หากพูดถึงจังหวัดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ซึ่งโดดเด่นไม่แพ้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาหรือจังหวัดสุโขทัยเลย เห็นทีจะหนีไม่พ้น "จังหวัดลพบุรี" อีกหนึ่งจังหวัดในภาคกลางที่ยังคงมนต์เสน่ห์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมไว้ด้วยแหล่งโบราณสถานและพื้นที่ประวัติศาสตร์มากมาย ซึ่งอยู่คู่เมืองไทยมาอย่างยาวนาน และเมื่อปัจจุบันกระแสอนุรักษ์ความเป็นไทยกำลังได้รับความนิยม จึงนับเป็นโอกาสดีที่คนรุ่นใหม่อย่างเราจะปลุกเรื่องราวของเมืองโบราณเหล่านี้ขึ้นมาเล่า ให้ยุคประวัติศาสตร์ของไทยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
BKK. จึงพาเหล่านักท่องเที่ยวสุดคูล ไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์พร้อมแชะรูปสวย ๆ แบบมีสไตล์ในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแบบ One Day Trip จะไปพาเช็คอินที่ไหนกันบ้าง ตามมาเลย
หลังจากกระแสละครย้อนยุคชื่อดังเมื่อกลางปีที่แล้วจบไป เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกับ บ้านวิชาเยนทร์ หรือ บ้านหลวงรับราชทูต กันมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว เพราะว่าบ้านเก่าแก่กว่า 334 ปีหลังนี้ เดิมเป็นบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ต้อนรับคณะราชทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรก เมื่อปี พ.ศ. 2228 อีกทั้งยังเป็นบ้านของสมุหนายกคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์อย่าง เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือ หลวงสุรสาคร หรือชื่อเดิมคือ คอนสแตนติน ฟอลคอน และภรรยา ท้าวทองกีบม้า หรือ มารี กีมาร์
ในปัจจุบันถึงแม้ว่าตัวบ้านจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังคงเหลือเค้าโครงเดิมเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมอยู่บ้าง ซึ่งอาคารทางทิศตะวันตก สันนิษฐานว่า เป็นบ้านพักของพระยาวิชาเยนทร์และท้าวทองกีบม้า ส่วนทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเป็นบ้านพักรับรองคณะทูต และส่วนกลางคาดว่าเป็นหอระฆังและโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างโบสถ์ทางพุทธศาสนาและเรเนอซองส์เข้าไว้ด้วยกัน
บ้านวิชาเยนทร์
ถนนวิชาเยนทร์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
เปิด ทุกวันพุธ-เสาร์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร) เวลา 08.30-17.00 น.
พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือชื่อเดิม วังนารายณ์ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2209 เป็นวังสำหรับประทับยามออกว่าราชการ ล่าสัตว์ และต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้โปรดให้บูรณะฟื้นฟู และสร้างพระที่นั่งพิมาณมงกุฎ หมู่ตึกพระประเทียบขึ้นมา จนเมื่อปี พ.ศ. 2504 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ โดยบริเวณตึกเขียวด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ หรือ สำนักงานพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เป็นสถานที่เก็บหนังสือจินดามณีเล่มที่ 2 เอาไว้
จากนั้นลองแวะเข้าไปเดินชมบรรยากาศภายใน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น เขตพระราชฐานชั้นนอก ประกอบไปด้วย อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ระบบการจ่ายทดน้ำของชาวฝรั่งเศส, สิบสองท้องพระคลัง พระคลังเก็บสินค้าราชการ, ตึกพระเจ้าเหา หอพระประจำพระราชวัง, ตึกเลี้ยงต้อนรับแขกและโรงช้างหลวง
จากนั้นมาต่อกันที่ เขตพระราชฐานชั้นกลาง ประกอบไปด้วย พระที่นั่งจันทรพิศาล ที่ประทับออกว่าราชการและประชุมองคมนตรี, พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท พระที่นั่งท้องพระโรง, หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ และ เขตพระราชฐานชั้นใน ประกอบไปด้วย พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์, หมู่ตึกพระประเทียบ ที่พักข้าราชการฝ่ายใน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
