‘ย่านอารีย์’ หนึ่งในทำเลแห่ง Heritage Vibes ใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ที่ผสมผสานวิถีชีวิตดั้งเดิมเข้ากับรสนิยมและเทรนด์นำสมัย เต็มไปด้วยความหลากหลายที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างมีสไตล์ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ‘อารีย์’ กลายเป็นหนึ่งในย่านที่อยู่อาศัยในฝันของใครหลายคน จะดีแค่ไหนหากเราได้ใช้ชีวิตบนโลเคชันนี้ด้วยระยะห่างจากจุดที่พักไม่ไกลจากถนนเส้นหลักและสถานีรถไฟฟ้า สามารถเดินทางไปฮอปปิ้ง แฮงเอาต์ ยังหลากหลายสถานที่ภายในย่านอารีย์ได้อย่างสะดวกสบาย ครบถ้วนทุกความต้องการ
ครั้งนี้ BKK. จึงขอชวนคุณมาร่วมสัมผัสความน่าอยู่อาศัยของทำเลที่ตั้งโครงการ ‘Via ARI’ ลักซ์ชัวรีคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ของแสนสิริที่ตั้งอยู่ใจกลางอารีย์ ทำเลดี ๆ ที่พักอาศัยที่ให้คุณสัมผัสทุกความยูนีคของโลเคชันอารีย์ได้อย่างตรงใจ ด้วยระยะห่างจากโครงการในรัศมีไม่เกิน 2 กิโลเมตร ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย เพียงไม่กี่อึดใจก็ถึงยัง 5 หมุดหมายน่าฮอปในย่านอารีย์ ที่ครบครันทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ช็อป และบาร์บรรยากาศดีต่อใจ
Good To Know - Via ARI
- Via ARI คือโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ผ่านการออกแบบให้มีสุนทรียศาสตร์เพื่อการอยู่อาศัย
- นับเป็นโครงการคอนโดมิเนียมสไตล์บูทีคลักชัวรี ในรอบ 11 ปีของแบรนด์แสนสิริ พร้อมด้วยการกลับมาเป็นเพื่อนบ้านย่านอารีย์ในรอบ 14 ปี และเป็นหนึ่งใน Aesthetic Collection ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำของแสนสิริในฐานะแบรนด์ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์
- Via ARI มาพร้อมทำเลศักยภาพสูง เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่อารีย์ซอย 1 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตในย่านอารีย์ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมืองให้มีความสะดวกสบาย ได้สัมผัสถึงความเป็น ‘Live in a Work of Art’ เสมือนการได้ชื่นชมงานศิลปะในทุก ๆ วัน
ตามไปปักหมุดทั้ง 5 พิกัดในอารีย์ แล้วสัมผัสความสุนทรีย์ทุกโมเมนต์ของการใช้ชีวิตแบบมีสไตล์ไปพร้อม ๆ กันเลย
Cafe
เริ่มต้นวันดี ๆ ด้วยโปรแกรมคาเฟ่ฮอปปิ้งเบา ๆ กันก่อนที่ Donut Disturb Bangkok คาเฟ่โดนัทสุดคิวต์น้องใหม่ในเครือของแบรนด์ DROP BY DOUGH กับพิกัดร้านซึ่งหาง่าย เดินทางสะดวกสบาย ตั้งอยู่ภายในโครงการ Gump’s Ari กับบรรยากาศการตกแต่งร้านในธีมสีพาสเทลสดใส ถอดแบบความน่ารักและดูดีมีสไตล์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า DROP BY DOUGH แบรนด์ลูกพี่ลูกน้องเลยทีเดียว
