Experience True Local Ways of Life
ท่ามกลางการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ภาพความวุ่นวายของกรุงเทพฯ ที่หลายคนคุ้นชิน จะดีแค่ไหนถ้าใจกลางเมืองแบบนี้ยังมีพื้นที่ที่ให้เราได้พักผ่อนหย่อนใจ เผยให้เห็นมุมสงบ พบความน่าอยู่ของเมืองกรุงเทพฯให้ได้ชื่นใจอยู่บ้าง อย่างที่ Kloem Hostel โฮสเทลบ้านไม้ 2 หลังที่ตั้งอยู่ในย่านพักอาศัยของซอยกิ่งเพชร หรือเพชรบุรีซอย 5 บริเวณเขตราชเทวี-พญาไท แห่งนี้ พร้อมต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาเยือนได้เข้าถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างอิสระ ภายใต้บรรยากาศแสนอบอุ่นที่มอบทั้งความสบายกาย สบายใจ ให้ทุกคนได้ลองเข้ามาทำความรู้จักกับชุมชนคนกรุงเทพฯ ในภาพลักษณ์ใหม่ กับหลากหลายมุมมองความน่า (หลง) รักที่ซ่อนตัวอยู่ รอให้คนภายนอกเข้ามาสัมผัสความน่าประทับใจเหล่านี้ด้วยตัวเอง
จากบ้านไม้ไทยดั้งเดิมสองหลัง ใจกลางกรุงเทพฯ วันนี้ได้กลายมาเป็นโฮสเทลที่เปิดประตูต้อนรับนักเดินทางที่มองหาการพักผ่อนอย่างเรียบง่าย ผสานไว้ด้วยกลิ่นอายชุมชนดั้งเดิมของไทย ด้วยเจตนารมณ์ที่อยากรักษาบ้านหลังเก่านี้ไว้ การบูรณะซ่อมแซมของ Kloem Hostel จึงมีทั้งทีมสถาปนิก ทีมตกแต่งภายใน ช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านงานไม้ เพื่อช่วยกันออกแบบให้โฮสเทลหลังนี้ยังคงมีเอกลักษณ์เดิมในรูปโฉมที่ร่วมสมัยเหมาะกับการเข้าพักอาศัยจริงของแขกผู้เข้าพักที่มาเยือนหลากหลายแบบมากขึ้น
A Day at Kloem
ใครเลยจะรู้ว่าย่านใจกลางเมืองแบบนี้จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ได้บรรยากาศสบาย ๆ ราวกับได้เข้าพักในบ้านไม้ตามแถบต่างจังหวัดเลยทีเดียว หากจะเท้าความถึงที่มาที่ไป คุณแก้ม-วรรณกานต์ กิจคุณาเสถียร คือเจ้าของโฮสเทลแห่งนี้ ก็ได้บอกเล่าถึงการเปลี่ยนบ้านไม้ให้กลายเป็นโฮสเทลแสนน่ารักอบอุ่นแบบไทย ๆ นี้ว่า ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์ไปในหลายประเทศ จนเริ่มมองเห็นพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนยุคสมัยใหม่ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในเรื่องของการเลือกที่พักอย่างโฮสเทลที่ต้องการการบริการแบบเป็นกันเอง มีพื้นที่ส่วนกลางของโฮสเทลไว้ให้พักผ่อนหย่อนใจ นั่งเล่นพูดคุยกัน ใช้เวลาว่างกันอย่างเต็มที่ ไปจนถึงการที่นักท่องเที่ยวที่ชอบพักและเที่ยวในสถานที่ที่คนท้องถิ่นนิยมไปกันมากขึ้น จึงนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นไอเดียในเปิดโฮสเทล สานต่อธุรกิจส่วนตัวนี้ให้กับทางบ้าน และด้วยความที่เกิดและเติบโตอยู่ในชุมชนย่านตลาดกิ่งเพชรมาก่อนนั่นจึงทำให้คุณแก้มนำกลิ่นอายความบ้าน ๆ บรรยากาศของวิถีชุมชนมาเป็นส่วนประกอบของ Kloem Hostel
