โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘NOBLE’ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พร้อมกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566 นี้ เพื่อการเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565
สืบเนื่องจากในปี 2565 ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการใหม่ตลอดทั้งปีจำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท ทำให้ในปี 2566 ทางบริษัทฯ ได้มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย (Demand) ที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมทั้งความต้องการบ้านหลังที่ 2 ของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการประเภทแนวสูงจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,900 ล้านบาท แต่ละโครงการจะกระจายตัวอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลกลางใจกลางเมืองอย่างถนนวิทยุ ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีที่ดินพร้อมสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการแล้วทั้งหมดอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดโครงการที่เน้นเจาะกลุ่ม Ultra Luxury Segment เพิ่มขึ้น จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ บ้านเดี่ยวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา, โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9-เอกมัย บ้านเดี่ยวใจกลางทำเล CBD พระราม 9-เอกมัย และ โครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ บีชฟร้อนท์ ที่ดินหน้ากว้างติดทะเล ใจกลางตัวเมืองชะอำ รวมถึงสินค้ารองรับความต้องการอยู่อาศัยของผู้บริโภคในทุกสถานะการก่อสร้าง โดยมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ในปี 2566 มูลค่ารวมประมาณ 11,300 ล้านบาท และสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมูลค่ารวมประมาณ 18,700 ล้านบาท ซึ่งรองรับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งแบบอยู่อาศัยเองหรือเพื่อลงทุน ซึ่งจะผลักดันยอดขายและรายได้ในปีนี้ของบริษัทฯ ให้เติบโตสูงขึ้นอีกดัวย จากการประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 พบว่าเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันของโรคโควิด-19 ประกอบกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี ส่งผลให้ประชากรภายในประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ประกอบกับ Backlog ที่ทางบริษัทมีอยู่ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยส่งมอบในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งในระหว่างนี้ผู้ที่ให้ความสนใจหรือกำลังติดตามโครงการอสังหาฯ ของทาง NOBLE อยู่ละก็ สามารถอัพเดตความเคลื่อนไหวและรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมกันได้ที่ www.noblehome.com และ www.facebook.com/NobleDevelopment