คาเฟ่โดนัทแห่งนี้ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Bomboloni Slushy & Coffee’ ที่โดดเด่นในเรื่องของโดนัท Bomboloni สไตล์อิตาลี ที่ทำสดใหม่ทุกวัน มีหลากหลายรสชาติให้เลือกรับประทานคู่กับกาแฟหรือเครื่องดื่ม Slushy (เครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็งปั่น เนื้อเนียนละเอียด) โดยมีให้เลือกลิ้มลองความอร่อยอย่างจุใจถึง 12 รสชาติด้วยกัน
ภายในร้านมีจุดให้บริการเลือกสั่งขนมโดนัทและเครื่องดื่มบริเวณหน้าเคาน์เตอร์อย่างเป็นกันเอง พร้อมด้วยหลากหลายโซนนั่งชิลขนาดย่อม ๆ ที่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีอ่อน เรียบง่ายสบายตา ตัดกับสีผนังพาสเทล กรอบรูปขนมโดนัทสุดคิวต์ และโคมไฟกระดาษดีไซน์สุดเก๋อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเลือกนั่งมุมไหนก็ดูเป็น Photogenic Spot Cafe ที่ดึงดูดสายตาเหล่านักฮอปชาวอารีย์ได้อย่างแน่นอน
เมนูโดนัทของที่นี่จะเน้นเสิร์ฟความอร่อยแบบเข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย รับประทานง่าย โดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสนุ่ม ๆ สอดไส้เน้น ๆ พร้อมโรยเคลือบด้วยน้ำตาลที่มีให้เลือกหลายแบบตามชอบ ทำออกมาในสไตล์โฮมเมด สดใหม่แบบวันต่อวัน ส่วนเมนูเครื่องดื่มนั้นมีให้เลือกสั่งทั้งเครื่องดื่ม Slushy สไตล์อิตาลี ที่นำผลไม้สดมาปั่นเป็นรสชาติต่าง ๆ รวมถึงเครื่องดื่ม Non-coffee และ Coffee ไว้เป็นทางเลือกสำหรับคอกาแฟอีกด้วย นอกจากนี้หากใครอยากดื่ม Slushy ไปพร้อม ๆ กับกาแฟ ก็สามารถ Add on ท็อปด้วยช็อตกาแฟลงไปในเครื่องดื่ม Slushy ได้เช่นเดียวกัน
เมนูโดนัทแนะนำน่าลองของทางร้าน ได้แก่ Hokkaido Milk (75 บาท) โดนัท Bomboloni สอดไส้ครีมนมฮอกไกโดแบบล้น ๆ ได้ความครีมมี่แบบเต็มคำ, Sweet Corn (85 บาท) โดนัท Bomboloni สอดไส้ครีมซุปข้าวโพด พร้อมด้วยเนื้อข้าวโพดแท้หอมหวานที่มาช่วยเพิ่มรสสัมผัสให้อร่อยลงตัวมากขึ้น และ Lemon Cream (75 บาท) โดนัท Bomboloni สอดไส้ครีมเลมอนเคิร์ด ที่ได้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ผสานความอร่อยกันได้อย่างลงตัว
ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่มาแล้วห้ามพลาดเลยก็คือ Lemonade Slushy (130 บาท) น้ำเลมอนเกล็ดน้ำแข็งปั่นเนื้อเนียนละเอียดที่ให้ทั้งความเปรี้ยวและความหอมสดชื่นของเลมอนสด ดื่มแล้วรู้สึกเฟรชไปตลอดวันแน่นอน หรือหากอยากดื่ม Non-coffee คลาสสิก เครื่องดื่ม Thai Milk Tea (120 บาท) ของที่นี่ก็ให้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม ดีงามไม่แพ้กัน
Donut Disturb Bangkok
Gump’s Ari อารีย์ซอย 4 (ฝั่งเหนือ)
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 09-5991-0077
www.facebook.com/donutdisturbbkk
Restaurants