เพื่อถ่ายทอดวิถีชีวิตของชุมชนแบบคนกรุงเทพฯ แท้ ๆ ให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัส ที่นี่จึงนำเอาจุดเด่นของพื้นที่ภายในบ้าน และความเป็นกันเองของชุมชนโดยรอบมาถ่ายทอดผ่านอาคารบ้านไม้ 2 หลัง ที่เน้นการออกแบบ เลือกใช้วัสดุ รวมทั้งตกแต่งให้คงกลิ่นอายจากสิ่งที่มีอยู่ ก่อนจะปรับดัดแปลงให้เข้ายุคสมัย ใส่โครงสร้างเหล็กที่เป็นของใหม่เชื่อมบ้านสองหลังเข้าด้วยกัน ให้ได้ความคลาสสิกของยุคอดีตที่สามารถใช้งานได้จริงในปัจจุบัน
บริเวณด้านหน้าสุดของโฮสเทลคือส่วนของ Reception ซึ่งเมื่อเดินผ่านเข้าไปด้านในจะเห็นว่าพื้นที่ระหว่างบ้านของทั้งสองหลังถูกเชื่อมต่อกันทำให้เป็นชานพักแสนร่มรื่น มีเปลญวนขนาดเล็กวางอยู่ตามจุดต่าง ๆ ให้ผู้เข้าพักได้ใช้เวลาว่างส่วนตัว นอนเล่น จะอ่านหนังสือ เล่นดนตรี หรือเอกเขนกชิลล์ ๆ บนเสื่อกับ ‘เจ้าอ้วน’ น้องเหมียวเจ้าถิ่นสุดน่ารักที่ Kloem Hostel ก็เลือกพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยเลย นอกจากนี้ยังมีเปลญวนขนาดใหญ่ที่รองรับน้ำหนักอย่างปลอดภัยได้ถึง 8 คน แขวนลอยอยู่เหนือพื้นที่ส่วนกลางระหว่างบ้านพักทั้งสองหลัง ซึ่งตัวเปลญวนและความดีงามของมุมนี้เองที่ตอบโจทย์ สื่อถึงความเคลิ้มได้เห็นภาพที่สุดและดีที่สุด ต่อให้ภายนอกจะร้อนแค่ไหน เพียงก้าวเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังนี้ บริเวณนี้ก็จะเย็นใจ ชวนให้เคลิบเคลิ้มได้ทุกสถานการณ์
Surrounding Community
ด้วยความที่โฮสเทลแห่งนี้ตั้งอยู่ในชุมชนชาวไทย จีน และมุสลิมที่อยู่รวมกันอย่างสันติ เพราะฉะนั้นแขกที่เข้ามาพักจึงสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนของคนกรุงเทพฯ ในย่านนี้ได้ด้วยการเดินชมบรรยากาศความคึกคักของตลาดเช้า แผงขายอาหารมากมายจากทุกวัฒนธรรม รวมถึงบรรยากาศบ้าน ๆ ของชุมชนไทยอย่างค่ายมวยและซุ้มไก่ชน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะปรากฏให้เห็นอยู่ในใจกลางเมือง
Kloem Hostel ต้องการเปลี่ยนมุมมองภาพลักษณ์ใหม่ให้กรุงเทพฯ เป็นที่น่าจดจำในสายตานักท่องเที่ยวว่าสถานที่แบบนี้คือวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนกรุงเทพฯ สามารถซึมซับภาพความประทับใจแบบนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลไปถึงต่างจังหวัด มาพักที่นี่จะได้เห็นไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้คนละแวกนี้ มีทุกสาขาอาชีพ สัมผัสถึงความเป็น Street Style มีหลากหลากกิจกรรมให้เลือกทำ มีมิตรภาพที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนใหม่ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ เห็นความเป็นชุมชนเข้มแข็งที่ชาวบ้านทุกคนยังคงรักษาอัตลักษณ์ของที่นี่ไว้ได้เช่นเดิม
หากอยากไปออกเที่ยว สำรวจละแวกที่พัก ทางโฮสเทลก็มีรถสามล้อหรือตุ๊ก ๆ ซึ่งดัดแปลงร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ให้กลายเป็นรถสามล้อไฟฟ้าเพื่อการท่องเที่ยวไว้คอยบริการ สามารถขับพาคนที่อยากนั่งรถเล่นชมเมืองชมวิถีชีวิต หรือถ้าอยากเดินเท้าเที่ยวชุมชนคนอยู่อาศัยริมทางรถไฟ ก็มีทีมงานของ Kloem Hostel พาไปเดินชมทั้งฟาร์มไก่ชน คนเลี้ยงเป็ด และค่ายมวยเด็ก รวมถึงกิจกรรมพิเศษอย่างการสอนพับดอกบัว ทำขนมไทย เวิร์คช็อปงานคราฟท์อีกมากมายที่มีส่วนช่วยสร้างความเพลิดเพลินใจในระหว่างที่เข้าพักได้ดีทีเดียว