หลังจากที่ชื่นชมความงามและเติมเต็มความรู้ทางประวัติศาตร์กันไปแล้ว อย่าลืมแวะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในทุ่งธรรมชาติขนาดใหญ่ในราคาเข้าชมเพียง 20 บาทที่ ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล อีกหนึ่งไฮไลต์ทางธรรมชาติของจังหวัดลพบุรี ที่หลายคนไม่ควรพลาดไปเช็คอิน
ทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองอร่ามขนาดใหญ่นี้ มีขนาดกว่า 355 ไร่ ให้ทัศนียภาพของดอกทานตะวันสีเหลืองดอกใหญ่และทิวเขาจีนแล แอบมองเห็นวัดเวฬุวันบนยอดเขาลิบ ๆ หรือใครอยากจะสำรวจทุ่งแบบทั่วถึง ก็มีบริการนั่งรถรางชมรอบทุ่งทานตะวันอีกด้วย แต่สำหรับใครที่แชะรูป ชื่นชมธรรมชาติกันจนอิ่มใจแล้ว แวะมาอิ่มท้องกันได้ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้า ซึ่งเป็นตลาดเล็ก ๆ เต็มไปด้วยสินค้าจากชาวบ้าน ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ฮิตที่สุดของที่นี่คงหนีไม่พ้นเมล็ดทานตะวัน ที่คั่วใส่ถุงกันแบบสด ๆ เลยทีเดียว
ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล
ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
หากใครรู้สึกว่าหมดพลังงาน อาจแวะมาเติมเต็มความอร่อยกันอีกสักรอบที่ กะเพรา & Coffee ร้านกาแฟสุดชิคชื่อดังของเมืองลพบุรี ที่พร้อมเสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มและอาหารคาวหวาน ให้ได้แวะมานั่งชิมแบบชิลล์ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ กลางทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูและดอกดาวกระจายสีเหลืองสดใส ที่มีแบ็คกราวด์เป็นเขาจีนแล นอกจากบรรยากาศภายในร้านที่มองออกไปก็เห็นวิวสวย ๆ ด้านนอกแล้ว ทางร้านยังมีโซนสะพานไม้ที่ทอดยาวไปจนสุดทุ่งดอกคอสมอส ให้เหล่า Cafe Hopper และคนที่สนใจได้แวะกันเดินไปแชะรูปสวย ๆ อวดคนทางบ้านกันอีกด้วย
กะเพรา & Coffee
ตำบลนายาว อำเภอพระพุทธบาท (จุดคาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดสระบุรีและจังหวัดลพบุรี)
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
โทร. 08-1901-7495
www.facebook.com/kaprao12
จากนั้นแวะกันมาชมศิลปะขอมสุดยิ่งใหญ่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือเมื่อเกือบ 300 ปีมาแล้วกันที่ พระปรางค์สามยอด อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญของเมืองลพบุรีเลยก็ว่าได้ โดยตัวปราสาทนั้นทำจากศิลาแลงฉาบด้วยปูน เรียงติดต่อกัน 3 องค์ ซึ่ง ปราสาททิศเหนือ (องค์ซ้าย) ได้ประดิษฐานรูปนางปรัชญาปารมิตา ปราสาทประธาน (องค์กลาง) ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก และ ปราสาททิศใต้ (องค์ขวา) ประดิษฐานรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเอาไว้ มาที่นี่นอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมโบราณแล้ว ยังได้ชมความน่ารักซุกซนของฝูงลิงที่อาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ พระปรางค์แบบเพลิน ๆ อีกด้วย
พระปรางค์สามยอด
ริมทางรถไฟ ใกล้กับศาลพระกาฬ
เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
ปิดท้ายกันด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่าง พระที่นั่งเย็น อีกชื่อหนึ่งคือพระที่นั่งไกรสรสีหราช หรือ พระตำหนักทะเลชุบศร ที่ประทับอีกแห่งหนึ่งของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยในบันทึกของชาวฝรั่งเศสได้กล่าวไว้ว่า พระที่นั่งเย็นแห่งนี้ เหมาะสมกับการมองท้องฟ้าทุกด้าน มีพื้นที่กว้างขวางมากพอในการติดตั้งเครื่องมือศึกษาเรื่องดาราศาสตร์ และสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้ศึกษาจันทรุปราคา ร่วมกับบาทหลวงเยซูอิตและคณะทูตชุดแรกที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ส่งมาเจริญสัมพันธไมตรีกับสยามประเทศ ทำให้เป็นที่กล่าวกันว่าการศึกษาเรื่องราวของดาราศาสตร์ครั้งแรกในประเทศไทยนั้น ได้เกิดขึ้นที่พระที่นั่งแห่งนี้นี่เอง
พระที่นั่งเย็น
ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.