แม้จะไม่ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับยุคสมัยก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการฟังเพลงของเหล่าคนดนตรีในยุคสมัยนี้ ภายในปีพ.ศ.2563 จะมีกลุ่มคนที่หวนกลับมาฟังบทเพลงเก่า ๆ ที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อหลายสิบปีก่อน และยังคงให้ความสนใจกับเทคโนโลยีการฟังเพลงของยุคอะนาล็อกกันอยู่ โดยเฉพาะ ‘เทปคาสเซ็ท’ เครื่องเล่นเทปที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของความคลาสสิก เนิบช้า ชวนย้อนวันวานสร้างบรรยากาศอันแสนอบอุ่นให้นึกถึงความทรงจำดี ๆ เมื่อครั้งเก่าอยู่เสมอ
และไม่น่าเชื่อว่า ภายในซอยพหลโยธิน 11 จะมีร้านลับหรือฐานทัพสำหรับนักฟังเพลงอย่าง Cassette Shop ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งพื้นที่แห่งนี้นี่เองที่ BKK. จะพาคุณไปซึมซับบรรยากาศเก่า ๆ พร้อมทำความรู้จักกับหลากหลายเรื่องราวของเทปคาสเซ็ทมากขึ้นผ่านการบันทึกเทปบทสนทนาระหว่างเราและ คุณเจ-ณัฐพล สว่างตระกูล เจ้าของร้าน Casette Shop และผู้บุกเบิกเส้นทางการกลับมาของเทปคาสเซ็ทให้อยู่ในกระแสนิยมของทั้งนักฟังเพลงและนักสะสมความทรงจำผ่านเสียงเพลงแห่งยุคอะนาล็อกอีกครั้ง
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่ภายในร้านซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของร้านกาแฟ Hub39 Coffee Bar ก็จะได้พบกับบรรยากาศของร้านนั่งชิลล์ที่ผนังห้องเต็มไปด้วยแผงเทปคาสเซ็ทหลากหลายอัลบั้ม ทั้งศิลปินไทยและต่างประเทศ มีทุกแนวเพลง ทุกยุคทุกสมัย รวมถึงเครื่องเล่นเทปรุ่นต่าง ๆ ที่ตั้งโชว์ไว้ให้ผู้ไปเยือนใหม่ได้เดินชมกันแบบเพลิน ๆ สมกับชื่อร้าน Cassette Shop ที่พยายามนำเสนอเสน่ห์ของความเป็นอะนาล็อกอย่างแท้จริง ก่อนที่ คุณเจ จะนำทางเราไปนั่งยังโต๊ะไม้ยาว ๆ เพื่อเริ่มต้นบทสนทนาที่ว่าด้วยเรื่องของเทปคาสเซ็ทนับต่อจากนี้
จากนักสะสมเทปคาสเซ็ทสู่การเปิดร้าน Casette Shop
สำหรับ จุดมุ่งหมายแรก ที่เปิดร้านเทปคาสเซ็ทขึ้นมา เพราะเราเป็นคนชอบฟังเพลง ชอบสะสมเทป และสนับสนุนผลงานศิลปิน บวกกับด้วยความที่เรามีเพื่อนอยู่ในแวดวงดนตรี เป็นศิลปินด้านดนตรีกันเยอะ เลยพอจะรับทราบถึงเรื่องรายได้ของพวกเขา จุดมุ่งหมายที่ 2 จึงอยากให้เพื่อน ๆ ศิลปินเขากลับมาขายของกันได้เหมือนเดิม ซึ่งการที่กลับมาขายเทปคาสเซ็ทได้เหมือนเดิมนั้นทำให้ผมเริ่มหันมาสนใจเรื่องเครื่องเล่นเพลง คอยเก็บสะสมเทปเพลงอยู่เรื่อย ๆ แล้วค่อย ๆ ศึกษาวิถีของคนเล่นเทป ตลาดเทป แนวโน้มการทำเพลงโน่นนี่ เป็นการศึกษาแบบลงลึกจริง ๆ ศึกษาเหมือนงานวิจัยเลย คือดูทิศทางตลาด ทำสถิติว่าอัลบั้มนี้ราคาขึ้นเท่าไหร่ ผ่านการประมูลมาในราคาเท่าไหร่แล้ว ศึกษาอยู่แบบนี้ประมาณร่วมปี เลยเริ่มที่จะรับทำเอง ซึ่งทำเองในที่นี้คือเริ่มขายเทปเองบ้าง ผ่านทางออนไลน์ ก่อนจะขยับขยายมาเปิดเป็นหน้าร้านในปัจจุบัน
คนชอบฟังเพลงอย่าง คุณเจ แนวเพลงที่เขาชื่นชอบคือแนวเพลงร็อก แต่จริง ๆ แล้วสามารถฟังได้ทุกแนว นับตั้งแต่แนวเพลงแจ๊ส ร็อก บลูส์ ไปจนถึงแนวเพลงคลาสสิกเลยทีเดียว
