ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างอย่างยั่งยืนกับ The new all-electric MINI รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อคนเจนใหม่

Published on July 05, 2021

ด้วยไลฟ์สไตล์ของคน Gen ใหม่ ในวิถี New Normal ที่ต้องมีการปรับตัวทั้งในแง่ของการใช้ชีวิต รวมถึงการมีวิธีคิดต่อการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างยั่งยืน ที่เมื่อกล่าวถึงคำว่า ‘Sustainable’ จึงจะไม่ใช่แค่คีย์เวิร์ดที่ถูกพูดถึงลอย ๆ อีกต่อไป เพราะกำลังเป็นทั้งประเด็นและเทรนด์ใหม่ ที่พวกเราทุกคนต่างต้องให้ความสำคัญ 

BKK. จึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ The new all-electric MINI ที่ไม่ใช่แค่เพียงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโฉมใหม่จาก มินิ แต่ยังคือ ‘New Lifestyle ของคนยุคใหม่’ ที่จะพาเราก้าวสู่อนาคตวิถีใหม่แบบเต็มขั้น ทั้งในเรื่องของการขับขี่เพื่อความยั่งยืน การเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง การสะท้อนตัวตนและการแสดงออกทางความคิดอย่างมีสไตล์และมีเอกลักษณ์​ ซึ่งเรียกได้ว่าสอดคล้องกับจุดยืนของแบรนด์ มินิ ที่มุ่งขับเคลื่อนความแตกต่างเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และให้ความสำคัญกับตัวตนที่สอดคล้องกับทุกยุค ทุกสมัยอยู่เสมอ!

ว่าแล้วก็ก้าวเท้าขึ้นรถ ขับเคลื่อนผ่านพลังงานสะอาด เพื่อออกเดินทางไปร่วมหาคำตอบว่า ‘ทำไม The new all-electric MINI ถึงเป็น The New Lifestyle For The New Generation’ พร้อม ๆ กัน

 

The new all-electric MINI (Photo by MINI)

IT'S ALWAYS IN MINI'S DNA.

The new all-electric MINI รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ มินิ โฉมใหม่ ถือเป็นอีกรุ่นที่ถูกถ่ายทอด DNA ของ มินิ ออกมา ซึ่งถ้าหากย้อนไปเมื่อปี 1959 เกิดวิกฤตการณ์ “คลองสุเอซ” ส่งผลทำให้เกิดวิกฤตน้ำมันแพง และเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก “เซอร์ อเล็กซ์ อิซิสโกนิส” ได้ออกแบบรูปโฉมของ มินิ ด้วยแนวคิดการออกแบบรถให้มีขนาดกะทัดรัด สามารถนั่งได้ 4 ที่นั่ง มีพื้นที่ใช้สอยเก็บสัมภาระได้ ตอบโจทย์ด้านการใช้พลังงานรถยนต์อย่างประหยัดและยังมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ครองใจแฟน ๆ ทั่วโลกมาจนถึงตอนนี้

ซึ่งในปี 2021 นี้ มินิ ได้พัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% มาเพื่อตอบโจทย์ในสภาวะปัจจุบันของโลก ทั้งในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อม วิกฤติปัญหาฝุ่นละอองของ PM 2.5 ที่ต้องเผชิญกันอยู่ในทุก ๆ ปี รวมถึงการลดการใช้น้ำมันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

 

แนวคิดการออกแบบรถให้มีขนาดกะทัดรัด สามารถนั่งได้ 4 ที่นั่งของ มินิ (Photo by MINI)

CHARGED WITH PASSION.
THE NEW MINI ELECTRIC.

The new all-electric MINI คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ มินิ โฉมใหม่ ที่ได้พัฒนาต่อมาจากรุ่นที่เปิดตัวในปี 2019 มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังแห่งอนาคตบทใหม่ได้ง่ายขึ้น และยังคงเอกลักษณ์การขับขี่แบบ มินิ ไว้เต็มที่ และที่สำคัญนอกจากจะมี สีขาว White Silver ยังมาพร้อมเฉดสีใหม่ ENIGMATIC BLACK เฉดสีดำที่นอกจากจะดูดีและยังมีอะไร เพราะเป็นเฉดสีที่เมื่อสะท้อนกับแสงในองศาที่ต่างกัน ก็จะทำให้คุณมองเห็นเป็นเฉดสีดำที่สวยงามได้แบบไม่ซ้ำกันอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งตอบโจทย์และโดนใจคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดีไซน์ที่ผ่านการคิดและคัดสรรมาแล้วอย่างแน่นอน 

 