สำหรับใครที่กำลังมองหามื้ออิ่มท้องระหว่างวันอยู่ละก็ อย่าลืมแวะมาปักหมุดความอร่อยที่ยืนหนึ่งในเรื่อง Fish & Chips กันที่ Fishmonger ร้านอาหารทะเลชื่อดังจากย่านถนนบรรทัดทองที่ขยายความอร่อยมายังอารีย์ โดยยังคงหยิบยกวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยอย่าง ‘ปลาประมงพื้นบ้าน’ ที่จับได้ภายในประเทศมารังสรรค์เป็นอาหารจานเด็ด เพียงเพราะต้องการบอกเล่าความอร่อยของปลาไทยผ่านเมนูอาหารสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดให้ชาวไทยได้ลิ้มลอง
Fishmonger สาขาอารีย์ มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Local Seafood Bar โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น โดยมีการรีโนเวทบ้านเก่าอายุกว่า 70 ปี ให้กลายมาเป็นบ้านชาวประมง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านชาวประมงที่เป็นบ้านไม้สี ๆ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น สำหรับชั้นล่างจะเป็นโซนบาร์สไตล์อังกฤษ ส่วนชั้นบนจะให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัว เหมาะแวะมาเอนจอยความอร่อยกับเพื่อนผองคนสนิทและครอบครัว
หลากหลายเมนูที่สาขานี้เลือกเสิร์ฟความอร่อย นอกจากจะมีซิกเนเจอร์เมนูประจำร้านแล้ว ยังเพิ่มหมวดเมนูทาปาสและพาสต้า (สปาเก็ตตี้) ให้เหล่าฟู้ดดี้ได้สั่งมาแชร์ความอร่อยร่วมกันอย่างจุใจอีกด้วย
เมนูแนะนำจานแรกที่ต้องห้ามพลาดคือ Fish Burger (No Chips) (280 บาท) (ราคาขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อปลา) ความโดดเด่นอยู่ที่ Brioche Bun โดย Bun ที่ใช้ทำเบอร์เกอร์นั้น จะมีส่วนผสมของเนยกับนม จึงให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนมากกว่าขนมปังปกติ สอดไส้เนื้อปลาอังเกยหรือปลากะพงทองทอด แบบกรอบนอกนุ่มใน ท็อปราดด้วยซอสทาร์ทาร์ที่ให้ทั้งความหอมและรสเปรี้ยวนิด ๆ ตัดกับรสชาติของเนื้อปลานุ่ม ๆ ได้เป็นอย่างดี
ตามด้วยอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Fish & Chips (240 บาท) (ราคาขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อปลา) ฟิชแอนด์ชิพส์ โดยมีความพิเศษอยู่ที่ตัวแป้ง ซึ่งไม่มีส่วนผสมของน้ำเปล่า แต่ใช้วิธีการแบบ Beer Batter หรือการใช้เบียร์ 100% มาผสมเข้ากับแป้งแล้วนำไปทอด ก็จะได้แป้งที่มีความกรอบบาง เข้ากับเนื้อปลาทุกชนิด แต่สำหรับจานนี้ที่ร้านได้เลือกใช้ปลาเหลืองญี่ปุ่น เป็น Fish of the Day ที่มีความนุ่มเป็นพิเศษคล้ายกับเนื้อปู แนะนำให้ลองสั่งมาชิมกัน รับรองว่าอร่อยฟินไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!
Fishmonger (Ari)
อารีย์ซอย 4 (ฝั่งเหนือ)
เปิด วันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร) เวลา 12.00-22.00 น. (Last Order เวลา 21.00 น.), วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-23.00 น. (Last Order เวลา 22.00 น.)