การสะสมเทปคาสเซ็ท จริง ๆ ใช้เวลาในการสะสมเพียงแค่ปีกว่าเท่านั้น ผมเป็นคนฟังเทปมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว พอนึกขึ้นได้ว่าเราจะต้องสะสม ก็จะย้อนกลับมาดูที่บ้านว่ามีอะไรบ้าง มองหาเศษซากอารยธรรมที่ยังพอเหลืออยู่บ้าง ทุกอย่างเลยเริ่มขึ้นจากการตามหาของที่หายก่อน “เฮ้ย! อันนี้ยังไม่เคยฟังว่ะ เฮ้ย! อันนี้เพิ่งเคยเห็นว่ะ เฮ้ย! อัลบั้มนี้ของพ่อเคยมี ต้องซื้อกลับมาฟังอีก” อะไรทำนองนี้ สะสมมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีจำนวนเทปเป็นพันตลับ นี่เพียงแค่เริ่มต้นสะสมอย่างเดียวนะ ยังไม่ได้เริ่มต้นขายเลยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าให้นับตอนนี้ ช่วงพีค ๆ อาจเป็นหมื่นตลับเห็นจะได้
แต่พอย้อนกลับมาคิดถึงจุดมุ่งหมายที่ 2 ที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกยังไม่เกิดผล คือหาวิธีที่จะทำยังไงให้อัลบั้มเทปของเพื่อนศิลปินเราขายได้ด้วย เลยหาหนทางที่จำให้พวกเขากลับมาออกเทปอีกครั้งหนึ่ง ส่วนหนึ่งคืองานเพลงชุดเก่าและตามด้วยงานเพลงชุดใหม่
แต่โชคดีที่ว่าด้วยความที่ผมเองเป็นนักสะสมของหลายอย่าง โตมากับวงการสะสม Street Fashion เลยพอจะรู้วิถีของ Street Fashion เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการ Pre-Order, การ Limited Edition สินค้า, รู้ถึงแพสชั่นของคนนักสะสมส่วนใหญ่ว่าคืออะไร, พอจะรู้การตลาดเรื่องของ Demand-Supply เลยตัดสินใจที่จะผลิตเทปคาสเซ็ทใหม่ออกมาให้ได้ในรูปแบบของ Limited Edition และวาง Position ของเทปคาสเซ็ทใหม่ให้กลายมาเป็น Collection ของสะสม ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้มากกว่าเป็น Mass Product แบบเดิม สามารถสร้างรายได้ให้กับศิลปินได้จริง ๆ ตามอย่างที่ตั้งใจไว้
เบื้องหลังอุดมการณ์ของคนนักสะสมและผู้สนับสนุนศิลปิน
บอกตัวเองตั้งแต่แรกเลยว่าต้องฮึบเข้าไว้ เพราะความยาก ณ ตอนนั้นคือผมคิดคนเดียวไง เหมือนมีหลายมวลความคิดอยู่ในหัว เริ่มจากเข้าไปคุยโปรเจ็กต์กับคนอื่น ๆ ก่อน เสนอความคิดให้เขาฟัง ก็สรุปว่าไม่มีใครเห็นด้วย ทุกคนคิดเหมือนกันว่า Impossible มากเลย แต่ก็อาศัยความพยายามมาเรื่อย ๆ จนมีแนวร่วมมาร่วมงานด้วยกันได้
ผมมีโอกาสได้เข้าไปคุยกับศิลปินท่านหนึ่งที่ผมทำงานด้วยคือ พี่ทวน-ทวนทอง นิยมชาติ จาก วง Day Tripper พอคุยเสร็จ พี่ทวนก็คิดว่าเจ๋ง ตอนนั้นคือบอกพี่เขาไปแบบมีความหวังมาก “ถ้าผมทำเทปใหม่ พี่มาออกเทปกับผมนะ” พอเขาตอบตกลง ผมก็ไปหาวิธีมา อีกคนหนึ่งที่สำคัญกับผมมากเหมือนกันคือ พี่เล็ก-สุรชัย กิจเกษมสิน หรือ พี่เล็ก วงพราว โทรไปคุยตรง ๆ เล่ารายละเอียดให้ฟัง เขาก็เข้าใจ ศิลปินทุกคนเวลาที่เราเข้าไปคุยด้วยเขาโอเคหมด แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือ เขาจะได้รับอะไรบ้าง ทุกอย่างเป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่ได้คุยเล่นกันแบบขำ ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คือผมต้องกู้ทุนมาทำเทปครับ เริ่มดำเนินการบันทึกเทปโดยมี 2 ศิลปินที่เล่าให้ฟังมาร่วมบุกเบิกด้วย เพื่อให้กลุ่มแฟน ๆ ของทั้ง 2 วงนี้มาซื้อเทป มาซื้อของที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับตัวศิลปิน รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตด้วย เรียกได้ว่าทำหมดทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง
