงแรม โดยสำหรับโซนนี้จะเปิดให้บริการในส่วนของ Slow Bar มีเคาน์เตอร์กาแฟดริป เครื่องดื่มรีเฟรชชิ่ง และโฮมเมดเกอรี่แสนอร่อยที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของขนมไทยลงไปด้วย รับรองว่าถูกใจคนรักกาแฟและขนมไทยแน่นอน
ส่วนใครที่อยากลิ้มลองความอร่อย เมนูเครื่องดื่มที่ต้องลองสั่ง ได้แก่ Latte La Toey (130 บาท) กาแฟลาเต้ ผสมไซรัปใบเตย ได้รสละมุนของกาแฟลาเต้และกลิ่นหอม ๆ ของใบเตย
หากไม่ดื่มกาแฟ ขอแนะนำ Baby Chic (120 บาท) ช็อกโกแลตเข้มข้นผสมไซรัปสตรอเบอร์รี แล้วโรยด้วยเกล็ดช็อกโกแลต เป็นเมนูที่เรียกความสดชื่นระหว่างวันได้ดีไม่แพ้กาแฟเลยทีเดียว
หรือจะเป็น Butterfly Effect (130 บาท) น้ำเสาวรส-อัญชัน ที่มีส่วนผสมของน้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล และน้ำใบเตย ให้รสเปรี้ยวอมหวานที่ผสานกันอย่างลงตัว เหมาะสำหรับสายรักสุขภาพที่ชอบดื่มน้ำผลไม้สกัดเป็นพิเศษจริง ๆ
มาถึงเมนูเบเกอรี่กันบ้าง สามารถสั่งมาทานคู่กับเครื่องดื่มได้แบบเข้ากันสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็น Red Velvet Cake (65 บาท) เค้กเรดเวลเวทที่มีส่วนผสมของโกโก้และน้ำส้มสายชูจนได้เค้กสีแดงสดรสเปรี้ยวอมหวาน ทานไม่เลี่ยน ตามมาด้วย Coconut Cake (65 บาท) เค้กมะพร้าวเนื้อนุ่ม หวานน้อย รสละมุน
และซิกเนเจอร์เมนูอย่าง เค้กขนมต้ม (145 บาท) เค้กชิฟฟ่อนเนื้อนุ่มที่ท็อปบนมาด้วยมะพร้าวอบควันเทียน แป้งโมจิ และข้าวพองที่ช่วยเพิ่มความกรุบกรอบ ทานแล้วชวนให้นึกถึงขนมต้มไทยสมัยโบราณที่ทางร้านนำมาดัดแปลงหน้าตา ผสานรสชาติให้อร่อยลงตัวและทานง่ายขึ้น
‘บ้าน ๒๔๕๙’ เป็นสถานที่พักผ่อนหลีกหนีความวุ่นวาย รอให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศของชุมชนพาดสายซึ่งรายล้อมไปด้วยวัฒนธรรมหลากหลาย ที่มีทั้งมัสยิด วัดไทย และวัดจีน อยู่รวมกันในชุมชน ให้ได้รับทั้งกลิ่นอายของอดีต ความเงียบสงบของเยาวราชในมุมที่หลายคนอาจจะไม่ได้เห็น และความอบอุ่นที่เข้ามาเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขให้คุณตลอดการเข้าพักอย่างแน่นอน