สำรองที่นั่งล่วงหน้าทาง LINE ID : @fishmonger (กดปุ่ม “จองคิว สาขาอารีย์”)
จัดเต็มความอร่อยด้วยมื้อปิ้งย่างสไตล์เกาหลีเกาใจกันบ้างที่ Gamsa Aree ร้านปิ้งย่างเกาหลีแบบพรีเมียมที่ได้ความอร่อยแบบออริจินัล ด้วยความตั้งใจอันดีของ 2 หุ้นส่วนผู้เป็นเจ้าของร้าน ทั้งชาวไทยและชาวเกาหลีที่อยากให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยในแบบฉบับ Authentic Food ที่ล้วนผ่านการคัดสรรวัตถุดิบพรีเมียมมาครีเอตเป็นเมนูอาหารเกาหลีสไตล์ปูซาน ซึ่งให้รสชาติเข้มข้นจัดจ้านถูกปากคนไทยแน่นอน
บรรยากาศภายในร้านเหมือนหลงเข้ามาในยุคโชซอน วังโบราณของทางประเทศเกาหลีใต้ โดดเด่นด้วยผนังกระเบื้องและอิฐเปลือย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวอาหารเกาหลีสไตล์ Authentic ก่อนจะเพิ่มความโดดเด่นด้วยป้ายไฟนีออนสีแดงที่ตัดกับธีมร้านสีดำ-เทา และจัดสรรพื้นที่นั่งรับประทานอาหารอย่างเป็นสัดส่วนที่เหมือนเป็นการยกระดับมื้อปิ้งย่างนี้ให้ดูพรีเมียมขึ้นอีกเท่าตัว
ด้วยความที่เชฟประจำร้านนั้นเป็นคนปูซาน และเป็นผู้คิดค้นสูตรอาหารทุกอย่าง รสชาติอาหารเกาหลีของที่นี่จึงมีความเข้มข้นกลมกล่อมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมนูปิ้งย่างที่ทางร้านจะเลือกใช้ถ่าน White Charcoal ของเกาหลี ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือเวลาย่าง ควันจะไม่ฟุ้งกระจาย ลดโอกาสเกิดกลิ่นติดเสื้อผ้าหรือติดผมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีเครื่องดูดควันที่ลดการฟุ้งกระจายของควันและกลิ่น แถมยังให้กลิ่นหอมรมควันแบบเฉพาะตัวอีกด้วย (นอกจากนี้ทางร้านใช้เตาย่างแฮนด์เมดนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ และย่างด้วยเทคนิคเฉพาะตัว ทำให้เนื้อวัตถุดิบของที่นี่มีความกรอบนอก นุ่มชุ่มฉ่ำด้านใน)
ในส่วนของเมนูแนะนำที่สายอาหารเกาหลีไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ได้แก่ Tomato Salad (360 บาท) สลัดมะเขือเทศสูตรโฮมเมด เสิร์ฟมาพร้อมกับชีสรีคอตต้า ซอสเพสโต้ และขนมปังให้รับประทานพร้อมกันในคำเดียว, Mul Naengmyeon with Sliced Beef (300 บาท) บะหมี่เย็นเกาหลี สูตรเฉพาะของทางร้านที่ให้รสชาติเข้มข้น โดยเส้นบะหมี่ที่ใช้นั้นทำมาจากเส้นบัควีทนุ่มเหนียว เคี้ยวลื่นคอ ด้านบนวางเนื้อสไลซ์ชิ้นใหญ่และไข่ต้ม เสิร์ฟพร้อมวินิก้าและมัสตาร์ด ให้เพิ่มรสเปรี้ยวเผ็ดตามชอบ หากรับประทานคู่กับหมูสามชั้นจะได้ความอร่อยที่ลงตัว
หลังจากลิ้มลองเมนูเรียกน้ำย่อยกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาต่อเนื่องความอร่อยกันต่อกับเมนูปิ้งย่างสุดไฮไลต์อย่าง Pork Neck (250g 595 บาท) สันคอหมูย่าง ที่ผ่านกระบวนการ Wet Aging ที่ทำให้เนื้อหมูนั้นยังคงความสดใหม่ ได้เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำเป็นพิเศษ สำหรับเซ็ตนี้เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงแบบครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ใบกระเทียมดองที่นำเข้ามาจากเกาหลี ไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย วิธีการรับประทานจะต้องนำใบกระเทียมดองมาห่อกับเนื้อหมู แล้วท็อปด้วยวาซาบิสดนิดหน่อยเพื่อตัดรสชาติ หรือจะเลือกรับประทานคู่กับผักสด ที่มีเสิร์ฟมาทั้งเห็ดแชมปิญอง ผักกาดหอม เรดโอ๊ค ผักคอส ใบงา ใบมินาริ กระทียม และพริกสด ตามด้วยไชเท้าดอง กิมจิขาว กิมจิต้นหอม ซัมจังซอส และซอสอื่น ๆ อีกมากมายให้เลือกรับประทานตามความชอบ ก็ได้ความอร่อยเด็ดที่ไม่แพ้กัน
Gamsa Aree
25/4 ถนนพหลโยธิน 9 ซอยกิ่งชำนาญอักษร
เปิด วันพุธ-จันทร์ เวลา 11.30-22.30 น.