เปิดพื้นที่ภายในบ้านตัวเองให้ศิลปินมาร่วมเล่นดนตรีที่บ้าน ซึ่งใครที่อยากมาดูศิลปินคนโปรดก็ต้องซื้อบัตรเข้าชม เป็นการหารายได้เริ่มแรกให้กับทางศิลปิน จนกระทั่งประสบความสำเร็จในเรื่องของเทปคาสเซ็ทที่ผลิตออกมา รวมถึงอีกหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการปลุกกระแสเทปคาสเซ็ทขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าถามว่าเหนื่อยมั้ย ตอบเลยว่าเหนื่อยมาก เหนื่อยแต่มีความสุขที่ทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริง ๆ
ตอนที่ทำเทปออกมาจนสำเร็จ มีการจัดคอนเสิร์ต อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จในทันที ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งปีกว่าจึงมีคนพูดถึง มีเทปคาสเซ็ทใหม่ ๆ ออกมาให้คนในยุคนี้ได้ฟังจริง ๆ จนกระทั่งเราสามารถนำผลงานเทปไปคุยกับศิลปินคนอื่น ๆ ได้แล้วว่าเราสามารถทำได้ เป็นการสานต่อความตั้งใจต่อไปเรื่อย ๆ พอทุกอย่างดำเนินไป มีศิลปินออกมาทำเทปเรื่อย ๆ มีคนมาลงทุน มีคนมาสนใจ ผมก็ดีใจมากแล้ว และ Cassette Shop ก็ยังคงดำเนินการเรื่อย ๆ เป็นสื่อกลางและเป็นตลาดให้กับหลากหลายศิลปินในวงการเพลง รวมถึงตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่อไป
“ผมดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ได้เห็นศิลปินใหม่ ๆ มาทำเทปกัน ในระยะเวลา 2 ปี มีอัลบั้มทั้งหมด 10 กว่าอัลบั้มมาร่วมทำเทปคาสเซ็ทกับเรา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนมาสนใจเราจริง ๆ จนตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่เราแล้วที่ลงมือทำ มีหลายคนเริ่มอยากทำแบบเดียวกันกับเรา แม้กระทั่งศิลปินบางคนก็ลุกขึ้นมาทำเทปเอง เราทำให้ศิลปินเหล่านี้มีรายได้ตามที่เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เราทำได้แล้วจริง ๆ ความภูมิใจมันอยู่ตรงนี้แหละ”
มนต์เสน่ห์ความคลาสสิกของเพลงในยุคเทปคาสเซ็ท
ความคลาสสิกอย่างแรก คือเรื่องของงานดีไซน์เครื่องเล่นเทปยุคสมัยก่อน ผมเป็นคนหลงใหลในเรื่องของอุปกรณ์เครื่องเล่นเทปต่าง ๆ เพราะแต่ละแบบมีดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องสะสมทั้ง เทปคาสเซ็ทและเครื่องเล่นเทปควบคู่กันไป ความคลาสสิกที่ 2 คือความเนิบช้า ด้วยความที่ชีวิตเราอยู่กับความเร็วมานานแล้ว ยิ่งในยุคของดิจิตอลที่ทุกอย่างเร็วไปหมด พอนึกย้อนถึงตอนที่ผมเดินไปซื้อเทปเอง รู้สึกเลยว่าม้วนนี้โคตรมีค่าเลย เราต้องนั่งรถจากบ้านที่พระประแดงไปร้านน้องท่าพระจันทร์ เพื่อเทปม้วนเดียว แล้วกลับมานั่งฟังเพลงโปรดจากศิลปินที่เราชอบ มนต์เสน่ห์ของมันคือเรื่องนี้แหละ แม้จะมีความยากอยู่บ้างแต่หากคุณอยากฟังอัลบั้มนี้ในรูปแบบของเทปก็ต้องหาวิธีซื้อมาจนได้
