เพราะหัวใจของการรังสรรค์เมนูกาแฟคุณภาพนั้น ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการผลิตของเครื่องชงกาแฟเป็นหลัก จะดีแค่ไหนหากการสกัดช็อตกาแฟในแต่ละครั้ง ได้ความเข้มข้นที่มากขึ้น รสชาติดีมีคุณภาพ ได้ปริมาณการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมด้วยราคาที่สามารถจับต้องได้
สำหรับเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟและบาริสต้าคนไหนที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟระบบกึ่งอัตโนมัติที่ได้มาตรฐานระดับโลกอยู่ละก็ La San Marco เครื่องชงกาแฟแบรนด์ดังจากประเทศอิตาลี นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากเรื่องของงานดีไซน์ รูปลักษณ์ภายนอกที่เข้ากันได้ดีกับทุกคาแร็กเตอร์ร้านแล้ว ยังตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชันการใช้งานที่มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษในการสร้างความแตกต่างซึ่งให้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเครื่องชงกาแฟแบบทั่วไปอีกด้วย
เพราะเหตุนี้เอง BKK. จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องชงกาแฟแบรนด์นี้กันให้มากขึ้น ผ่านรายละเอียดของหลากหลาย Feature ที่น่าสนใจและความเห็นจากเหล่าเจ้าของธุรกิจ ผู้ใช้งานจริงถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่ ๆ เลยทีเดียว
A Hundred Years for La San Marco
เป็นเวลายาวนานกว่า 100 ปีแล้วที่ La San Marco แบรนด์เครื่องชงกาแฟสัญชาติอิตาลี โดยมีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องมาจนกระทั่งครบรอบ 100 ปี ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยแนวการออกแบบทั้งด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดีไซน์โฉบเฉี่ยว และฟังก์ชันการทำงานที่ให้ประสิทธิภาพเหนือราคา อีกทั้งยังตอบโจทย์ทุกการทำงานของการครีเอตเมนูกาแฟรูปแบบต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทาง BONCAFÉ หรือ บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจกาแฟแบบครบวงจร รวมถึงการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตเครื่องชงกาแฟคุณภาพจากต่างประเทศได้เล็งเห็นความสำคัญ พร้อมนำเสนอแบรนด์ La San Marco ให้เป็นที่รู้จักกันในตลาดกาแฟของเมืองไทยมากยิ่งขึ้น
La San Marco’s Points of Difference
สัมผัสความแตกต่างอย่างลงตัวของเครื่องชงกาแฟ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของร้านกาแฟ คาเฟ่ และร้านอาหาร ที่ช่วยรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มคุณภาพได้อย่างคงที่และมีมาตรฐานทุกแก้ว มาดูกันว่าตัวเครื่อง La San Marco มีองค์ประกอบหรือฟังก์ชันการใช้งานอะไรบ้างที่ตอบโจทย์การชงกาแฟได้อย่างครบครันทุกขั้นตอน
La San Marco โดดเด่นเรื่องการพัฒนาด้าน Feature ควบคู่ไปกับความคลาสสิกของตัวเครื่อง เพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ 3 Feature หลัก ได้แก่ ‘Sieve’ หรือตัวตะแกรงบรรจุผงกาแฟ ขนาด 21 กรัม ซึ่งมีขนาดที่พอดีกับแก้วกาแฟมาตรฐาน และมีความจุที่มากกว่า เพื่อให้ได้ช็อตกาแฟที่มีความเข้มข้นกว่าการสกัดช็อตจากเครื่องชงกาแฟแบบทั่วไป
พ่วงด้วยความพิเศษของส่วน Boiler หรือหม้อต้ม ที่มีขนาดความจุถึง 12 ลิตร ซึ่งโดยปกติตัว Boiler ลักษณะดังกล่าวมักจะถูกดีไซน์ฟังก์ชันการใช้งานมากับเครื่องชงกาแฟที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับแบรนด์ La San Marco แล้วนั้น ถูกดีไซน์มาในรูปแบบเดียวกัน แต่มีราคาที่จับต้องได้มากกว่า