โทร. 06-1939-4997
Shop
พักเบรกจากเรื่องกิน แล้วหันมาเอาใจนักช้อปสาย Streetwear กันบ้าง กับการแวะเข้าไปอัพเดตไอเท็มใหม่ ๆ กันที่ Club Luminaries Selected Shop ที่คัดสรรแบรนด์เสื้อผ้าจากทั่วโลก นำเสนอในสไตล์ Street Prep (ระหว่างสไตล์ Preppy และ Ivy League ที่ดูเนี้ยบ สีสันเรียบเท่อย่างมีสไตล์) ผสมผสานกลิ่นอายแฟชั่นระหว่างสไตล์อเมริกันและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแนวเสื้อผ้าที่ทางสองผู้ก่อตั้งแบรนด์มีความชื่นชอบเป็นพิเศษ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ภายในร้านจึงเน้นไปที่แบรนด์จากนิวยอร์กและญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมการแต่งตัวด้านสตรีทสไตล์ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบความก้ำกึ่งระหว่างความสนุกแบบลุคสตรีท และความเรียบร้อยแบบสุภาพบุรุษอเมริกัน
สินค้าแรกเริ่มที่นำมาวางจำหน่ายภายในร้านนั้นจะเป็นแบรนด์ Universal Overall ซึ่งมีความ Workwear หรือเป็นแนวเสื้อผ้ายูนิฟอร์มเท่ ๆ เป็นหนึ่งในแบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติอเมริกันที่เติบโตในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกจะสังเกตได้ว่ามีความผสมผสานกันระหว่างสไตล์อเมริกันและญี่ปุ่นตรงตามคอนเซ็ปต์ของทางร้าน
ช็อปแห่งนี้ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งที่มีความคลาสสิก สอดคล้องกับไอเท็มภายในร้าน โดยมีสินค้าไฮไลต์แนะนำ ได้แก่ Wooden Sleeper, P.Le Moult สินค้าแบรนด์ออสเตรเลีย ที่มีลักษณะเป็นเสื้อชุดนอนเก๋ ๆ ให้คนไทยได้สไตลิ่งเสื้อผ้าแนวใหม่ ๆ มาลองสวมใส่กัน, แบรนด์ BODE ที่มีนำเข้าจำหน่ายที่นี่ที่เดียวในไทย เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงมาจากดีไซเนอร์มือรางวัล โดดเด่นเรื่องการนำวัสดุคุณภาพดีมาตัดเย็บดูแลเสื้อผ้าดุจงานอาร์ตมาสเตอร์พีซ เพราะมีผลิตเพียงไม่กี่ชิ้นบนโลก
นอกจากแบรนด์เสื้อผ้าแล้ว ยังมีสารพัดไอเท็มเบสิกอื่น ๆ ที่สามารถหยิบมาสวมใส่ได้บ่อย ๆ เช่น เชิ้ต เสื้อยืด ยีนส์ กางเกงขาสั้นและขายาว รองเท้าผ้าใบ New Balance และ Asahi เรื่อยไปจนถึงแจ็กเก็ตผ้าบาง แจ็กเก็ตสไตล์ Workwear และสเวตเตอร์เนื้อหนา อีกทั้งเครื่องประดับและของใช้สำหรับพกติดตัวอย่างพวงกุญแจ กระเป๋าขนาดเล็ก แว่นกันแดด ถุงเท้า หมวก กระเป๋า ฯลฯ วางจำหน่ายให้ได้เลือกช้อปอย่างจุใจอีกด้วย (เรทราคาเสื้อผ้าและเสื้อผ้าต่าง ๆ ในแต่ละคอลเลกชัน จะอยู่ที่ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,000-2,000 บาท จนถึงหลักหมื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคนิคและวัสดุของแต่ละแบรนด์ที่ใช้ในการตัดเย็บ)
สำหรับใครที่ชื่นชอบแนวการแต่งตัวสไตล์นี้ Club Luminaries แห่งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งคอมมูนิตี้หรือสถานที่แฮงเอาต์แนะนำที่เหล่าสุภาพบุรุษสาย Street Prep ห้ามพลาด!