กระแสเทปคาสเซ็ทในยุคดิจิตอล
ณ ตอนนี้ผมมองว่า น่าจะสักประมาณ 60% ไม่ได้สูงมากหรอก อาจจะเริ่มสร้างความตื่นเต้น แต่ถ้าถามว่าพีคตลาดแล้วหรือยัง วงการเทปคาสเซ็ทเคยพีคไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เชื่อว่าเดี๋ยวจะมีพีคอีกรอบแน่นอน
เครื่องเล่นเทปยอดนิยม
เครื่องเล่นเบสิกสำหรับคนเล่นเทปที่เริ่มกลับมาสนใจ สำหรับคนยุคนี้ผมว่าส่วนใหญ่จะมองที่ฟังก์ชันการใช้งานครับ แบบที่พกพาได้ มีลำโพงในตัว ใส่ถ่านได้ เล่นเพลงได้แบบไม่ซับซ้อน อีกแบบรุ่นที่น่าจะเป็นที่นิยมคือสามารถใส่หูฟังได้ เป็นฟังก์ชันเทปที่ทำให้คุณดูเก๋แน่นอน เครื่องเทปเหล่านี้เหมือนเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรม ลยอยากให้ทุกคนค่อย ๆ เริ่มจากรุ่นเทปประมาณนี้ก่อนเน้นไปที่คุณภาพเสียง ใช้ฟังแบบส่วนตัว ก็น่าจะตอบโจทย์ในเรื่องของการฟังได้ดี
ส่วนรุ่นเทปนอน สมัยก่อนเทปนอนพวกนี้มักไม่ได้รับความนิยม จริง ๆ แล้วเป็นไอเท็มที่บางคนเขาก็ไม่หาซื้อกันนะ เป็นเทปที่มีไว้สำหรับอัดเลคเชอร์เวลาอยู่ในห้องเรียน หรือเวลานั่งคุยสัมภาษณ์ ภายหลังถูกนำมาใช้ใหม่ให้กลายเป็นเทปรุ่น Decorate กลายเป็นของสะสม ของสวยงาม เลยกลับมาได้รับความนิยมสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะมีลำโพงในตัวและใช้งานง่าย เปิดฟังได้ เปิดฝาได้ กลายเป็น Gudget อีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นที่ต้องการของวงการเทปคาสเซ็ท สมัยนี้ต้องดูวินเทจ มีความคลาสสิก ดีไซน์สวย และยังคงใช้งานได้จริง
Cassette Shop
Cassette เป็นร้านจำหน่ายเทปคาสเซ็ทในคอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์ เพราะถ้าสังเกตคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ลงไปในเพจ Facebook จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ไม่เน้นเฉพาะการขายของ ส่วนใหญ่จะเป็นคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ อย่างอัลบั้มเพลงนั้นเป็นยังไง เป็นการสร้าง Topic ใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อคุยเรื่องทั่วไป หรืออาจจะเป็นการแนะนำอัลบั้ม แนะนำไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ และพยายามจะปรับให้เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นเรื่อย ๆ นับต่อจากนี้
โดยภาพรวมแล้วก็คือเป็นการขายเทปเพลงคาสเซ็ทในบรรยากาศร้านนั่งชิลล์ มีดนตรีสดมาร่วมเล่นดนตรีกัน และผลิตเทปคาสเซ็ทใหม่ ๆ ออกมาจำหน่าย ซึ่งศิลปินใหม่ ๆ ก็สามารถเข้ามาพูดคุย ร่วมงานกับเราได้ เพราะปีที่ผ่านมาบางอัลบั้มทางร้านก็ช่วยทำด้วย บางอัลบั้มช่วยจำหน่ายอย่างเดียว และบางอัลบั้มก็เป็นแนวร่วมให้มีนายทุนมาช่วยสนับสนุนผลงาน