ตามมาด้วย '53 mm. Portafilter’ หรือหัวด้ามอัดผงกาแฟ ที่โดยปกติแล้วจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า (ประมาณ 58 mm.) ถึงแม้จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กกว่า แต่ข้อดีก็คือทำให้การกระจายของน้ำเมื่อผ่านผงกาแฟในขณะที่สกัดช็อตมีพื้นที่เล็กกว่า จึงทำให้ช็อตกาแฟที่ได้จากเครื่องนี้มีความเข้มข้นกว่าตามไปด้วย
ปิดท้ายกันที่ในส่วนของ ‘3 Portafilter Fins’ ตัวล็อกก้านชงกาแฟที่ทางแบรนด์ได้มีการดีไซน์ตัวล็อกในรูปแบบ 3 ขา แน่นอนว่าเวลาที่แรงดันน้ำถูกส่งมาที่กาแฟนั้น ตัวกรองและก้านชงกาแฟจะถูกยึดแน่น ลงล็อกแบบพอดิบพอดี ลดโอกาสการหมุนไม่ตรงขั้วล็อกและการหลุดร่วงระหว่างสกัดช็อตกาแฟ ได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานที่เอื้อประโยชน์ได้มากกว่าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลลัพธ์ในการสกัดช็อตกาแฟที่ดียิ่งขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล
Professional Coffee Machine for Every Need
นอกเหนือจากการออกแบบฟังก์ชันส่วนต่าง ๆ ของเครื่องชงกาแฟที่ทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานโดยเฉพาะแล้ว กระแสตอบรับจากเหล่าผู้ใช้งานจริงยังเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่า La San Marco คือแบรนด์เครื่องชงกาแฟในตลาดธุรกิจของไทยที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ทั้งตัวดีไซน์ของเครื่องชงกาแฟที่มีความคลาสสิก สามารถเข้ากับบรรยากาศการตกแต่งของคาเฟ่และร้านอาหารได้ทุกแบบทุกสไตล์ แม้แต่ละร้านจะเลือกใช้เครื่องชงที่ต่างรุ่นกัน แต่สำหรับฟังก์ชันการใช้งานแล้วได้มาตรฐานแบบเดียวกัน แถมคุณภาพยังเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่ ๆ แต่สามารถลงทุนได้ในราคาที่เอื้อมถึง
อย่างร้าน YAKK Cafe คาเฟ่สไตล์ลอฟต์สุดเท่แห่งย่านสามเสนที่เลือกใช้เครื่องชงกาแฟของแบรนด์ La San Marco เพราะตอบโจทย์ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน สามารถครีเอตแต่ละเมนูได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว ผ่านการเซ็ตด้วยระบบอัตโนมัติ ได้จำนวนช็อตกาแฟตามที่ต้องการ โดยเฉพาะการสกัดช็อตน้ำมันกาแฟเข้มข้นของเมนู Dirty ได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงสกัดได้ครั้งละหลายแก้ว (เฉลี่ย 1 นาทีต่อ 1 แก้ว) เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าชาวออฟฟิศและการครีเอตเมนูกาแฟที่ต้องใช้กำลังการผลิตหลายแก้วต่อวัน
หรือจะเป็นร้าน GARRET Hostel & Café คาเฟ่ ไวน์บาร์ และสตูดิโอแห่งย่านศรีนครินทร์ ที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์ตัวร้านในสไตล์ Bistro แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายบรรยากาศร้านแนวยุโรป โดยทางร้านได้เลือกใช้เครื่องชงกาแฟของ La San Marco เพราะตอบโจทย์คอกาแฟชาวต่างชาติที่ชื่นชอบเมนูกาแฟสไตล์อิตาเลียนเป็นพิเศษ เป็นเครื่องชงกาแฟที่ได้มาตรฐานและราคาที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการครีเอตเมนูเครื่องดื่มที่ได้ช็อตกาแฟคุณภาพ ได้รสชาติและความเข้มข้นเทียบเท่ากับต้นตำรับของทางอิตาเลียนถึง 98% เลยทีเดียว
รู้แบบนี้แล้ว นักลงทุนธุรกิจร้านกาแฟหรือบาริสต้าคนไหนที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟดี ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกด้านได้อย่างครบครันและมีความเป็น Reasonable Price ที่โดนใจสักเครื่องอยู่ละก็ อย่ารอช้า ให้ La San Marco เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจในแวดวงกาแฟนี้ดำเนินต่อไปได้อย่างสำเร็จในระดับมืออาชีพ และสำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.boncafe.co.th และ www.facebook.com/boncafethailand