Club Luminaries
ซอยอารีย์สัมพันธ์ 5
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-20.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.
โทร. 0-2129-6238
www.facebook.com/clubluminaries
Bar
ปักหมุดจุดสุดท้ายของวันกันที่ Un-cle bar เนเชอรัลไวน์บาร์ บรรยากาศสุด Cozy ที่เหมาะแวะมานั่งแฮงเอาต์ชิล ๆ ยามเย็น บาร์แห่งนี้อยู่ภายใน Josh Hotel มาพร้อมธีมการตกแต่งในสไตล์มินิมัล อบอุ่น สบาย ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องรับแขกที่พร้อมต้อนรับเพื่อนใหม่ผู้มาเยือนบาร์ สอดแทรก Brand Identity ของทางร้านในทุก ๆ มุม ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนคาแรกเตอร์คุณลุงอันเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ บวกเข้ากับรูปกราฟิกดีไซน์ต่าง ๆ ในธีมขาว-ดำ มู้ดแสงไฟสลัว ๆ ได้บรรยากาศของความเป็น Casual Bar ที่เข้าถึงง่าย มีความสนุกสนาน และเป็นกันเองสุด ๆ
Un-cle Bar พร้อมเสิร์ฟความอร่อยควบคู่กับเนเชอรัลไวน์ ในคอนเซ็ปต์ Modern Japanese ซึ่งเป็นอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Comfort Food เช่น เมนู Oden, Teriyaki ปิ้งย่างแบบเสียบไม้สไตล์ญี่ปุ่น ที่ย่างโดยใช้เตาถ่าน เพื่อเพิ่มความหอมให้กับตัววัตถุดิบ และเมนู Pasta โดยเน้นเป็นอาหารจานเดียวที่รับประทานง่าย ผสมผสานเข้ากับอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนบางเมนูอย่าง ไก่ย่างพิริพิริ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางบาร์
สำหรับเมนูแนะนำของที่นี่ เริ่มต้นจาก Yakitori Set (290 บาท) เซ็ตไก่ย่างเสียบไม้ที่ปรุงรสมาอย่างดี อร่อยกลมกล่อมได้โดยไม่ต้องจิ้มซอส แต่หากอยากเพิ่มรสชาติความเข้มข้น ลองจิ้มซอสที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่แดง ก็ได้รสชาติเด็ดไม่แพ้กัน ตามด้วยการซดซุปร้อน ๆ กับเมนู Oden (4 pcs./set 150 บาท) โอเด้งที่อัดแน่นความอร่อยมาแบบล้นชาม ทั้งบุกญี่ปุ่น (คอนยัคกุ) หัวไชเท้า ไข่ต้ม ไส้กรอก เต้าหู้ และลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น (ชิกุวะ) โดยสามารถเลือกสั่งเป็นเซ็ต 2 ชิ้นหรือ 4 ชิ้นก็ได้ตามต้องการ
ส่วนใครที่เป็นพาสต้าเลิฟเวอร์ แนะนำให้ลอง Soba Peperoncino (180 บาท) พาสต้าเส้นโซบะ ท็อปด้วยไข่ออนเซ็น ปรุงรสมาแบบกลมกล่อม เสริมทัพความอร่อยบนโต๊ะอาหารให้สมบูรณ์มากขึ้น เหมาะจะแกล้มอาหารจานอื่นบนโต๊ะอย่างดี แล้วปิดท้ายด้วยเมนูซิกเนเจอร์กับ Peri Peri Chicken (290 บาท) ไก่ย่างสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่เสิร์ฟมาร้อน ๆ ให้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน พร้อมกลิ่นหอมเครื่องเทศแบบเน้น ๆ