ถ้าในส่วนที่ทางเราลงมือทำเองก็จะมีวง Moderndog, อภิรมย์ (ชุดแรก ๆ), T_047, Anatomy, My Life As Ali Thomas, The Parkinson, Portrait, TELEx TELEXs ฯลฯ ส่วนของทีมอื่น ๆ ก็จะมีศิลปินคนอื่น ๆ มาร่วมสบทบอีกหลายอัลบั้มเลย โมเดลธุรกิจของผมคือค่ายเพลงยังไม่ได้ลงมายุ่ง ถ้าเป็นเพลงจากศิลปินค่ายต่าง ๆ ก็จะมีการเข้าไปขอลิขสิทธิ์ก่อนเสมอ แต่ระยะหลังมาเมื่อเทปเพลงเริ่มขายได้ ทางค่ายก็ได้มีการทำเพลงในรูปแบบของเทปคาสเซ็ท ส่วนเราเองก็รับหน้าที่เป็นฝ่ายผลิตและช่วยจำหน่าย คล้าย ๆ กับการ Bather กัน เกื้อหนุนกันและกัน
ในอนาคตทางร้านจะมีการย้ายโลเคชันใหม่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 63 โดยจะย้ายไปที่โรงแรมบูทีคที่ชื่อว่า ‘Kowtha Rivertel เข้าท่าห์ ริเวอร์เทล’ แถบย่านเจริญกรุง (ฝั่งเจริญนคร ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับ ASIATIQUE The Riverfront) พร้อมเปิดให้บริการทุกชั้นอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในส่วนของคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ สถานที่จัดคอนเสิร์ต ห้องลับต่าง ๆ และรูฟท็อปสำหรับชมวิวพระอาทิตย์ตกให้ได้ชิลล์เอาต์กันแบบสบาย ๆ
ความสุขและความภาคภูมิใจในฐานะคนรักเทปคาสเซ็ท
สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขก็คือ การได้เห็นคนมาทำเทปใหม่กันนี่ละครับ ผมเห็นศิลปินใหม่ ๆ มาทำเทปคาสเซ็ท อยู่ดี ๆ ปีพ.ศ.นี้ยังมีคนมาทำเทปกันอยู่ เรื่องของเงินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ แต่สิ่งสำคัญคือเรานึกย้อนไปตอนแรกที่เรานั่งอยู่คนเดียวในบ้าน แล้วอยู่ดี ๆ ตอนนี้ก็มีคนปวดหัวทั้งประเทศเพราะเราเอาเทปคาสเซ็ทกลับมาอีกครั้ง รู้สึกตลกดีเหมือนกันที่ตอนนี้หลาย ๆ ค่ายเพลงเริ่มปลุกกระแสเทปคาสเซ็ทให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เรามองว่าอะไรที่คลาสสิกก็ต้องเจอกับปัญหาอยู่แล้ว แต่มันมีเสน่ห์ในแบบที่สิ่งใหม่มาทดแทนไม่ได้จริง ๆ นะ
สิ่งที่อยากฝากถึงคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่หลงรักเทปคาสเซ็ท
อย่างแรกคืออยากให้คนเข้าใจใน Position ของเทปคาสเซ็ท ณ ตอนนี้เสียใหม่ว่ากลายเป็นของสะสมไปแล้ว ถ้าคุณเห็นคุณค่าก็อย่าลืมให้คุณค่ากับมันด้วย สำหรับคนรุ่นเก่าก็อยากจะบอกว่าตอนนี้เทปคาสเซ็ทราคาแพงและผลิตน้อยแล้วครับ ตอนนี้ถูกทำมาเพื่อให้คุณได้สะสม สำหรับคนรุ่นใหม่ เพลงมีไว้ฟังครับ ถ้าคุณขายได้กำไรนั่นคือเป็นความโชคดีของคุณ ถ้าคุณชอบศิลปินคนไหนจริง ๆ อยากให้สะสม สนับสนุนเขาโดยการซื้อของแท้เท่านั้น
ในวันที่คนส่วนใหญ่ฟังเพลงจากการสตรีมมิ่งผ่านโทรศัพท์มือถือหรืออินเทอร์เน็ต ยังคงมีร้านเล็ก ๆ อย่าง Cassette Shop ที่ชวนให้คุณเพลิดเพลินไปกับโลกดนตรีแห่งอะนาล็อก ค่อย ๆ บรรรจงเลือกสรรตลับเทปคาสเซ็ท วางเครื่องเล่นอย่างระมัดระวัง และตั้งใจฟังเพลงโปรดที่ชอบ เป็นไปได้ว่าผู้ที่แวะมาเยือนที่นี่อาจจะเริ่มซื้อเทปคาสเซ็ทเอาไว้เป็นของตัวเองสักม้วน แม้ว่าจะไม่ได้ฟังเทปมานานแล้ว หรือไม่เคยฟังเทปเลยก็ตาม ต่อให้โลกวันนี้หมุนเร็วแค่ไหน สำหรับ Cassette Lover แล้ว พวกคุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกสวนกระแส ดื่มด่ำช่วงชีวิตช้า ๆ และพักผ่อนไปกับสิ่งเหล่านี้ได้อยู่เสมอ