Urban Lifestyle In Ari
ท่ามกลางกระแสร้านคาเฟ่เก๋ ๆ ที่เปิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ใจกลางย่านอารีย์ยังมีโรงแรมที่รองรับนักท่องเที่ยวแนวฮิปสเตอร์ แบ็คแพ็คเกอร์อีกด้วย หนึ่งในนั้นคือ Josh Hotel บูทีคโฮเทลคอนเซ็ปต์ Modern Vintage ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบตัวอาคารและการเลือกใช้โทนสีโทนสีเทา เขียว ฟ้า ในแนววินเทจ ราวกับหลุดออกมาจากพรีเซ็ทของแอปพลิเคชั่น VSCO
Josh Spaces
ที่นี่ใส่ใจในรายละเอียดทั้งเรื่องมู้ดแอนด์โทนนับตั้งแต่โซนล็อบบี้ที่สร้างกิมมิกด้วยตู้แขวนกุญแจแบบโบราณ ช็อปสินค้าให้ผู้เข้าพักได้เลือกช้อป ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าผ้า Tote Bag, แผ่นเสียงสุดคลาสสิก, แบรนด์เสื้อผ้า Sunbath and Pool Only, แบรนด์สบู่แพ็กเกจจิ้งสุดน่ารัก และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเร็ว ๆ นี้ทางโรงแรมจะเพิ่มเติมในส่วนของ Mini Theatre Room และ Mini Workshop Space เข้าไปให้เกิดการปฏิสัมพันธ์อันดีและกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ให้ผู้เข้าพักและคนทั่วไปได้มี Activities ร่วมกัน
Knock Knock
โรงแรมแห่งนี้มีทั้งหมด 71 ห้อง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีห้องพักแต่ละประเภทคละ ๆ กันไปทุกห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ ห้อง Superior Room (ราคา 1,750 บาท ต่อคืน รวมอาหารเช้า) จำนวน 17 ห้องใช้เตียงแบบ Twin ที่สามารแยกเตียงได้, ห้อง Deluxe Room (ราคา 2,100 บาท ต่อคืน รวมอาหารเช้า) จำนวน 36 เตียงใช้เตียง Double King Size เตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ขึ้น, ห้อง Family Room (ราคา 2,500 บาท ต่อคืน รวมอาหารเช้า) จำนวน 17 ห้อง เตียง Double King Size และเพิ่มความพิเศษด้วยเตียง 2 ชั้น เหมาะสำหรับมาพักกันแบบครอบครัวหรือกลุ่มใหญ่
และ ห้อง JOSH Room (ราคา 3,150 บาท ต่อคืน รวมอาหารเช้า) จำนวน 1 ห้อง เป็นห้องเดี่ยวดีไซน์สไตล์จีนที่มีขนาดกว้างที่สุดของโรงแรม มาพร้อมมุมห้องนั่งเล่น และอ่างอาบน้ำส่วนตัว ภายในห้องพักทุกห้องและตลอดทางเดินเพิ่มกิมมิกด้วยภาพวาดบนผนัง คาแร็คเตอร์ตัวการ์ตูนที่เป็นนักเดินทาง มีสาขาอาชีพและเชื้อชาติแตกต่างกัน เพื่อสื่อถึงสโลแกนของคำว่า JOSH ซึ่งย่อมาจาก Journey of someone Hotel นั่นเอง อีกทั้งยังมีมุมไฮไลท์สระว่ายน้ำสีเขียวโทนวินเทจที่สอดคล้องกับตัวโรงแรมอย่างมาก
Cafe & Restaurants
นอกจากนี้บริเวณชั้นล่างยังมีโซนห้องอาหารเช้าในลักษณะของไลน์บุฟเฟ่ต์ที่เสิร์ฟแบบ American Breakfast พร้อมชา กาแฟ นม ขนมปัง และเมนูสลัด (ราคา 350 บาท) ส่วนใครที่อยากทานอาหารจานเดียวก็สามารถสั่งเมนู A La Carte มาทานได้ด้วย ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ทางโรงแรมก็เตรียมพร้อมเปิดให้บริการร้านอาหาร 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ ร้าน Marigold อาหารใต้พื้นเมืองจากเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และร้าน Fishes 101 ร้านอาหารญี่ปุ่น รวมถึงช็อปไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ Hello Summer ที่ถือเป็นการรองรับเหล่านักชิมที่มากิน เที่ยว ช้อปแถวย่านอารีย์ไปในตัวโดดเด่นทั้งงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงอยู่ในทำเลที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมือง เรียกได้ว่าเป็น Hidden Place อีกแห่งในซอยอารีย์ที่ Vintage Lovers ทั้งหลายไม่ควรพลาดไปเช็คอิน