และเมื่อมาแฮงเอาต์ที่เนเชอรัลไวน์บาร์ทั้งที อย่าลืมสั่งไวน์แดงหรือไวน์ขาวมาจอยดริงก์ความอร่อยคู่กัน โดยเครื่องดื่มของที่ร้านจะเน้นเสิร์ฟ Natural Wine หรือ Organic Wine ตามฤดูกาลเป็นหลัก นำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึง Classic Wine สำหรับเป็นทางเลือกให้กับคอไวน์ด้วย นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สัญชาติเกาหลีและญี่ปุ่น เช่น โซจู, มักกอลลี สาเก ฯลฯ ให้เลือกสังสรรค์ตามชอบอีกด้วย
เรียกว่าที่นี่เป็นหมุดหมายชิลเอาต์ของชาวไนท์ไลฟ์ที่อยากให้รางวัลตัวเอง ครื้นเครงกับกลุ่มเพื่อนคนสนิทท่ามกลางมู้ดบาร์สุดรื่นรมย์ จบภารกิจฮอปย่านอารีย์ได้อย่างน่าประทับใจ
Un-cle bar
Josh Hotel, อารีย์ซอย 4 (ฝั่งเหนือ)
เปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 17.00-24.00 น.
โทร. 09-9191-4292
เห็นไหมว่าการมีทำเลที่อยู่อาศัยในย่านอารีย์นั้น ทั้งหลากหลาย สนุก และมีสีสันอย่างมาก โดยเฉพาะกับ Via ARI คอนโดสุดหรูภายใต้แนวคิด 'Live in a Work of Art’’ ซึ่งออกแบบให้เกิดสุนทรียศาสตร์ในการอยู่อาศัย ให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตใจกลางเมืองท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ สัมผัสถึงความสุนทรีย์ในการใช้ชีวิตมากที่สุด ตอกย้ำความเป็นลักชัวรีคอนโดมิเนียมทำเลดีบนย่านอารีย์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และพรีวิลเลจแบบครบครันในโลเคชันเดียว
นอกจากความโดดเด่นในเรื่องของโลเคชันซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านอารีย์แล้ว คอนโดมิเนียม Via ARI แห่งนี้ ยังจัดสรรพื้นที่การอยู่อาศัยได้อย่างเป็นสัดส่วน บาลานซ์การใช้ชีวิตของทุกสมาชิกในครอบครัว ที่ต้องการพื้นที่และใช้ช่วงเวลาดี ๆ กับสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นพิเศษ จะต้องถูกใจกับคอนเซ็ปต์ Pet Allowed ซึ่งทางโครงการได้อนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเลี้ยงน้องหมาน้องแมว (ขนาดตามไซส์ที่กำหนด) ในพื้นที่คอนโดฯ ได้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจ ใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ สัมผัสความเป็น Heritage Vibes ไปกับโครงการ ‘Via ARI’ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์เยี่ยมชม และข้อเสนอพิเศษที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยใจกลางย่านอารีย์ก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ http://siri.ly/EInRpa9