Personalized Your Space
สัมผัสความเคลิ้มในทุกอณูภายใต้การออกแบบห้องพักกับคอนเซ็ปต์สำนวนไทยที่ว่า ‘ทำอะไรตามใจคือไทยแท้’ บรรยากาศการเข้าพักที่โฮสเทลแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย สบาย ๆ เหมือนได้มาพักที่บ้านญาติหรือบ้านเพื่อนที่ค่อนข้างเป็นกันเอง ให้ความสบายใจตลอดการเข้าพัก โดยมีให้เลือกเข้าพักหลายประเภทรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ในส่วนของห้องพัก ประกอบไปด้วย Private Room (1,750 บาท) ห้องแบบส่วนตัวที่ตั้งอยู่บริเวณโซนขั้น 1 และชั้น 2 บนพื้นที่ขนาด 9 ตารางเมตร มาพร้อมเตียงเดี่ยว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีจำนวนห้องทั้งหมด 5 ห้อง สามารถเข้าพักได้ 2 คน
ตามมาด้วย Triple Room (2,250 บาท) ห้องพักสำหรับมาเป็นกลุ่ม สามารถเข้าพักได้ 3 คน ภายในห้องนี้มีเตียงเดี่ยวทั้งหมด 3 เตียง ตั้งอยู่บริเวณโซนชั้น 2 บนพื้นที่ขนาด 15 ตารางเมตร มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีจำนวนห้องทั้งหมด 5 ห้อง
และประเภทห้องพักรวม 4-Bed Dormitory (812 บาท) ที่มีให้เลือกนอนทั้งแบบหญิงล้วนและแบบรวม จำนวน 4 เตียง
หรือจะเป็น 6-Bed Dormitory (625 บาท) ที่มีให้เลือกนอนทั้งแบบหญิงล้วนและแบบรวมเช่นเดียวกัน จำนวน 6 เตียง
ความน่าสนใจก็คือ ไม่ว่าจะเข้าพักแบบไหน แขกผู้เข้าพักสามารถเลือกตกแต่งห้องนอนในบรรยากาศที่ชอบได้ด้วยตนเอง จากของตกแต่งมากมายที่ทางโฮสเทลมีให้เลือกสรร ทั้งหนังสือ โคมไฟตั้งโต๊ะ ต้นไม้กระถาง ปลาตะเพียนสาน นาฬิกาปลุก และอื่น ๆ อีกมากมาย ให้ผู้เข้าพักรู้สึกถึงความอบอุ่น เป็นตัวของตัวเองกว่าที่เคยพักในโฮสเทลไหน ๆ มาก่อนแน่นอน
Complimentary Local Breakfast And Fruits
สิ่งหนึ่งที่ทาง Kloem Hostel ตั้งใจมอบความสุขผ่านการทานอาหารอร่อย ๆ ให้แขกผู้เข้าพักก็คือที่นี่จะมีใบสั่งอาหารเช้าให้ทุกคนกรอกข้อมูลก่อนเสมอ โดยทุก ๆ เช้า บริเวณครัวส่วนกลางจะมีอาหารหลากหลายแบบให้เลือก อยากทานอะไร อยากทานเวลาเท่าไหร่ สามารถเลือกได้ ซึ่งอาหารทุกเมนูล้วนมาจากของอร่อยขึ้นชื่อ ร้านเจ้าดังของในชุมชนกิ่งเพชรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูโจ๊ก ปาท่องโก๋ หมูปิ้งนมสด ข้าวผัดกะเพรา ไก่ทอด-หมูหวาน เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวไรซ์เบอร์รี มะพร้าวน้ำหอม และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นอาหารท้องถิ่นที่คนกรุงเทพฯ ในย่านนี้นิยมทานเป็นอาหารเช้ากันจริง ๆ
เรียกได้ว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นส่วนผสมของสิ่งเก่าและสิ่งใหม่ที่หาได้ยากในใจกลางเมือง ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มีโอกาสเข้ามาพักผ่อน ซึมซับบรรยากาศความเรียบง่ายของการใช้ชีวิตในบ้านไม้หลังนี้แล้วละก็จะต้องได้รับความประทับใจชวนเคลิบเคลิ้มกลับไปแน่นอน