The new all-electric MINI รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ มินิ โฉมใหม่ ที่ได้พัฒนาต่อมาจากรุ่นที่เปิดตัวในปี 2019 (Photo by MINI)

 

เฉดสีใหม่ ENIGMATIC BLACK เฉดสีดำที่เมื่อสะท้อนกับแสงในองศาที่ต่างกัน จะทำให้คุณมองเห็นเป็นเฉดสีดำที่สวยงามได้แบบไม่ซ้ำกัน (Photo by MINI)

เพิ่มความสะสุดตาด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่

โดยมีการออกแบบให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเพราะใน The new all-electric MINI มีการปรับวัสดุให้เป็นสีเดียวกับตัวรถ เพิ่มความหรูหรา และเพิ่มขนาดของกระจังหน้าให้ใหญ่ขึ้นเพื่อความโดดเด่น นอกจากนี้ยังคำนึงถึงหลักพลศาสตร์เพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมสัญลักษณ์ Cooper S สีเหลืองที่ถูกออกแบบให้เป็นสีเฉพาะของ The new all-electric MINI เท่านั้น

 

เพิ่มขนาดของกระจังหน้าให้ใหญ่ขึ้นเพื่อความโดดเด่น (Photo by MINI)

พลังงานสะอาด และการขับขี่แบบ Go-Kart Feeling

The new all-electric MINI ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ แต่ไม่ลดประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกซึ่งเป็น DNA ของ มินิทั้งในเรื่องของความคล่องตัว การออกตัว รวมถึงความสนุกในการขับขี่ ที่ให้อารมณ์ไม่ต่างจากการขับขี่รถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน โดยมาพร้อมพลังสูงสุด 184 แรงม้า ออกตัวได้ทันใจ ทำความเร็วที่ 0-100 กม. ในเวลาเพียง 7.3 วินาที ไม่ว่าจะเป็นในระยะใกล้ หรือไกล ก็สามารถสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สร้างความพึงพอใจให้กับคุณได้ในทุกการเดินทาง 

 

รถยนต์พลังงานสะอาดที่มาพร้อมสัญลักษณ์ Cooper S สีเหลืองที่ถูกออกแบบให้เป็นสีเฉพาะของ The new all-electric MINI เท่านั้น (Photo by MINI)

หมดกังวลเรื่องการชาร์จ

เพราะใน The new all-electric MINI ทุกคัน จะแถมสายเคเบิลชาร์จมาให้ ซึ่งสามารถใช้ชาร์จกับปลั๊กไฟบ้านได้เลย โดยใช้เวลาประมาณหนึ่งคืน (12 ชั่วโมง) หรือจะเลือกติดตั้ง Wall charge ที่จะช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วขึ้นมาก ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือถ้าไปเลือกชาร์จจากจุดชาร์จ แบบ DC Charger (Quick charging 50kW) 0-80% ก็จะใช้เวลาเพียงประมาณครึ่งชั่วโมง หรือ 36 นาที เท่านั้น 


รวมถึงทุกวันนี้ตามห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือคอนโดหลาย ๆ ที่ ก็เริ่มติดตั้งบริการจุดชาร์จ ไว้ให้บริการกันแล้ว ตัดความกังวลกับการกลัวแบตหมดหรือแบตไม่พอระหว่างการเดินทางของคุณไปได้เลย

 

The new all-electric MINI ทุกคัน จะแถมสายเคเบิลชาร์จมาให้ ซึ่งสามารถใช้ชาร์จกับปลั๊กไฟบ้านได้เลย (Photo by MINI)

ห้องโดยสารใช้งานได้เต็มที่

เพราะ The new all-electric MINI ได้ออกแบบพื้นที่วางแบตเตอรี่ไว้อย่างลงตัว ทำให้ขนาดภายในห้องโดยสารไม่ถูกปรับขนาดลง และยังคงมีพื้นที่โดยสาร 4 ที่นั่ง และพื้นที่เก็บสัมภาระมากสูงสุดถึง 731 ลิตร เรียกได้ว่าใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตาม DNA ของ มินิ ไม่ว่าคุณจะออกไปช้อปปิ้ง หรือเก็บสิ่งของใด ๆ ก็มีการจัดสรรสเปซไว้ให้คุณได้ใช้งานอย่างเต็มที่ 

 

ห้องโดยสารที่ให้คุณใช้งานได้เต็มที่ (Photo by MINI)

ขับขี่ด้วยความอุ่นใจ กับการรับประกันแบตเตอรี่ถึง 8 ปี

เพิ่มความอุ่นใจให้กับคนรัก มินิ ที่รักษ์โลก ด้วยการรับประกันทั้งแบตเตอรี่และตัวรถให้ทุกคัน โดยมีการรับประกันแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 8 ปี หรือ 100,000 กม. สำหรับในส่วนของการรับประกันตัวรถ และการซ่อมบำรุง ก็รับประกันถึง 4 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง หรือจะอัพเกรดได้เป็น 6 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางก็เลือกได้

 

ขับขี่ด้วยความอุ่นใจ กับการรับประกันแบตเตอรี่ถึง 8 ปี (Photo by MINI)

และนอกจาก The new all-electric MINI แล้ว ใน 2021 นี้ มินิ ยังได้มีการปรับโฉมใหม่ในอีก 3 โมเดล ซึ่งหลักๆ จะเป็นการปรับเปลี่ยนในเรื่องของดีไซน์ ให้ดูมีความทันสมัยและเหมาะสมกับช่วงเวลา ที่นับเป็นการปรับเปลี่ยนที่มาพร้อมสิ่งใหม่ ๆ ที่จะสร้างความตื่นเต้นให้คุณได้แน่นอน 



ICONIC DESIGN. THE NEW MINI 3-DOOR HATCH. 

การพลิกโฉมครั้งใหม่ของ The new MINI 3-Door Hatch ซึ่งคนรัก มินิ น่าจะรู้กันดีว่า The new MINI 3-Door Hatch สานต่อเอกลักษณ์ของ มินิ ต้นฉบับมาอย่างยาวนานที่สุด และในโฉมใหม่นี้ก็ยังคงตำนานแห่ง Go-Kart Feeling แต่ยกระดับการออกแบบให้มีความ modern ขึ้น เช่น การตกแต่งส่วนต่าง ๆ ภายนอกด้วยสี Piano Black ล้อลายใหม่สองสีตัดกันให้ความรู้สึก sport และยังอัปเกรดเทคโนโลยีความสะดวกสบายให้มากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น มินิ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมสีใหม่ Island Blue ให้แฟน มินิ ได้เลือกครอบครองอีกด้วย

 

The new MINI 3-Door Hatch (Photo by MINI)

 

ล้อลายใหม่สองสีตัดกันที่ให้ความรู้สึก sport (Photo by MINI)

STAY OPEN. THE NEW MINI CONVERTIBLE.

สำหรับอีกหนึ่งไฮไลต์ในปีนี้ต้องยกให้กับ The new MINI Convertible รถมินิ เปิดประทุนที่แฟนๆหลายคนชื่นชอบ แน่นอนว่าการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ยังคงสะท้อนความอิสระอย่างเต็มที่ สังเกตได้จากเฉดสี Zesty Yellow และที่สำคัญมาพร้อมหลังคาแบบ Soft Top ทำจากผ้าทอพิเศษลายธง Union Jack ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร

 

The new MINI Convertible (Photo by MINI)

THE NEW MINI JOHN COOPER WORKS.

มาถึงไฮไลท์ของตระกูลแห่งพลังแรง และสปิริตนักแข่ง ที่ครองใจแฟน ๆ มาอย่างยาวนาน จากชัยชนะในสนามแข่งแรลลี่ Monte Carlo ครั้งนี้ The new MINI John Cooper Works เปิดตัวพร้อมกันถึง 2 โมเดล ทั้ง The new MINI John Cooper Works Hatch และ The new MINI John Cooper Works Convertible มาพร้อมดีไซน์โฉมใหม่ เครื่องยนต์พลังแรง และรายละเอียดโลโก้ John Cooper Works ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตระกูลนี้เท่านั้น เพิ่มการขับขี่ที่เต็มขั้น และดีไซน์ดุดันทรงพลังมากยิ่งขึ้น

 

The new MINI John Cooper Works Hatch (Photo by MINI)

 

The new MINI John Cooper Works Convertible (Photo by MINI)

เรียกได้ว่า The new all-electric MINI คือรถยนต์ที่เป็นคำตอบของคน Gen ใหม่ ที่ลงตัวกับไลฟ์สไตล์และการขับขี่ มาพร้อมความกะทัดรัด คล่องแคล่ว ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ที่สำคัญยังขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% นับเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมแบบ 100% เช่นกัน 

 

The new all-electric MINI และอีก 3 โมเดลใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ (Photo by MINI)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถไปสัมผัสความเจ๋งของรถยนต์ทุก ๆ โมเดลของมินิ ได้ด้วยตัวคุณเอง หรือติดต่อสอบถาม พร้อมชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3vRPA8F  


#MINIElectric

#ThenewAllElectricMINI

#ChargedWithPassion

#MINITH